เมื่อช่อง 7 เสียแชมป์

ขออนุญาตการชุมนุมไว้ 3 วัน (12-14 ม.ค.)

คุณตั้ม-พิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. บอกว่า.. “แต่เราจะกลับมาที่นี่อีกครั้งในวันที่ 2 ก.พ.นี้ เวลา 15.00 น. ที่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ

และการชุมนุม จะปักหลักค้างคืนอย่างไม่มีกำหนด จะเป็นการชุมนุมยาวต่อเนื่อง..และหากมีประชาชนมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก เราก็อาจขยายพื้นที่การชุมนุมลงไปบนท้องถนนได้"

นี่..เป็นความมุ่งมั่น ที่ไม่ได้เกิดจากความโกรธแค้น หรือทะเลาะกับใครเป็นการส่วนตัว เมื่อนายทักษิณไม่กลัว รัฐบาลไม่ยี่หระ กรมราชทัณฑ์ไม่แคร์ รพ.ตำรวจไม่ทุกข์ร้อนใจ..

ไฟในใจของผู้รักความยุติธรรมก็อาจจะลุกพรึบขึ้นมาในเร็ววัน!

เออ..แต่นั่นไม่ลุก มีแต่ฟุบ ผมหมายถึงสถานีโทรทัศน์ช่อง 7HD น่ะ เพราะเห็นข่าวจากผู้จัดการออนไลน์รายงาน..

ผลการสำรวจเรตติ้งแบบ “ข้ามแพลตฟอร์ม” ประจำเดือนธันวาคม 2566 ที่ทำร่วมกันระหว่าง กสทช. สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล และบริษัท เอซี นีลเส็น

ซึ่งเป็นการวัดจากผู้ชมคนไทยทั้งประเทศที่มีอายุ 4 ปีขึ้นไป จำนวน 61.5 ล้านคน

แบ่งเป็นผู้ชมที่รับชมผ่านเครื่องเล่นทีวี (TV Broadcast) หรือเท่ากับ 6.000% หรือคิดเป็น 57% และผู้ชมที่รับชมผ่านช่องทางสตรีมมิง (Streaming) เท่ากับ 4.468% หรือคิดเป็น 43%

พบว่าสถานีโทรทัศน์ช่อง 3HD เป็นสถานีโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยช่อง 3 ได้รับเรตติ้งรวมทั้งหมดอยู่ที่ 1.135

ในขณะที่อันดับที่ 2 คือ ช่อง 7HD ได้รับเรตติ้งอยู่ที่ 1.110 และ อันดับที่ 3 คือช่อง MONO 29 TV เรตติ้ง 0.708

ผลการสำรวจยังพบด้วยว่า หากแยกประเภทออกมา คือ การดูผ่านทีวีกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็ยังพบว่าช่อง 3 เองมีคนที่ "ดูทีวี" ที่เยอะกว่าช่อง 7 อยู่ดี

เมื่อเข้าไปดูในรายละเอียดจริงๆ พบว่าตัวเลขเรตติ้งของรายการต่างๆ จะเป็น ละคร หรือข่าว หรือวัดจากพื้นที่ในกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด หรือในเทศบาล-นอกเทศบาล

พบว่าช่อง 3 เองล้วนแล้วแต่มีตัวเลขเรตติ้งที่สูงกว่าของช่อง 7 ทั้งสิ้น

ครับ..ก็ถือว่าช่อง 7 “ครองแชมป์” โทรทัศน์ที่มีจำนวนผู้ชม-คนดูสูงสุดของประเทศ และได้พยายามรักษาแชมป์มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แต่ที่สุดด้วยกฎธรรมชาติ..

ทุกสรรพสิ่งในโลกย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา..วันนี้ก็เลยต้องแพ้พ่าย เสียแชมป์ให้กับช่อง 3 ไปเป็นที่เรียบร้อย แม้จะด้วยคะแนน (เรตติ้ง) ที่ไม่ได้ทิ้งห่างกันมาก

แต่..แพ้คะแนนหรือแพ้น็อกก็ไม่ต่าง นั่นคือช่อง 3 คว้าเข็มขัดแชมป์ไปครองได้แล้วหลังจากที่ต่อสู้ช่วงชิงเรตติ้งกันมาหลายทศวรรษ!

ก็..ยินดีด้วยกับความสำเร็จของช่อง 3 และนี่ไม่ใช่ “แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร” ฉะนั้นก็หวังว่าช่อง 7 ที่มีผู้บริหารมากด้วยประสบการณ์-มันสมอง..

จะใช้กึ๋น ความรู้ ความสามารถที่มี คิดหาวิธีที่จะทวงคืนแชมป์ให้ได้ไวๆ แต่เท่าที่สดับฟังผู้จัดละครเขารำพึงรำพัน..

โอกาสที่จะเห็นละครช่อง 7 กลับมาช่วงชิงเรตติ้งจากช่อง 3 ดูค่อนข้างจะริบหรี่ ด้วยตอนนี้นโยบายใหม่ ละครออกอากาศแค่ไม่ถึง 1 ชั่วโมงต่อวัน

แถมจากแต่ก่อนที่ออนแอร์ 15-20 ตอนต่อเรื่อง ก็มาตัดเหลือแค่ 10 ตอนต่อเรื่อง ซึ่งไม่ทันที่จะกระชากเรตติ้ง ละครก็ลาจอไปแล้ว

สำคัญไปกว่านั้น เมื่อลดตอน-ลดงบ ผลกระทบก็ตกไปยังผู้จัด เพราะผู้จัดยังต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าเดิม ไม่ว่าช่องจะออนแอร์กี่ตอนก็ตาม

และบางผู้จัดก็ต้องพยายามที่จะเซฟงบ ประหยัดค่าใช้จ่าย จึงส่งผลถึงผลงานที่ออกมาดังที่มีคนเขานินทา..

ในละคร พระเอกช่อง 3 ขับรถสปอร์ตหรู แต่พระเอกช่อง 7 ขับรถยนต์อเนกประสงค์ ดูช่างห่างชั้นกันเหลือเกิน!

ยิ่งไปกว่านั้น การที่ช่อง 7 ไปซื้อซีรีส์เกาหลีที่เขาออนแอร์มาแล้วครึ่งค่อนปีมาออกอากาศต่อจากละครหลังข่าว

ซึ่งช่อง 7 อาจมองเป็นซีรีส์ใหม่ แต่คนดูที่ติดตาม-เป็นแฟนซีรีส์เกาหลี เขาหัวเราะ..มันเก่า-ช้ำไปแล้ว จะเอามาฉายให้ใครดู?

นี่..ผมก็พูดไปตามที่ได้ยิน-ได้ฟังมา แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ผมก็ยังคงเป็นแฟนและเชียร์ช่อง 7 อยู่ต่อไป และหวังอีกไม่นานช้า จะได้เห็นโฉมใหม่ของช่อง 7 เพื่อการทวงคืนแชมป์

แม้จะรู้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เชื่อไม่ยากเกินไปสำหรับผู้บริหารช่อง 7..

หรือว่า “ยาก” ก็สารภาพมา!.

 

 

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อหังการ-ขี้โม้เป็นนิสัย

เกิดอะไรขึ้น? เพื่อนคนหนึ่งถามผมหลังเห็นข้อความที่ “เสก โลโซ” โพสต์.. “ประกาศจากพี่เสก โลโซ เรื่องลิขสิทธิ์เพลงที่นักดนตรีประจำสามารถนำเพลงไปร้องได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์

เก็บเชือกไว้ใช้เองเถอะ

“เส้นกูใหญ่.. ใครก็ทำกูไม่ได้ ใครก็เอากูไม่ลง เพราะกูใหญ่ ใหญ่ยิ่งกว่านายพล ใหญ่กว่านายกรัฐมนตรี ใหญ่กว่า... ใหญ่กว่าทั้งหมด กูแบ็กดี

คิดถึงนักรบลุง

กองเชียร์ กองหนุน กองรักลุงตู่.. มีใครพอจะทราบไหมว่า ตั้งแต่ปีเก่าจนลุเข้าปี 2568 บุคคล 2 ท่าน คุณแรมโบ้ คุณอ้น ทิพานัน ที่เคยร่วมรบเคียงบ่า-เคียงไหล่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หายหน้า-หายตาไปไหน?

เรื่องเล่าที่ชวนขนลุก

เห็นตัวเลขแล้วตาลาย.. งั้นสรุปเอาจากข่าวโปรย “ผู้จัดการออนไลน์” ก็แล้วกัน.. “ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน ‘นายกฯ แพทองธาร’ พร้อมสามี มั่งคั่งแตะ 1.4 หมื่นล้าน หนี้ 4 พันกว่าล้าน มีกระเป๋า 217 ใบ รถ 23 คัน

นักการเมืองไม่ใช่อาชญากร?

ก่อนจะสิ้นปี.. นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีทุจริต บิดานายกรัฐมนตรีแพทองธาร ผู้นอบน้อมถ่อมตน (ยามอยู่ไกลบ้าน)..จะกลับมาเลี้ยงหลาน เลิกข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง..

ประชาชนควรพึ่งประชาชน

วันนี้-1 มกราคม.. เริ่มต้นปฏิทินหน้าแรกของปีใหม่ พ.ศ.2568 ก็ขออนุญาตกล่าวคำอำนวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกท่านจงมีแต่ความสุข ความสมหวัง ไม่เจ็บ ไม่จนกันนะครับ!