ท้ายที่สุดคำขู่จากปักกิ่งก็ไม่ได้ทำให้คนไต้หวันกลัวถึงขั้นต้องไปลงคะแนนเสียงให้ฝ่ายค้านขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของไต้หวันในการเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
แต่ชัยชนะของ William Lai หรือ “ล่าย ชิงเต๋อ” แห่งพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าหรือ DPP ต่อ “โหว โหย่วหยี” แห่งพรรคก๊กหมินตั่งหรือ KMT ที่ทิ้งห่างกันประมาณ 7% หรือ 40-33% ย่อมยกระดับความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันอย่างปฏิเสธไม่ได้
เพราะปักกิ่งเรียกนายวิลเลียม ล่ายว่าเป็น “ตัวแสบ” หรือ troublemaker มาตลอด
ทั้งนี้เป็นเพราะจุดยืนที่กร้าว และไม่ยอมรับว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนตามแนวเดียวกับไช่ อิงเหวินที่มาจากพรรคเดียวกันและก้าวลงจากตำแหน่งเพราะเป็นผู้นำมาสองสมัยแล้ว
วิลเลียม ล่ายเป็นรองประธานาธิบดีของไช่ อิงเหวินมาหนึ่งสมัย
จึงถือได้ว่าเป็นการส่งไม้ต่อด้วยนโยบายเดียวกัน...คือใกล้ชิดสหรัฐฯ ไม่พร้อมจะประนีประนอมกับจีนต่อไป
การที่วิลเลียม ล่ายชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันเสาร์ หลังการแข่งขัน 3 ฝ่ายที่ดุเดือดและตึงเครียดทำให้พรรคที่ประกาศว่า “ไม่ไว้วางใจจีน” จะอยู่ในอำนาจสมัยที่ 3 ติดต่อกัน
นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีตามระบอบประชาธิปไตยในปี 1996 บนเกาะแห่งนี้
พอรู้ผลว่าชนะเลือกตั้งแล้ว ผู้นำไต้หวันคนใหม่ที่จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมืองในเดือนพฤษภาคมนี้ประกาศว่า
“ผมมุ่งมั่นที่จะปกป้องไต้หวันจากภัยคุกคามและการขมขู่จากจีน'
และ “จะรักษาสถานะข้ามช่องแคบไต้หวันที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน”
นั่นแปลว่าจะไม่มีการเจรจาเรื่อง “รวมชาติ” อย่างที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนได้ประกาศเป็นจุดยืนอันแน่วแน่ของจีนมาตลอด
พรรค DPP อ้างระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งว่าปักกิ่งได้พยายามอย่างหนักที่จะเข้าไปแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การรณรงค์บิดเบือนข้อมูล และการเพิ่มระดับกิจกรรมทางทหารรอบ ๆ เกาะอย่างเปิดเผยของฝ่ายจีน
ค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังการนับคะแนนดำเนินไปได้กว่าสามชั่วโมง วิลเลียม ล่ายก็ประกาศชัยชนะที่สำนักงานใหญ่พรรคในไทเป
ตอนประมาณ 4 ทุ่มที่นั่นด้วยการนับคะแนนจากหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 99%แล้ว เขาได้ 40.14% และคู่แข่งคือโหว โหย่วหยีจากพรรคก๊กมินตั๋งที่ค่อนข้างจะเป็นมิตรกับจีนได้ 33.44%
ขณะที่คู่แข่งคนที่สามคือเคอ เหวินเจ๋อ (Ko Wen-je)ประธานพรรคประชาชนไต้หวัน (TPP) ได้ 26.43%
ผลเลือกตั้งครั้งนี้สูสีกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อนมาก
คราวนั้นไช่ อิงเหวินเอาชนะหาน กว๋อหยีคู่แข่งจากก๊กหมินตั่งด้วย 57%
พรรค DPP ก่อตั้งขึ้นในปี 1986 ถึงวันนี้ สามารถเอาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง 5 ครั้งจากทั้งหมด 8 ครั้ง
แต่ผลการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรในวันเดียวกันนั้น ผลออกมาว่าพรรคนี้สูญเสียเสียงข้างมากในสภานิติบัญญัติ
นั่นจะทำให้การผ่านกฎหมายของรัฐบาลต้องเผชิญกับอุปสรรคไม่น้อยในอีกสี่ปีข้างหน้า
ประเด็นเรื่องอธิปไตยและอนาคตของไต้หวันถือเป็นประเด็นขัดแย้งที่ร้อนแรงที่สุดเรื่องหนึ่งระหว่างปักกิ่งและวอชิงตัน
ปฏิกิริยาจากปักกิ่งว่าด้วยผลการเลือกตั้งไต้หวันครั้งนี้จึงจะเป็นตัววัดบรรยากาศความสัมพันธ์สามเส้าคือจีน, ปักกิ่งและวอชิงตันว่าจะมีรูปแบบใดจากนี้ไป
วิลเลียม ล่ายประกาศให้คำมั่นกับประชาชนหลังได้ชัยชนะการเลือกตั้งว่าจะสานต่อเส้นทางของไช่ อิงเหวินในการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับจีน
และยังย้ำว่าภายใต้การนำของเขา ไต้หวันจะรักษาสถานะที่เป็นอยู่ต่อไป
จุดยืนของเขาว่าด้วยการสนับสนุน "เอกราชของไต้หวัน" ก่อนหน้านี้จะหมายถึงการประกาศอย่างเป็นทางการของรัฐไต้หวันที่เป็นอิสระและมีอำนาจอธิปไตยในการแยกตัวจากการเมืองจีนหรือไม่...เป็นประเด็นที่จะกำหนดว่าเขาพร้อมจะบริหารความตึงเครียดในการไปมาหาสู่กับปักกิ่งเพียงใด
คนที่จะมาเป็นรองประธานาธิบดีคือ “เซียว เหม่ยฉิน” Hsiao Bi-khim ซึ่งเคยเป็นตัวแทนไต้หวันประจำวอชิงตัน
อีกนัยหนึ่งเธอคืออดีตเอกอัครราชทูตไต้หวันโดยพฤตินัยประจำวอชิงตันนั่นเอง
เธอได้ชื่อว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯ ที่เก่งที่สุดของไต้หวัน"
เธอจะเป็นรองประธานาธิบดีคนแรกของไต้หวันที่ไม่ได้เกิดบนเกาะนี้ด้วย
ประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวันปีนี้อายุ64 ปี เป็นลูกชายคนงานเหมือง สูญเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เคยเป็นแพทย์ก่อนที่จะเข้าสู่วงการการเมือง
เขาเป็นนายกเทศมนตรีของไถหนานอันเป็นที่ตั้งของโรงงานใหญ่ของบริษัทTSMC ผู้ผลิตชิปชั้นนำของไต้หวัน
ก่อนที่จะมาเป็นรองประธานของไช่ อิงเหวินในวาระที่สองของเธอ วิลเลียม ล่ายดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคณะบริหารของเธอตั้งแต่เดือนกันยายน 2017จนถึงต้นปี 2019
ความสัมพันธ์ระหว่างไทเปและปักกิ่งถดถอยลงนับตั้งแต่จีนหยุดพูดคุยกับรัฐบาลไต้หวันหลังจากที่ไช่ อิงเหวินเข้ารับตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม 2016
ความสัมพันธ์เสื่อมถอยลงไปอีกเมื่อเกิดสงครามเทคโนโลยีและการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น
ฝ่ายบริหารของไช่ อิงเหวินเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยี และออกกฎหมายจารกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อป้องกันไม่ให้ความลับทางการค้าไหลเข้าสู่จีน
หลังจากที่วอชิงตันขึ้นบัญชีดำบริษัท Huawei Technologies ในปี 2019
จากนี้ไปต้องติดตามว่าความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีนจะเลวร้ายลงอย่างที่นักวิเคราะห์หลายสำนักมองหรือไม่
เช่นปักกิ่งจะส่งบินเครื่องบินทหารมาลาดตระเวรรอบ ๆ เกาะไต้หวันมากขึ้นเหนือเส้นกึ่งกลางในช่องแคบไต้หวันหรือไม่
จีนจะพยายามแย่งชิงพันธมิตรทางการทูตอย่างเป็นทางการของไต้หวันให้มากขึ้นหรือไม่
ปักกิ่งจะลงโทษกลุ่มธุรกิจไต้หวันที่ได้แสดงความชื่นชอบประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวันหรือไม่
และจีนจะพยายามเชื่อมต่อกับ สส. ของพรรคก๊กหมินตั่งที่จะรับการเลือกตั้งมากขึ้นในสภาหรือไม่อย่างไร
ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นประเด็นร้อน ๆ ที่เราต้องจับตาตรงช่องแคบไต้หวันจากนี้ไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ