ได้ฟังคำพูด คำเตือน ของ คุณหมอธีระ หรือนายแพทย์ ธีระ วรธนารัตน์ แห่งคณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ ที่ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วง เป็นใย ต่อการมาถึงของท่านเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ หรือสายพันธุ์ Omicron ด้วยการโพสต์อะไรต่อมิอะไรเอาไว้เมื่อวันวานที่ผ่านมา ก็พอรู้สึกเบาอก-เบาใจขึ้นมามั่งนิดๆ โดยเฉพาะที่ท่านได้เร่งให้ใครต่อใครรีบไป ตัดผม หรือรีบไปหา หมอฟัน เอาไว้ก่อนล่วงหน้า...
--------------------------------------------
ด้วยเหตุเพราะทั้ง 2 อย่างที่ว่า... อันตัวข้าพเจ้าเอง ได้ แก้ปัญหา ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คือในเรื่องของการ ตัดผม นั้น ได้แก้ไปตั้งแต่ยุคสายพันธุ์ Delta ยังแพร่ระบาดอยู่หนักๆ หรือก่อนหน้านั้นเอาเลยก็ไม่แน่ เพราะตั้งแต่การแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิดช่วงแรกๆ
ทำให้ร้านตัดผมแต่ละแห่ง แต่ละที่ จำต้อง ปิดตัวเอง หรือไม่ก็ถูกรัฐบาลท่านสั่งปิด อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้เลย เนื่องจากไม่ว่า ช่างตัดผม หรือ คนที่ไปตัดผม ท่านจะสวมหน้ากากไว้ซักกี่ชั้นต่อกี่ชั้น แต่การที่ต้องใกล้ชิด ติดพัน ต้องจับหัว จับโน่น จับนี่ ชนิดไม่อาจ เว้นระยะห่าง ไม่อาจใช้ ไม้เขี่ย ในระหว่างไถไป-ไถมา หรือซอยไป-ซอยมาได้อยู่แล้วแน่ๆ ไม่ต่างอะไรไปจากการกระทำ หัตถการ ตั้งแต่ช่วงต่ำกว่าเอวลงไปนั่นเอง เลยทำให้การตัดผมจึงเป็นอะไรที่กลายเป็น ปัญหา ทั้งของคนตัด และผู้ที่ต้องการจะตัด ยืดยาว ยืดเยื้อ กันมาเป็นปีๆ...
------------------------------------------------
โดยการบีบรัด บีบบังคับ ของฉากสถานการณ์ในทำนองนี้...เลยทำให้ต้องไปวานน้องนุ่ง ให้ช่วยซื้อตะไกรปัตตาเลียนใส่แบตเตอรี่ทางอีมง-อีแมว ส่งมาให้ใช้แก้ขัดไปพลางๆ คือตัดสินใจลงมือ ไถหัว ด้วยตัวเอง ซึ่งก็ต้องถือเป็น โชคดี เอามากๆ ที่ด้วยวัย ด้วยอายุ-อานาม หรือด้วยอะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้บรรดาเส้นผมซึ่งยังคงอาลัย-อาวรณ์อยู่บนหัว ออกจะบางแสนบางเอามากๆ เรียกว่า...ถึงยังไม่คิดจะตัด ไม่คิดจะเล็ม ทุกสิ่งทุกอย่างก็ออกจะล้านเลี่ยน เตียนโล่ง ประมาณน้องชายร่วมสายโลหิตของคุณน้า กาแฟดำ-สุทธิชัย หยุ่น อะไรทำนองนั้น ด้วยเหตุนี้...การลงมือไถหัวด้วยตัวเอง จึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก แถมยังช่วยให้เกิดความสะดวก-สบาย ยิ่งกว่าครั้งที่ต้องอาบน้ำ-แต่งตัว เดินทางออกจากบ้าน เพื่อไปร้านตัดผม ต้องชุลมุนวุ่นวายกับการขับรถ หาที่จอดรถ นับเป็นชั่วโมงๆ เอาเลยก็ว่าได้...
---------------------------------------------------
ส่วนการ ทำฟัน หรือการต้องไปหา หมอฟัน เพราะยังไงๆ คงหาทาง อุด หาทาง ครอบ ด้วยตัวเองไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ เผอิญว่า...ออกจะ โชคดี อีกแล้วนั่นแหละ ที่ก่อนหน้าท่านไวรัส Omicron จะมาถึง ดันไปเคี้ยว ส้มจี๊ด อาหารยามว่างที่ยิ่งกิน-ยิ่งติด พอๆ กับยาเสพติดไปแล้วก็ว่าได้ ส่งผลให้อะไรที่เคยอุด เคยครอบ มันหลุด มันแตก มันบิ่น จนต้องเผ่นไปหาหมอฟันมาตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว และหมอท่านก็ช่วยอุด ช่วยครอบ ช่วยขูด ชนิดเบ็ดเสร็จเรียบร้อยไปแทบทุกซี่ กว่าจะนัดให้ไปตรวจ ไปเช็กอีกที ก็ยาวไปถึงปีหน้า หรืออาจหลังๆ เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไปแล้วก็ไม่แน่ ส่งผลให้การเตรียมตัวรับมือกับการมาถึงของท่านเชื้อไวรัส Omicron จึงเป็นอะไรที่คล่องเนื้อ คล่องตัว ไม่ถึงกับอึดอัดขัดข้องใจไปไม่รู้กี่กองต่อกี่กอง...
---------------------------------------------------------
หรืออย่างน้อย...ก็น่าจะสบายเนื้อ-สบายตัว กว่าผู้ที่มีสถานะเป็น รัฐบาล หรือกว่าท่านนายกฯ คุณลุง บิ๊กตู่ ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ที่น่าจะทั้งปวดหัวและปวดหำ ชนิดยา บวดหาย หรือยาอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ น่าจะ เอาไม่อยู่ ไปด้วยกันทั้งสิ้น เพราะการคิด การตัดสินใจ ที่จะต้องเปิดประเทศหรือปิดประเทศ ไปในแบบไหน ในลักษณะใด มันคงไม่ได้ง่ายๆ เหมือนการปอกกล้วยเข้าปากแต่อย่างใด คือถ้าหันไปปิดอย่างเก่า อย่างเดิม แบบประเภท ล็อกดาวน์ หรือ กึ่งๆ ล็อกดาวน์ ก็แล้วแต่ โอกาสที่จะนำไปสู่การ อดตาย ไปทั่วทั้งประเทศ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงยิ่งเข้าไปทุกที...
-----------------------------------------------------------
แต่ถ้าหากคิดจะเปิดแบบแง้มๆ หรือถึงขั้นคิดถ่างอ้าซ่าก็เถอะ...โอกาสที่จะ ป่วยตาย หรือถึงไม่ตายก็อาจคางเขียว คางเหลือง ต้องหามไปหยอดน้ำข้าวต้มกันในโรงพยาบาล หรือในสถานที่กักกัน ในควอรันตีนต่างๆ จนอาจก่อให้เกิด ปัญหา ในการแย่งเตียง จองเตียง การเพิ่ม ฟางเส้นสุดท้าย บนหลังลา หรือบนหลังไหล่ของบรรดานายแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ทั้งหลาย ที่ต่างก็เหนื่อยฉิบหาย มาตลอดเกือบ 2 ปีเข้าไปแล้ว ให้ยิ่งต้องไหล่ทรุด ไหล่หัก หนักยิ่งขึ้นไปใหญ่ จนอาจนำไปสู่ ความล่มสลาย ของ ระบบสาธารณสุข เอาเลยก็ไม่แน่!!!
--------------------------------------------------------------
อันนี้นี่แหละ...เลยทำให้คนระดับนายกรัฐมนตรี อย่างท่านนายกฯ คุณลุง บิ๊กตู่ คงหนีไม่พ้นต้องคิดมาก ไม่ก็คิดเล็ก-คิดน้อย คิดโน่น คิดนี่ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย แม้จะสามารถแสวงหาบริการจากช่างทำผม หรือหมอฟัน รายใดๆ ก็ย่อมได้ แต่ด้วยเหตุเพราะ อำนาจ และ หน้าที่ นั่นเอง ที่มันทำให้จำต้องแบกรับภาระ ความรับผิดชอบ ตามไปด้วย อย่างมิอาจปฏิเสธ ไม่ต่างไปจากบรรดาผู้นำของแต่ละประเทศ ไม่ว่าอเมริกา อังกฤษ ยุโรปทั้งยุโรป อิสราเอล ไปจนถึงฮ่องกง หรือจีน ฯลฯ ที่ต่างต้องออกอาการ ผงะ กับการมาถึงของท่านเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ไปด้วยกันทั้งสิ้น...
--------------------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...คงหนีไม่พ้นต้องขออนุญาตส่ง กำลังใจ มาไว้ให้ก่อนล่วงหน้า ขอให้ตั้งมั่นอยู่ใน สติ ให้มากๆ เข้าไว้เพื่อน้อมรับเอา ปัญญา จากบรรดาผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย มาใช้เป็นเครื่องมือในการ ตัดสินใจ ให้ละเอียด รอบคอบ ให้เหมาะสม สอดคล้อง กับสถานการณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ส่วนบรรดาปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆ-ทั่นๆ ก็คงหนีไม่พ้นต้องหันมาสวมหน้ากาก ล้างมือ-ล้างไม้ เว้นระยะห่าง ฯลฯ เอาไว้ก่อนนั่นแหละดี อย่างน้อย...ก็อาจถือเป็นทั้งการ ช่วยตัวเอง และ ช่วยชาติ ไปในตัว...
------------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Publilius Syrus... “He is best secure from dangers who is on his guard even when he seems safe.- เขาผู้ซึ่งปลอดภัยจากอันตรายนานาประการ ด้วยเหตุเพราะยังคงความระมัดระวังทั้งที่รู้ว่าตัวเองปลอดภัย...”.
--------------------------------------------------------
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่าถึงกับต้องไปถือสาหาความ
ถือซะว่า...ท่านอาจ หาเสียง มาซะจนเคย!!! คือการประกาศจะสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาก่อนล่วงหน้า 2 ปีเนี่ย ย่อมมิใช่น้อยๆ
ต้องเริ่มต้นด้วยการทำลาย 'ความเกลียด'
นับตั้งแต่คุณน้า ชัชชาติ บุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี ท่านแลนด์สไลด์ แอฝะล้านช์ หิมะถล่ม ดินทลาย ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!
เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย
ว่าด้วย...ชัยชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
อืมม์ม์ม์...ต้องเรียกว่าทั้ง แลนด์ ทั้ง สไลด์ เอาเลยทีเดียวเจียว สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
จาก กทม.ถึงความเป็นชาติ เป็นสังคมไทย
ขณะกำลังปั่นต้นฉบับชิ้นนี้...ก็ยังไม่มีโอกาสรับรู้ได้เลยว่า ตกลงใครเป็นหมู่ เป็นจ่า เป็นสารวัตรกันแน่!!!
ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”
หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น