ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล หรือ “คุณชายอดัม”..
จะว่าเป็นผู้กำกับภาพยนตร์รุ่นใหม่ก็ไม่เชิงนัก จะว่าเป็นรุ่นเก่า-เก๋าก็ดูจะแก่เกินไป เอาเป็นว่าอยู่ในระดับกลางๆ ระหว่างเก่า-ใหม่ก็แล้วกัน!
ตอนนี้ นอกจากอาชีพผู้กำกับ เป็นลูกไม้หล่นใต้โคนแล้ว คุณชายอดัม โอรส “ท่านมุ้ย” ยังได้นั่งเป็น “กรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ” สาขาภาพยนตร์อีกงาน
และด้วยตำแหน่งแห่งหนนี้ คุณชายอดัมดูจะมีบทบาทอยู่มากกับการผลักดันภาพยนตร์ไทยให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่เห็นเป็นรูปธรรม จับต้องได้..
ไม่ใช่แค่นั่งประชุม-จิบกาแฟในห้องแอร์ โม้ๆ กันเสร็จก็กลับ บ้านใคร-บ้านมัน!
วันก่อน..เห็นข่าวคุณชายอดัมเข้าประชุมกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวต์เวอร์ฯ ที่มีคุณอิ๊งอิ๊ง หัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั่งเป็นประธาน
ซึ่งจะก่อนหรือหลังประชุมไม่แน่ใจ คุณชายอดัมได้พูดถึงปัญหา-อุปสรรคที่ทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยไม่พัฒนา-เติบโต นั่นคือ..ระบบการตรวจพิจารณาภาพยนตร์
พร้อมบอกด้วยว่า ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการยกร่าง พ.ร.บ.ภาพยนตร์ฉบับใหม่ เพราะแม้ประเทศไทยจะไม่มีการเซ็นเซอร์ภาพยนตร์มานานแล้ว
แต่การจัดประเภทภาพยนตร์ หรือ “เรตติ้ง” ในปัจจุบัน ก็ยังมีการทำให้ภาพยนตร์ไม่ได้ฉายอยู่เหมือนเดิม!
“มีกฎข้อหนึ่งห้ามฉายในราชอาณาจักร มีขอบข่ายกว้างมาก เมื่อเป็นแบบนี้ ทำให้ภาพยนตร์ในประเทศไทย หลายๆ ครั้งไม่ค่อยมีสาระ
เพราะจะเจอกฎข้อห้ามฉายในราชอาณาจักร หรือบางทีจะโดนคณะกรรมการภาพยนตร์บอกว่า ถ้าไม่ตัดตรงนี้ออก ภาพยนตร์จะฉายในราชอาณาจักรไม่ได้..
จึงเป็นที่มาว่า ประเทศไทยควรเปลี่ยนตรงนี้ ไม่อย่างนั้นจะฉุดให้ภาพยนตร์ไม่พัฒนาต่อ และจะมีปัญหาต่อเนื่อง..” คุณชายอดัมอธิบาย และว่า..
“การทำภาพยนตร์ ถ้าอยากให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า ภาพยนตร์หลายๆ เรื่องต้องวิพากษ์วิจารณ์ ในประเด็นสำคัญของสังคม หลายครั้งทำแบบนั้นไม่ได้”
คุณชายอดัมดูเหมือนจะมีความเชื่อและมั่นใจถึงกับพูด.. “การแก้ไข พ.ร.บ.ภาพยนตร์ จะส่งผลให้ต่อไปในอนาคตวงการภาพยนตร์จะมีความหลากหลายมากขึ้น
จะมีการสร้างภาพยนตร์มีเนื้อหาสาระลึกซึ้งขึ้น มีความบันเทิงขึ้น มีความชัดเจนในการนำเสนอมากขึ้น”
ครับ..ก็เป็นมุมมอง-ความเชื่อของคนที่เกิด-เติบโตมากับภาพยนตร์ ซึ่งย่อมจะรู้ตื้นลึกหนาบางเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ในความเห็นผม คนไม่มีความรู้อะไรกับหนังไทยแม้แต่น้อย แค่ชอบดูหนัง และบางห้วงก็มีโอกาสได้เข้าไปนั่งเป็นกรรมการตรวจพิจารณาภาพยนตร์อยู่บ้าง
หากเห็นว่าพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พ.ศ.2551 เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาภาพยนตร์ไทย (จริง) จะปรับเปลี่ยนเขียนร่างใหม่ก็เห็นด้วยและขอสนับสนุน
จะยกเลิกประเภทภาพยนตร์ที่ “ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร” ไปเลยผมก็ไม่ขัดข้อง ดีเสียอีกที่จะได้ดูหนังที่แสดงการมีเพศสัมพันธ์ที่เห็นอวัยวะเพศบนจอใหญ่ในโรงหนัง คมชัดตา!
แต่ที่ผมติดใจ-ข้องใจ (ตลอดมา) คือ เมื่อไหร่ผู้กำกับทั้งมือใหม่-มือเก่าจะหาเงินทุนมาทำหนังเองเสียที เพราะถ้ายังพึ่งเงินของนายทุน-บริษัทผู้สร้างอยู่อย่างนี้..
ต่อให้มี พ.ร.บ.ภาพยนตร์สวยหรู มีเสรีภาพมากมายแค่ไหน-อย่างไร..
ก็..ยากที่จะได้เห็นความหลากหลายของหนังไทย!.
สันต์ สะตอแมน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อหังการ-ขี้โม้เป็นนิสัย
เกิดอะไรขึ้น? เพื่อนคนหนึ่งถามผมหลังเห็นข้อความที่ “เสก โลโซ” โพสต์.. “ประกาศจากพี่เสก โลโซ เรื่องลิขสิทธิ์เพลงที่นักดนตรีประจำสามารถนำเพลงไปร้องได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์
เก็บเชือกไว้ใช้เองเถอะ
“เส้นกูใหญ่.. ใครก็ทำกูไม่ได้ ใครก็เอากูไม่ลง เพราะกูใหญ่ ใหญ่ยิ่งกว่านายพล ใหญ่กว่านายกรัฐมนตรี ใหญ่กว่า... ใหญ่กว่าทั้งหมด กูแบ็กดี
คิดถึงนักรบลุง
กองเชียร์ กองหนุน กองรักลุงตู่.. มีใครพอจะทราบไหมว่า ตั้งแต่ปีเก่าจนลุเข้าปี 2568 บุคคล 2 ท่าน คุณแรมโบ้ คุณอ้น ทิพานัน ที่เคยร่วมรบเคียงบ่า-เคียงไหล่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หายหน้า-หายตาไปไหน?
เรื่องเล่าที่ชวนขนลุก
เห็นตัวเลขแล้วตาลาย.. งั้นสรุปเอาจากข่าวโปรย “ผู้จัดการออนไลน์” ก็แล้วกัน.. “ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน ‘นายกฯ แพทองธาร’ พร้อมสามี มั่งคั่งแตะ 1.4 หมื่นล้าน หนี้ 4 พันกว่าล้าน มีกระเป๋า 217 ใบ รถ 23 คัน
นักการเมืองไม่ใช่อาชญากร?
ก่อนจะสิ้นปี.. นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีทุจริต บิดานายกรัฐมนตรีแพทองธาร ผู้นอบน้อมถ่อมตน (ยามอยู่ไกลบ้าน)..จะกลับมาเลี้ยงหลาน เลิกข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง..
ประชาชนควรพึ่งประชาชน
วันนี้-1 มกราคม.. เริ่มต้นปฏิทินหน้าแรกของปีใหม่ พ.ศ.2568 ก็ขออนุญาตกล่าวคำอำนวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกท่านจงมีแต่ความสุข ความสมหวัง ไม่เจ็บ ไม่จนกันนะครับ!