นักเขียน นักปรัชญาและนักกวีชาวอเมริกันเชื้อสายสเปน...ที่ชอบประดิษฐ์ คิดค้น คำพูด-วาทะแบบสั้นๆ ง่ายๆ แต่สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องเตือนสติ เตือนใจได้เป็นอย่างดี อย่างนาย George Santayana ที่เคยเอ่ยเอาไว้เมื่อเกือบ 200 ปีที่แล้ว ประมาณว่า... “A man’s feet must be planted in his country, but his eyes should survey the world.” หรือ “เท้าของคนต้องปักอยู่ในประเทศของเขา แต่ดวงตาควรสำรวจดูโลก” ยังต้องถือเป็นคำพูด คำจา ที่สามารถนำมาปรับใช้กับยุคนี้ สมัยนี้ ได้เป็นอย่างดี หรืออย่างที่ควรให้ค่า ให้ความสำคัญเอามากๆ...
เพราะยิ่งโลกในยุคนี้ สมัยนี้...มันยิ่งกลายเป็นโลกที่แทบไร้พรมแดน ไร้อุปสรรคกีดขวาง ในการเชื่อมต่อ เชื่อมโยง ระหว่างกันและกันยิ่งเข้าไปทุกที แค่ นักท่องเที่ยวจีน ไม่มาไทย หรือมาแบบกะปริบกะปรอย ไม่เหมือนเมื่อไม่กี่สิบปีที่แล้ว แค่นี้ก็ต้องยกเลิกวีซ่ง วีซ่า ต้องหาช่อง หาทาง ฉุดกระชากลากถู ให้บรรดากุมารา กุมารีจีน มาขี้ มาเยี่ยว ใส่ วัดร่องขุ่น ของ อาจารย์เหลิม หรือ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ อย่างเป็นระบบและกิจการ ไม่งั้น...โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะ ตกสะเก็ด ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ เลยย่อมถือเป็นเรื่องไม่แปลก ที่นายกฯ เศรษฐา ของหมู่เฮา ท่านจะเพียรพยายามใส่ ถุงเท้าสลับสี เดินสายไปเยือนโน่น เยือนนี่ เพื่อหวังให้ใครต่อใครทั่วทั้งโลกเข้ามาลงทุนในเมืองไทย โดยต้องแจก-ไม่แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท หรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องค่อยไปว่ากันอีกที...
แต่โดยสรุปแล้ว...โลกทุกวันนี้มันคือโลกที่สามารถส่งผลกระทบในทางลบ-ทางบวกให้กับบรรดามวลสมาชิกในสมาคมโลกอย่างชนิดจะจะ จังๆ ได้ทุกเมื่อ การปักเท้ายืนตัวตรง หรือยืนย่อเข่าซ้าย-เข่าขวาก็แล้วแต่ ภายในประเทศตัวเอง โดยไม่คิดจะลืมตาดูโลก ไม่คิดสำรวจความเป็นไปของโลกเอาเลยนั้น ย่อมมีแต่จะนำมาซึ่งความหลงละเมอ ความมืดบอด ได้เสมอๆ โดยเฉพาะถ้านำเอาความโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต-ริษยา อันเนื่องมาจากการ ปรุงแต่ง ความรู้สึก ที่มีต่อพี่ๆ น้องๆ เพื่อนฝูง ญาติสนิทมิตรสหาย หรือ ศัตรู ที่ถือเป็นฝ่ายตรงข้ามตัวกูเอง มาใช้เป็นบรรทัดฐาน เป็นมาตรฐานด้วยแล้วล่ะก็ โอกาสที่จะเข้ารก-เข้าพง ออกอ่าว-ออกทะเล ไม่เข้าใจความเป็นไปของโลก ไม่เข้าใจความเป็นไปของตัวเอง ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...
เหมือนอย่างบรรดา อดีตฝ่ายซ้าย ทั้งหลาย...ที่หันไป เชียร์อเมริกา แล้วหันมา ด่าเจ๊กแดง หรือด่ารัสเซีย เชียร์ยูเครน ด่าฮามาส เชียร์อิสราเอล ฯลฯ อะไรประมาณนั้น ทั้งที่คุณน้า หงา คาราวาน หรือคุณพี่ มงคล อุทก ท่านเคยพยายามโหยหวน ครวญคราง ออกมาเป็นบทเพลง ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ประมาณว่า...“จักรวรรดิอเมริกันมันเที่ยวรุกรานไม่ว่าบ้านเมืองใคร แบ่งแยกแล้วทำลาย นาทราย นาหินกอง ทำลายบ้านพี่เมืองน้อง ล้มตายก่ายกองเลือดนองแผ่นดิน” จนถึงขั้นต้อง “เอาตีนมาถีบ...เต๊ะแม่มั้นไป” เอาเลยถึงขั้นนั้น!!! แต่อาจด้วยเหตุที่อดีตฝ่ายซ้ายบางราย ที่เคยเป็นพวกเดียวกันเองดันกลายเป็น สลิ่ม เป็น คอมมิวนิสต์รักษาพระองค์ หรือเป็นฝ่ายตรงข้าม ตัวกู-ของกู ไปเป็นรายๆ การหันมาด่าเจ๊กแดง ด่ารัสเซีย ด่าฮามาส แล้วหันไปเชียร์อเมริกา ยุโรป เชียร์ยูเครน อิสราเอล ที่รูปร่าง หน้าตาออกไปทาง ประชาธิปไตย มากกว่า เลยเป็นอะไรที่เข้าท่า ถูกต้อง ชอบธรรม ไปด้วยประการฉะนี้...แล...
โลกในสายตาของอดีตฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา หรือที่นับวันชักจะออกไปทาง ซ้าย-ขวา-ซ้าย สับสน อลหม่าน ยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ เลยกลายเป็นโลกที่แทบไม่ต่างอะไรไปจากสโมสรฟุตบอลอังกฤษ หรือโลกที่แยกเป็น สาวกผีแดง-แมนฯ ยูฯ กับ สาวกหงส์แดง-ลิเวอร์พรุน อะไรประมาณนั้น คือขึ้นอยู่กับ อารมณ์-ความรู้สึก ในทางส่วนตัว ว่าใครจะถือหาง ใครยอมเป็นสาวก ยอมตกเป็นทาส ของฝ่ายใดกันแน่ สิ่งที่เรียกว่า การเมืองไทย เลยหนีไม่พ้นต้องสับสน อลหม่าน ตามไปด้วยอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ และนั่นย่อมทำให้ ผลกระทบ ใดๆ ก็ตาม ที่กำลังก่อให้เกิดความผันผวน ปรวนแปร ระดับแผ่ซ่านไปทั่วทั้งโลก ยิ่งกลายเป็นตัวกระตุ้นให้ความหลงละเมอ ความมืดบอด ยิ่งแผ่ปกคลุมสังคมไทยทั้งสังคมยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
ดังนั้น...แม้ว่าฝ่าเท้า ฝ่าตีน ของ ทวยไทย ทั้งหลายจะปัก จะจม อยู่ในประเทศตัวเอง แต่ในเมื่อดวงตาดันมืดบอด มองโลกไม่ออก มองไม่เห็นความถูก-ความผิดได้ถนัดชัดเจน โอกาสที่จะนำไปสู่ความ เจ๊ง..กับ...เจ๊ง หรือ ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ!!! ทั้งที่การเรียนรู้ถึงความถูก-ความผิดในระดับโลก เอาเข้าจริงๆ แล้ว...คงไม่ต่างไปจากการเรียนรู้ที่จะ เข้าถึง-เข้าใจ ต่อพี่ๆ น้องๆ ต่อผู้ที่อยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันกับตัวเอง คือต้องอาศัยความรัก ความเมตตา การให้อภัย ฯลฯ หรืออาศัยสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ เป็นพื้นฐานนั่นเอง ไม่ใช่มุ่งแต่จะเอาอารมณ์-ความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้ง จนโลกทั้งโลกเหลืออยู่เพียงแค่ อัตตา เหลืออยู่แค่ ตัวกู-ของกู ที่กลายเป็นศูนย์กลางไปซะทุกเรื่อง ทุกๆ กรณี...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เกรงว่าคำอวยพรปีใหม่จะไม่จริง
เวลาที่เรากล่าวคำอวยพรให้ใครๆ เราก็จะพูดแต่เรื่องดีๆ และหวังว่าพรของเราจะเป็นจริง ถ้าหากเราจะเอาเรื่องอายุ วรรณะ สุขะ พละ มาอวยพร โดยเขียนเป็นโคลงกระทู้ได้ดังนี้
แด่...ไพบูลย์ วงษ์เทศ
ถึงแม้จะช้าไปบ้าง...แต่ยังไงๆ ก็คงต้องเขียนถึง สำหรับการลา-ละ-สละไปจากโลกใบนี้ของคุณพี่ ไพบูลย์ วงษ์เทศ นักเขียน นักกลอนและนักหนังสือพิมพ์อาวุโส
กร่าง...เกรี้ยวกราด...ฤากลัว
ใครบางคนตำแหน่งก็ไม่มี สมาชิกก็ไม่ใช่ แต่แสดงบทบาทยิ่งใหญ่กว่าใครๆ เหมือนจงใจจะสร้างตำแหน่งใหม่ที่คนไทยต้องยอมรับ และดูเหมือนเขาจะประสบความสำเร็จเอาเสียด้วย
คำอวยพรปีใหม่ 2568
ใกล้ถึงช่วงปีหน้า-ฟ้าใหม่ยิ่งเข้าไปทุกที...การตระเตรียมคำอำนวย-อวยพรให้กับใครต่อใครไว้ในช่วงวาระโอกาสเช่นนี้ อาจถือเป็น หน้าที่ อย่างหนึ่ง
ก้าวสู่ปีใหม่ 2568
สัปดาห์สุดท้ายปลายเดือนธันวาคม 2567 อีกไม่กี่วันก็จะก้าวเข้าสู่ปี 2568 "สวัสดีปีใหม่" ปีมะเส็ง งูเล็ก
ลัคนากุมภ์กับเค้าโครงชีวิตปี 2568
สรุป-แม้ทุกข์-กังวลจะยังอ้อยอิ่งอยู่ตลอดปีแต่ต้นปีเร่งสร้างฐานชีวิต ครั้นพฤษภาคมไปแล้ว