เศรษฐกิจไทยปีนี้มีความเสี่ยงอะไรบ้าง เป็นหัวข้อที่สำคัญกว่าที่จะถามว่าเราจะมีอัตราเติบโตถึง 5% หรือไม่
เพราะรัฐบาลเศรษฐาบอกว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะ “วิกฤต” อันเกิดจากภาวะที่โตต่ำกว่าศักยภาพ จึงต้องกู้เงินมา 5 แสนล้านเพื่อแจกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้โตโดยเฉลี่ยปีละ 5%
แต่ไม่มีอะไรในเศรษฐกิจของประเทศที่จะเป็น quick win ที่ยั่งยืน
ทุกอย่างต้องทำด้วยแผนระยะกลางและระยะยาว
ที่สำคัญคือต้องสร้างความสามารถในการบริหารความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และจากแหล่งไหนก็ได้
แม้จะมองโลกในแง่ดี โดยเฉพาะหากนโยบายเติมเงินในดิจิทัลวอลเล็ตสามารถดำเนินการได้เต็มวงเงิน 5 แสนล้านบาท ก็ประเมินว่าจะช่วยเพิ่มการเติบโตของ GDP ไทยได้อีก 1-1.5%
และมาตรการ e-Refund คาดจะมีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้นประมาณ 1.4 ล้านคน คิดเป็นวงเงินใช้จ่ายประมาณ 7 หมื่นล้านบาท มีผลช่วยให้ GDP ปีนี้ขยายตัวได้ 0.15-0.2% โดยภาครัฐจะเสียรายได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
หอการค้าไทยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะเติบโตได้ราว 2.8 ถึง 3.3%
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยก็คาดไปในทิศทางเดียวกัน
โดยมองว่าทิศทางเศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่ที่มีผลต่อโลก ทั้งสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรปยังมีแนวโน้มชะลอตัว
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของภาคการส่งออกของไทย
อีกทั้งยังต้องติดตามสงครามรัสเซีย-ยูเครน สงครามอิสราเอล-ฮามาส ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ของหลายคู่ของโลก เช่น จีน-ไต้หวัน กรณีช่องแคบไต้หวัน จีน-ฟิลิปปินส์ กรณีทะเลจีนใต้ และความขัดแย้งระหว่างเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้และญี่ปุ่น
รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันในสัปดาห์หน้านี้
กับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน
สภาอุตสาหกรรมฯ มีเรื่องกังวลสำหรับภาคการผลิตของไทยอีกเรื่องหนึ่งคือมีสินค้าราคาถูก คุณภาพต่ำ มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยนำเข้าจากต่างประเทศทั้งที่ถูกกฎหมาย และลักลอบนำเข้าโดยสำแดงเท็จในลักษณะเดียวกับหมูเถื่อน
เป็นการทำลายวงจรการผลิตและซัพพลายเชนที่เกี่ยวเนื่องในประเทศ
ส่งผลต่อธุรกิจขาดทุนสะสมต่อเนื่อง
มีผลกระทบแล้วมากกว่า 20 กลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นสมาชิกของ ส.อ.ท.
จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหาทางป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
มิฉะนั้นอาจลามเพิ่มเป็นมากกว่า 30 อุตสาหกรรม
ซึ่งอาจมีผลทำให้ต้องทยอยปิดกิจการมากขึ้นเรื่อยๆ ในปีนี้ เหมือนที่เกิดขึ้นแล้วในอุตสาหกรรมเหล็ก
ด้านแบงก์ชาติก็คาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะกระเตื้องขึ้น เพราะส่งออกกลับมาเป็นบวก หนุนท่องเที่ยวที่กำลังแผ่วหลังยอดใช้จ่ายหดตัว
คุณชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานเศรษฐกิจและการเงิน เดือนพฤศจิกายน 2566 ว่า ปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจยังเติบโตต่อเนื่อง
โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากอุปสงค์ภายในประเทศ และมองว่าแรงขับเคลื่อนที่จะสมดุลขึ้น
การส่งออกที่กลับเข้ามาช่วยภาคการท่องเที่ยวที่จะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น
แต่การส่งออกก็ต้องติดตามผลกระทบจากสงครามทะเลแดง
ในภาพรวมคาดว่าสถานการณ์การโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงยังมีผลกระทบที่จำกัด
แต่ในแง่ของต้นทุนอาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นบ้าง
ข้อมูลจากทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ระบุถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ว่าจะยืดเยื้อและส่งผลกระทบมากน้อยอย่างไร
ความเสี่ยงของปีนี้อยู่ที่เศรษฐกิจจีนซึ่งส่งผลต่อภาคการส่งออกของไทย ซึ่งจะเป็นเรื่องนโยบายและการปรับโครงสร้างภายในประเทศเป็นหลัก
"หากนับจาก 1 มกราคม-24 ธันวาคม 2566 มีนักท่องเที่ยว 27.4 ล้านคน อยู่ในทิศทางที่ขยายตัว ซึ่งภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนยังเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ" น.ส.ชญาวดีกล่าว
สรุปว่าประเด็นที่ต้องติดตามคือ
1.การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนและการส่งออกสินค้า
2.ผลกระทบจากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์
3.นโยบายของภาครัฐ และ
4.ผลกระทบของเอลนีโญ
ในระดับโลก คำเดียวที่สรุปภาพรวมของเศรษฐกิจปีนี้คือ “ความผันผวน” (volatility)
เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในปีหน้า ตามข้อมูลจาก 61% ของผู้ตอบแบบสอบถามในแนวโน้มหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ล่าสุดของ World Economic Forum
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ (86%) มองในแง่ดีว่าอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกจะผ่อนคลายลง
นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าแนวโน้มทางเศรษฐกิจอาจบ่อนทำลายความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนา โดย 74% กล่าวว่า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จะส่งผลเช่นเดียวกัน
นักเศรษฐศาสตร์ของสำนักต่างๆ ที่ตอบคำสอบถามของ WEF ตอบเกือบจะตรงกันหมดว่า
หากคุณกำลังมองหาบทสรุปเพียงคำเดียวเกี่ยวกับสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าสำหรับเศรษฐกิจโลกในปีที่จะมาถึง นั่นอาจเป็น "ความผันผวน"
แหล่งที่มาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของความผันผวนนี้คือภูมิรัฐศาสตร์ ตามที่หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่ทำการสำรวจสำหรับ Chief Economists Outlook คนล่าสุดของ World Economic Forum
ในแง่บวก อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง และการชะลอตัวของอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
แต่ปัจจัยของความไม่แน่นอนอื่นๆ อาจจะทำให้อะไรๆ ที่ดูดีนั้นถูกหักกลบลบออกไปได้เช่นกัน
เป็นปีมังกรแห่งความท้าทายที่เซียนเศรษฐกิจทั้งหลายกลัวจะถูก “หักปากกา” กันโดยทั่วถึง!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ