ทำลายบรรยากาศปรองดอง?

ไม่ได้จะเรียกร้องสิทธิเสรีภาพหรอกนะ!

รู้-เข้าใจและเห็นมาตลอดว่า “เสรีภาพสื่อ” ของประเทศไทยเรานั้นมีมากมายก่ายกองจนแทบจะล้นอยู่แล้ว

แต่..การที่รายการ “คุยถึงแก่น” ของ 2 พิธีกรคู่ คุณปรเมษฐ์ ภู่โต กับคุณนันทิญา จิตตโสภาวดี ก็ดี..

รายการ “NBT รวมใจ” และรายการ “ฟังชัดๆ ถนอมจัดให้” โดยคุณถนอม อ่อนเกตุพล ก็ดี ถูกถอดออกจากผังสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) กรมประชาสัมพันธ์นั้น

จะว่า..เป็นไปตามปกติของการปรับผัง-เปลี่ยนแปลงก็พูดได้ แต่จะเชื่อหรือไม่นั้น ผมคนหนึ่งล่ะที่เห็นจะไม่เชื่อ!

ไม่เชื่อเพราะมันส่อแนว-ส่อแวว มีสัญญาณการแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชนจากรัฐบาลปรากฏมาแล้วก่อนหน้ากับกรณีของคุณสมชัย ศรีสุทธิยากร

ที่เจ้าตัวอ้างว่ามีบุคคลโทรศัพท์นัดหมายขอสัมภาษณ์เรื่องการแจกเงินดิจิทัลผ่านสื่อของรัฐ จากนั้นก็มีโทรศัพท์มาขอยกเลิกการสัมภาษณ์

โดยให้เหตุผลว่าผู้ใหญ่ในช่องเห็นว่ารัฐบาลถูกวิจารณ์เรื่องนี้มากแล้ว เกรงว่าจะทำให้เกิดความสับสนมากขึ้น

หรือกรณี คุณธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ที่ไปอัดเทปรายการคุยตามข่าว แต่กลับไม่มีการออกอากาศในประเด็น "ทักษิณ : ระเบิดเวลารัฐบาล?"

โดยตัวเขาได้รับแจ้งว่า ผู้บริหารช่องสื่อของรัฐพิจารณาแล้วเห็นว่าสุ่มเสี่ยงทำให้รัฐบาลไม่พึงพอใจจึงสั่งงดออกอากาศ

ซึ่งก็เป็นที่น่าแปลกใจ ที่เรื่องพรรค์อย่างนี้ได้เกิดขึ้นในยุครัฐบาลที่คุยโตโอ้อวดเป็นประชาธิปไตย ในขณะที่รัฐบาลที่ถูกชี้หน้าเป็น “เผด็จการ” กลับให้เสรีภาพกับสื่อทุกแขนง..

ให้อิสระเขียน-พูด วิพากษ์วิจารณ์ และจิกด่ากันด้วยความคึกคะนองปากไม่เว้นแต่ละวัน!

และด้วยกรณีที่เกิดกับสื่อนี่แหละ คุณนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ จึงได้โพสต์.. “กลิ่นไอเผด็จการ..

เผด็จการมีจุดเด่น คือห้ามวิพากษ์วิจารณ์ หรือพูดง่ายๆ คือ การปิดปากสื่อมวลชน ปิดปากประชาชนจะเกิดแรงต่อต้าน แต่เสียงประชาชนจะไม่ดัง เพราะสื่อจะไม่รายงานข่าว

เผด็จการจึงต้องปิดปากสื่อมวลชน ไม่ให้สร้างกระแสต่อต้านรัฐบาล วิธีจัดการกับสื่อของเผด็จการง่ายๆ เป็นเจ้าของสื่อหรือซื้อสื่อให้อยู่ในมือ ไม่มีลูกจ้างคนไหนกล้าด่าเจ้าของ

หากซื้อไม่ได้แข็งขืนก็ทุบ สื่อทุกชนิดอยู่ได้ด้วยโฆษณาสินค้า สื่อใดไม่มีโฆษณาสินค้าอยู่ไม่ได้

เผด็จการทหารมักไม่ปิดช่องทาง จะเปิดรูหายใจให้สื่อและประชาชน วิพากษ์วิจารณ์หรือด่ารัฐบาลทหารได้

ตรงข้ามกับเผด็จการพลเรือน ที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่สั่นไหวกับจุดอ่อนของตัวเอง ปัญหาความเท่าเทียม การเลือกปฏิบัติ ความยุติธรรม และความเสมอภาค

ปรากฏการณ์แปลกๆ เริ่มเกิดขึ้น จากสื่อของรัฐที่รายการด่านักโทษ ไม่ได้ออกอากาศด้วยข้ออ้างสุ่มเสี่ยง หรือสื่อที่เสนอความจริงมากไป ไม่ก้มหัว

เผด็จการจะกดดันให้ขายวิญญาณ ปิดทางเดิน ให้สยบยอมหรือไม่มีทางไป

ขอให้กำลังใจสื่อของประชาชน ให้มีแรงยืนหยัดที่จะขายความจริง ไม่เบี่ยงเบน เอาใจนักการเมืองและนายทุน.”

ครับ..ก็ขอขอบคุณแทนเพื่อนพ้องน้องพี่สื่อ และขอให้คุณนันทิวัฒน์เบาใจเถอะว่า แม้สื่อของประชาชนจะเหลือน้อยเต็มที แต่ก็ยังมีแรงยืนหยัดที่จะขายความจริง..

ไม่เบี่ยงเบน เอาใจนักการเมืองและนายทุน อยู่ต่อไปอย่างมั่นคง เด็ดเดี่ยว!

เออ..และนั่นก็เด็ดเดี่ยวเช่นกัน ผมหมายถึงคุณตั้ม-พิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. กับความเพียรเรียกหา “มาตรฐานความยุติธรรมไทย” แบบเกาะติดมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

ล่าสุด..เขาได้โพสต์อธิบายความเสียยืดยาวก่อนจะตบท้าย.. “คปท.คือ คปท.คือการเมืองภาคประชาชนที่จะดำรงไว้ซึ่งความถูกต้องเป็นธรรม

ดังนั้น ขอเชิญ พี่น้อง ไม่ว่าคุณจะใส่เสื้อสีอะไร มีมือตบ ตีนตบ มีนกหวีด ฯลฯ ถ้าคุณอยากดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม 12 มกราคม 2567

ใส่รองเท้าผ้าใบมาร่วมกัน เวลา 15.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล สะพานชมัยมรุเชษฐ เราจะเป็น 1 คนที่พูดความจริง ดีกว่าเป็น 100 คนที่ร่วมกันเงียบเพื่อปกปิดความยุติธรรม”

นี่..บางคนมองเป็นการทำลายบรรยากาศปรองดอง แต่คุณตั้มว่า.. “การปรองดองจะเกิดขึ้นได้จากความยุติธรรมและความเป็นธรรม”..

เห็นด้วยนะ!.

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ขึ้นอยู่กับ“กรรม”แต่ละคน!

84 วันฝันร้าย! สุดท้าย คดีดิไอคอนกรุ๊ป อัยการฝ่ายคดีพิเศษมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง “บอสแซม” คุณยุรนันทร์ ภมรมนตรี กับ “บอสมิน” คุณพีชญา วัฒนามนตรี ทุกข้อหา..

อหังการ-ขี้โม้เป็นนิสัย

เกิดอะไรขึ้น? เพื่อนคนหนึ่งถามผมหลังเห็นข้อความที่ “เสก โลโซ” โพสต์.. “ประกาศจากพี่เสก โลโซ เรื่องลิขสิทธิ์เพลงที่นักดนตรีประจำสามารถนำเพลงไปร้องได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์

เก็บเชือกไว้ใช้เองเถอะ

“เส้นกูใหญ่.. ใครก็ทำกูไม่ได้ ใครก็เอากูไม่ลง เพราะกูใหญ่ ใหญ่ยิ่งกว่านายพล ใหญ่กว่านายกรัฐมนตรี ใหญ่กว่า... ใหญ่กว่าทั้งหมด กูแบ็กดี

คิดถึงนักรบลุง

กองเชียร์ กองหนุน กองรักลุงตู่.. มีใครพอจะทราบไหมว่า ตั้งแต่ปีเก่าจนลุเข้าปี 2568 บุคคล 2 ท่าน คุณแรมโบ้ คุณอ้น ทิพานัน ที่เคยร่วมรบเคียงบ่า-เคียงไหล่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หายหน้า-หายตาไปไหน?

เรื่องเล่าที่ชวนขนลุก

เห็นตัวเลขแล้วตาลาย.. งั้นสรุปเอาจากข่าวโปรย “ผู้จัดการออนไลน์” ก็แล้วกัน.. “ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน ‘นายกฯ แพทองธาร’ พร้อมสามี มั่งคั่งแตะ 1.4 หมื่นล้าน หนี้ 4 พันกว่าล้าน มีกระเป๋า 217 ใบ รถ 23 คัน

นักการเมืองไม่ใช่อาชญากร?

ก่อนจะสิ้นปี.. นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีทุจริต บิดานายกรัฐมนตรีแพทองธาร ผู้นอบน้อมถ่อมตน (ยามอยู่ไกลบ้าน)..จะกลับมาเลี้ยงหลาน เลิกข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง..