คำทำนายสำหรับปีใหม่ล้วนมีแต่เรื่องเครียดๆ ระดับโลก ผมจึงขอลอง “มองโลกสวย” บ้าง
ผมลองฉีกมุม หันมาพยากรณ์สวนทางกับเกือบทุกสำนักว่า ไม่แน่สงครามยูเครนกับการสู้รบในฉนวนกาซาอาจจะมีทางสงบลงก็ได้
แม้จะมีความเป็นไปได้น้อยมาก แต่อย่างที่กูรูพูดไว้เสมอว่า “เราต้องให้โอกาสสันติภาพบ้าง” (Give Peace a Chance) จึงขอนำเสนอ “ฉากทัศน์” ที่อาจจะเป็น “แสงแห่งความหวัง: การเจรจาเพื่อยุติสงครามยูเครนและกาซาในปี 2024” อย่างนี้
ทั้งๆ ที่รู้ว่าโอกาสเกิดได้มีแค่น้อยนิดก็ตาม
ลองจินตนาการว่าเรากำลังจะเข้าสู่ “ปีมังกรแห่งแห่งความสดใส”
เป็นปีที่เห็นแสงสว่างส่องประกายบนเวทีระหว่างประเทศ ที่มีสัญญาณชี้ไปว่าอาจจะมีการเจรจาอย่างจริงจังเพื่อยุติความขัดแย้งสองเรื่องที่มีมายาวนาน
ได้แก่ สงครามยูเครนและความขัดแย้งในฉนวนกาซา
แนวโน้มของการบรรลุข้อตกลงสันติภาพในภูมิภาคเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีความสำคัญต่อผู้คนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประชาคมโลกด้วย
เป็นสัญญาณของความมุ่งมั่นทางด้านการทูต การเจรจา และ “วิสัยทัศน์ร่วมกัน” เกี่ยวกับโลกที่สงบสุขมากขึ้น
สมมติว่าในยูเครนมีร่องรอยของเส้นทางสู่การเจรจาทางการทูต
ความขัดแย้งในยูเครนเป็นบ่อเกิดของความตึงเครียดและความทุกข์ทรมานของมนุษย์มานานเกินไปไปแล้ว
เพราะวันนี้คือวันที่ 678 ของสงครามยูเครน
พอขี้นปีใหม่ก็มีความตระหนักของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักว่า ได้เวลาแสดงความเต็มใจที่จะมีส่วนร่วมในการเจรจาที่มีความหมาย
(แม้ว่า Nikkei Asia จะเพิ่งรายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียได้กระซิบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนตอนที่เจอกันเมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมาว่ามอสโกพร้อมจะทำสงครามยูเครนไปถึง 5 ปี)
แต่ขอคิดสวนทางต่อว่า เมื่อเข้าสู่ปีใหม่ประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงมหาอำนาจหลักและหน่วยงานทางการทูตได้เพิ่มความพยายามที่จะอำนวยความสะดวกในการเจรจาระหว่างฝ่ายที่มีความขัดแย้งในยูเครน
นักการทูตและผู้ไกล่เกลี่ยกำลังทำงานข้ามปีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย (ใช้คำของนายกฯ เศรษฐา) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเจรจา โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแก้ปัญหาทางการทูตเพื่อยุติความขัดแย้ง
โดยเน้นที่ “การพูดคุยแบบมีส่วนร่วมและแนวทางพหุภาคี”
ปัจจัยเชิงบวกประการหนึ่งคือ การผลักดันให้เกิดการเจรจาที่ครอบคลุมซึ่งเกี่ยวข้องกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
โดยการนำแนวทางพหุภาคีมาใช้ซึ่งแปลว่าไม่มีใครถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลังในการแสวงหาสูตรสันติภาพ
ผู้เจรจามุ่งหวังที่จะจัดการกับข้อกังวลและแรงบันดาลใจของกลุ่มต่างๆ
โดยส่งเสริมความรู้สึกของการไม่แบ่งแยกและแบ่งปันความรับผิดชอบในการสร้างอนาคตที่มั่นคงและปลอดภัยสำหรับยูเครน
แน่นอนว่าหากจะพูดจากันรู้เรื่องต้องเริ่มที่ข้อพิจารณาด้านมนุษยธรรม
นั่นคือการเริ่มด้วยการเปิดทางให้ความช่วยเหลือ นานาชาติเข้าไปฟื้นฟูชีวิตและทรัพย์สินของยูเครน
โดยการเร่งส่งความช่วยเหลือที่จำเป็นแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง และเพื่อจัดการกับข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นระหว่างความขัดแย้ง
ความมุ่งมั่นในการบรรเทาความทุกข์ทรมานของมนุษย์จะเพิ่มมิติความเห็นอกเห็นใจให้กับการเจรจา
ผมฝันเห็นภาพของปูตินกับประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนนัดพบกันที่เมืองตรงชายแดนของสองประเทศ จิบกาแฟ และจับมือกัน
โดยมีเอกสารที่คณะทำงานของทั้งสองฝ่ายที่ได้ร่วมต่อรองกับสมาชิกนาโตและฝ่ายจีนได้ตกลงเงื่อนไขหลักๆ ไว้เพื่อไปสู่การประกาศการหยุดยิงอย่างน้อย 1 ปี
เพียงแค่เห็นภาพนี้ผมก็มีความหวังสำหรับปี “มังกรยิ้ม” แล้ว
ด้านสงครามฉนวนกาซาก็ต้องจินตนาการทางบวกเหมือนกัน
เพราะการสู้รบถึงวันนี้เข้าสู่วันที่ 86 แล้ว
ในตะวันออกกลาง ความขัดแย้งในฉนวนกาซาเป็นบ่อเกิดของความเจ็บปวดมายาวนาน โดยทั้งชุมชนชาวปาเลสไตน์และอิสราเอลได้ประสบกับผลกระทบอย่างหนักหน่วงจากความรุนแรงและไร้ขื่อไร้แป
ปี 2024 ผู้คนอยากจะเห็นการมุ่งเน้นไปที่การทูตและการเจรจาครั้งใหม่ เพื่อเป็นหนทางในการทำลายวงจรแห่งความขัดแย้ง
เริ่มด้วยความคิดริเริ่มทางการทูตและความร่วมมือระดับภูมิภาค
ผมฝันเห็นมหาอำนาจระดับภูมิภาคและผู้มีบทบาทระดับนานาชาติ ต่างก็มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในความริเริ่มทางการทูตเพื่อหาทางแก้ไขข้อขัดแย้งในฉนวนกาซาอย่างสันติ
โดยเน้นประเด็นการเจาะลึกถึงต้นตอของความขัดแย้ง และสร้างกรอบการทำงานเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืนซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
นักการทูต “คนกลาง” น่าจะคิดถึงขบวนการระดับรากหญ้าและการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการแก้ปัญหาที่ยืดเยื้อยาวนาน เพราะผู้เกี่ยวข้องมองประเด็นการเมืองและด้านความมั่นคงเป็นหลัก
หากปรับฉากทัศน์มาให้ความสำคัญกับภาคประชาสังคมอาจจะมีการหาทางออกจากทางตันได้
ในปีใหม่นี้ ฝันว่าขบวนการระดับรากหญ้าจะได้รับแรงผลักดันทั้งในอิสราเอลและปาเลสไตน์
โดยความเคลื่อนไหวเหล่านี้เน้นย้ำถึงความเป็นมนุษย์ร่วมกันของทุกคนในภูมิภาค
และเรียกร้องให้ยุติความรุนแรง โดยสนับสนุนให้รัฐบาลจัดลำดับความสำคัญของการเจรจาและการปรองดอง
องค์ประกอบสำคัญของข้อตกลงสันติภาพที่ยั่งยืนคือการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจและการฟื้นฟู
พุ่งเป้าไปที่ความพยายามที่จะลงทุนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและชุมชนในฉนวนกาซาขึ้นใหม่
โดยสร้างรากฐานสำหรับความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองที่สามารถนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน
และชี้ให้ทุกฝ่ายเห็นว่าการแก้ปัญหาสงครามทั้งยูเครนและกาซานั้นไม่เพียงแต่เป็นความหวังสำหรับภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบในวงกว้างต่อสันติภาพและความมั่นคงทั่วโลกอีกด้วย
นั่นหมายถึงการกลับมาเสริมสร้างกลไกการทูตและการแก้ไขข้อขัดแย้งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เน้นย้ำถึงความสำคัญของกลไกการทูตและการแก้ไขข้อขัดแย้งในการจัดการกับความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน
หากทำสำเร็จก็สามารถใช้เป็นแม่แบบในการแก้ไขข้อขัดแย้งอื่นๆ ทั่วโลก โดยส่งเสริมการสนทนาเรื่องการเผชิญหน้า
ผมอาจฝันไปไกล แต่ลึกๆ แล้วผู้คนทั่วโลกกำลังสิ้นหวังกับความตีบตันของหนทางสันติภาพที่ดูเหมือนยิ่งวันยิ่งจะห่างเหินออกไปจากประชาคมโลก
แต่ถ้าเราไม่ตั้งความหวังเอาไว้เลย โลกก็จะกลายเป็น “นรกอเวจี” ที่เดินหน้าสู่ “สงครามโลกครั้งที่ 3” อย่างน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงนัก
ขอใช้สิทธิ์ฉีกแนว...และภาวนาให้การทูตและมนุษยธรรมกลับมาเป็น “วาระของโลก” เพื่อความอยู่รอดร่วมกันของมนุษยชาติในวันปีใหม่นี้ครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว