วาทกรรมกับความจริง สิ่งใดมีพลังและมนตร์ขลังมากกว่ากัน

ดูเหมือนว่าทศวรรษที่ผ่านมา คนไทยจำนวนหนึ่งตกอยู่ภายใต้อำนาจของวาทกรรมที่มีพลังในการจูงใจ เป็นมนตร์ขลังที่สร้างอุปาทานหมู่ให้เกิดขึ้นกับประชาชนบางคนพร้อมที่จะเชื่อวาทกรรมเหล่านั้น บางคนเชื่อเพราะหลงใหลคนที่ใช้วาทกรรมแบบเป็นสาวกผู้ภักดี บางคนเชื่อเพราะเป็นวาทกรรมที่หยิบยื่นผลประโยชน์ให้ ด้วยความเห็นแก่ตัวจึงยอมเชื่อวาทกรรมนั้น บางคนก็เป็นฐานเสียงให้พรรคอย่างเหนียวแน่น ดังนั้น วาทกรรมใดๆ ที่ออกมาจากแกนนำหรือผู้บริหารพรรค พวกเขาก็จะเชื่อหมด โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง พวกเขาเชื่อแม้แต่วาทกรรมที่ไม่ตรงกับความจริงเชิงประจักษ์ที่เห็นได้อย่างชัดเจน วาทกรรมที่เราได้ยินบ่อยๆ ก็อย่างเช่น “เผด็จการ สืบทอดอำนาจ 9 ปีไม่มีผลงาน เศรษฐกิจของประเทศดำดิ่งลงเหว เบื่อลุงตู่ ประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลง เลือกพรรคก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” เป็นต้น

ตอนนี้เราได้ยินอีกแล้วว่า 9 ปีมีปัญหามากมาย รัฐบาลนี้จะเข้ามาแก้” ความหมายก็คือ รัฐบาลลุงตู่อยู่ 9 ปีไม่มีผลงาน รัฐบาลเพื่อไทยจะเข้ามาแก้ไข ช่างกล้าพูดนะพ่อคุณ รัฐบาลลุงตู่มีปัญหาอะไร ช่วยแจงออกมาชัดๆ หน่อยเถอะ อย่าพูดลอยๆ เป็นวาทกรรมแบบเท่ๆ เลยนะ ผลงานของลุงตู่ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา ถ้าจะให้แจงให้ฟัง เราสามารถพูดได้ทั้งวัน เขียนได้หลายสิบหน้า เพราะผลงานของรัฐบาลลุงตู่มีทั้งการแก้ปัญหาและการพัฒนาหลายด้าน ถ้าใครตาไม่บอดก็ต้องมองเห็น แต่ถ้าคนใจบอดก็จะไม่เห็น คนพูดก็สร้างวาทกรรมโกหก คนฟังบางกลุ่มก็พร้อมที่จะเชื่อ ดูเหมือนว่าวาทกรรมที่พูดกันแบบเท่ๆ นั้น มันช่างมีพลัง มีมนตร์ขลังสำหรับคนบางกลุ่มบางพวกที่ไม่สนสี่สนแปด ไม่คิดจะหาความจริง มองไม่เห็นว่าวาทกรรมที่พวกคนบางคนพูดนั้น เนื้อหามันขัดกับความเป็นจริงที่เห็นได้แบบชัดๆ โดยไม่ต้องใช้แว่นขยาย เป็นการยอมรับความขลังของวาทกรรมเพราะหลงมนตร์ จึงเกิดอคติ

อยากถามว่า แล้วที่หุ้นร่วงต่อเนื่องทุกวันนี้ ต่างชาติขายหุ้นหอบเงินกลับบ้าน ดัชนีหุ้นต่ำกว่าที่ผ่านมาหลายจุด ต่างชาติที่คิดจะมาลงทุนเปลี่ยนใจไม่มาลงทุน พ่อค้า แม่ค้าในตลาดบ่นว่าขายของไม่ได้ ตลาดซบเซา อันนี้เป็นการแก้ปัญหาหรือการสร้างปัญหาคะ แล้วที่สร้างวาทกรรมสวยหรูว่าเป็นพรรคที่ “คิดใหญ่ ทำเป็น” น่ะ แบบนี้เรียกว่าทำเป็นแล้วใช่ไหม เวลานี้มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้ประชาชนได้ปลาบปลื้มชื่นใจได้บ้างไหม หลายๆ เรื่องอาจจะคิดใหญ่ แต่สุดท้ายเป็นเรื่องที่ “คิดได้ แต่ทำไม่ได้” อย่างที่มีคนเขาว่า “ชกวืด” หลายเรื่อง บอกจะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทแก่คนไทยทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป โดยไม่ต้องกู้ แต่ตอนนี้ออกมาชี้แจงแล้วว่าจำเป็นต้องออก พ.ร.บ.กู้เงินถึง 5 แสนล้านบาท บอกจะแจกทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป อย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ตอนนี้เงื่อนไขเต็มไปหมด

พรรคที่เคยร่วมรัฐบาลกับลุงตู่ เวลานี้มาร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย โดยที่คนในพรรคเพื่อไทยบางคนยังไม่หยุดด้อยค่าการบริหารประเทศของลุงตู่ กล่าวหาว่ารัฐบาลลุงตู่สร้างปัญหาไม่เลิก แบบไม่ให้เกียรติพรรคร่วมกันเลย พรรคร่วมทั้งหลายก็กระไรเลย ไม่คิดจะท้วงติงหรือขอร้องให้คนของพรรคเพื่อไทยให้หยุดด้อยค่าผลงานของรัฐบาลที่ตนเองร่วมด้วยบ้างเลยหรือจะปล่อยให้มีวาทกรรมที่สวนทางกับความจริงเชิงประจักษ์ไปตลอดอายุของรัฐบาลกระนั้นหรือ ช่างเป็นพรรคร่วมที่มีมารยาทและมีขันติธรรม มีอุเบกขาสูงส่งน่ายกย่องยิ่งนัก นอกจากมารยาทงามแล้ว ความอดทนยังมีความเป็นเลิศที่น่ายกย่อง ทำไมถึงไม่คิดที่จะทักท้วงให้พรรคเพื่อไทยหยุดด้อยค่าผลงานของรัฐบาลลุงตู่ที่พรรคของตนเคยร่วมด้วยบ้างล่ะ จะปล่อยให้วาทกรรมที่ไม่ตรงกับความจริงเชิงประจักษ์เป่ามนตร์ใส่กระหม่อมของประชาชนไปอีกนานแค่ไหน

บ้านเมืองเราได้ปล่อยให้นักการเมืองบางคนสร้างวาทกรรมครอบงำประชาชน โดยไม่มีการทักท้วงจากคนที่รู้จริงมากเพียงพอในการลดมนตร์ขลังอันทรงพลังเหล่านั้น ส่วนประชาชนบางกลุ่มบางพวกก็พร้อมที่จะเชื่อวาทกรรมเหล่านั้น ความจริงเชิงประจักษ์แทบจะทิ่มลูกตากลับมองไม่เห็น แล้วก็เชื่อตามวาทกรรมการโกหกโดยไม่คิดจะหาข้อมูล เพราะความหลงใหลนักการเมืองและพรรคการเมืองผู้สร้างวาทกรรม อยากจะถามคนไทยที่รักความถูกต้อง และต้องการความมั่นคงของประเทศไทย เราจะปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ไปจนถึงวันที่ประเทศไทยกลายเป็นรัฐล้มเหลวเลยหรือ

ฝ่ายสร้างวาทกรรมก็ขยันสร้าง แต่ฝ่ายที่รู้ทันว่าวาทกรรมนั้นโกหกบิดเบือน ก็ไม่ทำอะไร วางเฉย ทำตัวเป็นพลังเงียบ หรือบางคนก็คิดว่าประเทศชาติไม่ใช่ของเขาคนเดียว เมื่อคนอื่นเขาไม่ออกมา แล้วเขาจะหาเรื่องใส่ตัวทำไม บางคนก็เห็นผลลัพธ์ของการออกมาสู้เพื่อประเทศชาติ แต่ต้องกลายเป็นจำเลย กลายเป็นนักโทษ ติดคุกติดตะราง บางคนถูกยึดทรัพย์ บางคนถูกฝ่ายตรงกันข้ามด่าทอต่อว่าด้วยข้อความที่หยาบคายแบบที่เรียกกันว่าทัวร์ลง ก็ต่างพากันถอย ไม่อยากจะยุ่งจะเกี่ยว          ในที่สุดพื้นที่ของสื่อทั้ง Offline และ Online ก็มีแต่เรื่องราวของฝ่ายสร้างวาทกรรมมากกว่าเรื่องราวของคนที่รู้ความจริงที่ไม่ยอมที่จะแสดงความคิดเห็น พฤติกรรมในการสื่อสารของคนที่ไม่เชื่อวาทกรรมก็คือ พวกเขาไม่ Post ข้อความใดๆ อ่านข้อความคนอื่นก็ไม่เขียน Comments ไม่กด likes ไม่กด share นอกจากนั้น พวกเขาบางคนยังบ่นว่ารัฐบาลทำประชาสัมพันธ์ห่วย สู้พรรคก้าวไกลไม่ได้

อันที่จริง ถ้าพูดถึงการเผยแพร่เรื่องราวของการประชาสัมพันธ์ โดยหน่วยงานรัฐบาลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ภาครัฐอาจเผยแพร่ข่าวสารในเบื้องต้นจะแพ้พรรคก้าวไกลอย่างที่พูดกัน แต่ก็แพ้ไม่มากในเบื้องต้น แต่มาแพ้มากในเวลาต่อมา ก็ตรงที่พฤติกรรมของด้อมส้มที่แตกต่างจากกลุ่มที่เรียกว่าพวกอนุรักษ์หรือพวกสลิ่ม พวกด้อมส้ม เขา share เขาเขียน comments เขากด likes เขา retweet เขาใส่ # ทำให้มีคนเห็นเรื่องราวของพวกเขามากกว่าของฝ่ายอนุรักษ์มากเป็นสิบๆ เท่า ถ้าหากพวกอนุรักษ์ยังไม่ผันตัวเองเป็นมนุษย์ดิจิทัลที่ทำการสื่อสารปฏิสัมพันธ์ใน social media ก็หยุดบ่น หยุดต่อว่าต่อขานฝ่ายประชาสัมพันธ์ของภาครัฐเถอะนะ ยุคนี้เป็นยุค co-creation คือหลายฝ่ายต้องสร้างเนื้อหาการสื่อสาร (contents) ในการสื่อสารร่วมกัน หลายๆ ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ต้องมีการร่วมมือกัน (collaboration) ในการทำหน้าที่สื่อสารเพื่อประชาสัมพันธ์

พฤติกรรมของฝ่ายอนุรักษ์หรือสลิ่ม ไม่สอดคล้องกับบริบทของยุคสมัยที่เราต้องเป็น social at heart คือมีหัวใจที่พร้อมจะมีส่วนร่วมในการสื่อสารบนพื้นที่ social media สิ่งที่เราเห็นในเวลานี้คือความทันยุคทันสมัยในด้านการสื่อสารสาธารณะของฝ่ายอนุรักษ์ไม่ได้เศษเสี้ยวของฝ่ายก้าวหน้า ก้าวไกลเลย ส่วนใหญ่เป็นพวก “เฉย” โดยถือคติไม่แกว่งเท้าไปหาเสี้ยนกันเป็นส่วนใหญ่ หากเป็นเช่นนี้ คำทำนายที่ว่าการเลือกตั้งในคราวหน้า พรรคก้าวไกลจะ Landslide ได้จำนวน สส.มากพอที่จะตั้งรัฐบาลได้เพียงพรรคเดียว โดยไม่ต้องง้อใคร ในขณะเดียวกัน สว.ก็หมดหน้าที่ในการกลั่นกรองไปแล้ว ถึงเวลานั้นได้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล อย่าได้โอดครวญกันนะคะ ถ้ายังเฉย ไม่คิดจะปรับตัวสื่อสารความจริงต่อสู้กับวาทกรรมบิดเบือนทั้งหลาย ก้าวไกลครองบ้านครองเมือง อย่าบ่นก็แล้วกัน

ตอนนี้ เลือกตั้งแต่ละครั้ง แต่ละระดับ ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น เห็นแต่ข่าวการหาเสียงของพรรคก้าวไกล กลุ่มก้าวหน้าเต็มพื้นที่สื่อทั้ง Offline และ Online เขาก็ชนะสิคะ ถ้าไม่แคร์ว่าก้าวไกลจะครองเมือง ก็เฉยกันต่อไปนะคะ ให้วาทกรรมมีมนตร์ขลังที่ทรงพลังต่อไปนะคะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มาเป็นชุด! 'ดร.เสรี' ฟาดคนโอหัง ความรู้ไม่มี ทักษะไม่มี ไร้ภาวะผู้นำ น่าสมเพชอย่างแท้จริง

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า เตือนก็แล้ว ตำหนิก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว เยาะเย้ยก็แล้ว ล้อเลียนก็แ

ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้

เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ

เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!

เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม

จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!

ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก

ดร.เสรี ยกวาทะจัญไรแห่งปี 'เขาเว้นเกาะกูดให้เรา'

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประโยควาทะอัปรีย์จัญไรแห่งปี "เขาเว้นเกาะกูดให้เรา" แสดงว่าเขาเมตตาเราสินะ เราต้องขอบคุณเขา สำนึกบุญคุณเขาใช่ไหม