พรุ่งนี้วันสิ้นปี 2023 มองไปปีหน้า นอกจากเรื่องการเมือง, สงครามและเศรษฐกิจที่เราต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดและกระตือรือร้นแล้ว ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ต้องเฝ้ามองเพื่อปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง...
โดยเฉพาะที่อาจคาดไม่ถึง เช่น การขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็วและร้อนร้อนของ AI
ในปี 2024 ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
แทบไม่มีอุตสาหกรรมหรือแง่มุมใดในชีวิตของเราที่จะไม่ถูก AI มาเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม
ในด้านหนึ่ง AI จะขับเคลื่อนนวัตกรรมและสร้างประสิทธิภาพในด้านต่างๆ เช่น การดูแลสุขภาพ การเดินทางในอวกาศ และการอนุรักษ์ระบบนิเวศ
แต่อีกด้านหนึ่งที่อาจจะเป็นด้านมืดซึ่งก็ก่อให้เกิดความกลัวและความไม่แน่นอนในระดับหนึ่ง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI จะเป็นภัยคุกคามต่อตำแหน่งการงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในหลายๆ อุตสาหกรรม
แต่ขณะเดียวกันมันก็สร้างโอกาสใหม่ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย เช่นเดียวกับที่จะสร้างความซ้ำซ้อนและย้อนแย้งที่ต้องมีการพยายามแสวงหาทางออกร่วมกันของมนุษยชาติ
นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลว่าการมอบการควบคุมชีวิตของเราให้กับอัลกอริทึม อาจทำให้ความแตกแยกและความไม่เท่าเทียมกันในสังคมรุนแรงขึ้น
นั่นคือข้อกังวลที่หนักและลึกที่สุดสำหรับผมที่กำลังเกาะติดศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับ AI ในทุกมิติ
ความจริงแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าการปฏิวัติ AI จะพาเราไปสู่จุดใดในฐานะสังคมหรือเผ่าพันธุ์มนุษย์
แต่อะไรก็ตามแต่ที่เราตัดสินใจจะทำปี 2024 จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดเส้นทางที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่มีความสุข...หรือหากเราพลาดพลั้งก็อาจจะกลายเป็นความทุกข์อย่างมหันต์
อีกเรื่องหนึ่งที่จะมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในปีใหม่คือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่จะกลายเป็นปัญหาทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นในดีกรีที่สูงขึ้นกว่าเดิม
ใครที่เกาะติดข่าวคราวด้านวิทยาศาสตร์จะเห็นภาพชัดเจนว่า ความเร่งด่วนในการหลีกเลี่ยงผลกระทบร้ายแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อเราเข้าสู่ปี 2024 บ่อยครั้งที่เราพึ่งพาเทคโนโลยีเพื่อเข้ามามีบทบาทสำคัญ
และนวัตกรรมต่างๆ เช่น พลังงานสะอาด และการกักเก็บคาร์บอน จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเราแก้ปัญหาก่อนที่จะกลายเป็นวิกฤตเกินแก้
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือความเต็มใจของบุคคลและองค์กรที่จะรับผิดชอบ
และแนวโน้มทางการเมืองและเศรษฐกิจก็จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในการที่จะสู้กับวิกฤตด้านสภาพอากาศที่มีแต่จะเสื่อมทรุดลง หากความพยายามระดับโลกไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร
ผู้คนจะต้องยอมรับความเจ็บปวดและเสียสละความสะดวกสบายที่มีอยู่กับยอมแก้ไขปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตแค่ไหนเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จะกลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมากขึ้นในทางการเมือง
ปี 2024 จะเป็นจังหวะสำคัญสำหรับการค้นหาว่าประชาคมโลกมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำการเปลี่ยนแปลงและการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่จำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เลวร้ายในอนาคตอันใกล้นี้หรือไม่
อีกปรากฏการณ์หนึ่งในปีหน้าที่มีผลกว้างไกลคือ การเลือกตั้งจะเป็นตัวกำหนดแนวทางประชาธิปไตยในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ
ในปี 2024 เราจะได้เห็นการแข่งขันชิงตำแหน่งผู้นำในหลายประเทศ
ความสมดุลแห่งอำนาจที่แกว่งไปมาอาจส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งในระดับโลก
ประชาชนในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป อินเดีย สหราชอาณาจักร และรัสเซีย จะเป็นประเทศที่ผู้คนจะไปหย่อนบัตรลงคะแนนเสียงในประเทศต่างๆ เหล่านี้
และในแต่ละประเทศที่จะมีการเลือกตั้งในปีใหม่นี้ มีการแบ่งขั้วระหว่างฝ่ายก้าวหน้าและอนุรักษนิยม หรือชาตินิยมและ พรรคชาตินิยม และผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ผลการเลือกตั้งในประเทศต่างๆ เหล่านี้จะกำหนดทิศทางการเมืองระหว่างประเทศที่จะเปลี่ยนไป โดยที่ไม่มีใครบอกได้ว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายชนะ
นั่นจะหมายถึงกระแสเสรีนิยมหรืออนุรักษนิยม หรือเราจะเห็นแนวโน้มของการเมืองแบบสุดขั้วทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงขั้นเบาบางหรือรุนแรงหรือไม่ อย่างไร
ที่มองข้ามไม่ได้คือความเป็นไปได้ที่จะเกิดความสับสนวุ่นวายในด้านเศรษฐกิจทั้งระดับประเทศ, ภูมิภาคและระดับโลก
ปีหน้า การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกคาดว่าจะชะลอตัวอย่างต่อเนื่องจากปีนี้
นั่นจะมีผลคุกคามที่จะผลกระทบกระเทือนอย่างกว้างขวางในหลายแง่มุมของสังคม
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมักส่งผลให้รัฐบาลเลือกที่จะลดการใช้จ่ายด้านบริการสาธารณะและสาธารณูปโภค
สิ่งที่จะตามมาคือการลดตำแหน่งงาน ตามมาด้วยมาตรฐานการครองชีพที่ลดลง และการก่อหวอดของความไม่สงบ
ยังมีความเป็นไปได้ที่เราจะเห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้า ซึ่งจะคุกคามความพยายามในระดับชาติและนานาชาติในการบรรลุเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
นอกจากนี้ ความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอเมริกา การชะลอตัวของการเติบโตของจีน และความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ในยูเครนและอิสราเอล ล้วนเป็นตัวแปรได้ทั้งสิ้น
ในเวลาเดียวกัน การเติบโตในประเทศเกิดใหม่ รวมถึงบราซิล อินเดีย เม็กซิโก และตุรกี จะนำเราเข้าสู่ยุคที่เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในความสมดุลโดยรวมของอำนาจทางเศรษฐกิจโลก
สังคมโลกจะถูกเขย่าครั้งใหญ่ที่โยงกับวิวัฒนาการของการทำงาน
การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของเราจะยังคงส่งผลกระทบต่อชีวิตและสังคมของเราในหลายๆ ด้าน
แม้ว่าบางบริษัทกำลังใช้นโยบาย back-to-office คือกลับไปทำงานที่สำนักงาน แต่การทำงานระยะไกลและแบบผสมผสานยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าก่อนเกิดโรคระบาดมาก
แนวโน้มนี้มีผลด้านบวกไม่น้อย คนทำงานไม่ได้ผูกติดอยู่กับการอาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้กับศูนย์จัดหางานอีกต่อไป แต่ในอีกด้านหนึ่งมันก็อาจนำไปสู่การปริแยกทางสังคม และนำไปสู่ปัญหาปฏิสัมพันธ์ของผู้คนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ดังนั้นการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับองค์กรและบุคคลในปี 2024
ปัญหาช่องว่างระหว่างรุ่น หรือ generation gap ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องได้รับการป้องกันและแก้ไข
ช่องว่างระหว่างรุ่นในแง่ของความมั่งคั่งและการเป็นเจ้าของทรัพย์สินจะยังคงผลักดันการเปลี่ยนแปลงระดับโลกและสังคมในปีใหม่ที่จะถึงนี้
จากการวิจัยที่ดำเนินการในปีนี้ พบว่าค่ามัธยฐานความมั่งคั่งของคนรุ่นมิลเลนเนียล (เกิดช่วงต้นทศวรรษที่ 80 ถึงปลายยุค 90) นั้นน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ (เกิดกลางทศวรรษที่ห้าสิบถึงหกสิบกลาง) ในวัยเดียวกัน
ปัจจัยนี้อาจนำไปสู่ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่ลดลง
แต่อาจทำให้มีการแบ่งขั้วทางการเมืองหนักขึ้น
นำมาซึ่งอันตรายของประชาชนบางส่วนถูกชักจูงให้หันไปสนใจการเมืองแบบประชานิยมหรือหัวรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้เป็นบางส่วนของสิ่งที่ผมพอจะคาดคะเนได้ แต่ก็ยังมีอีกมากมายหลายด้านที่เราต้องเฝ้ามองและศึกษาเรียนรู้เพื่อปรับตัวให้ทันกับปีใหม่
ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งปรากฏการณ์เขย่าขวัญที่คาดไม่ถึงอีกมากมายก็ได้
สวัสดีปีใหม่ครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ