"ศาลรัฐธรรมนูญ" มีมติ ๗:๒
ให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของ "นายสิระ เจนจาคะ" สิ้นสุดลง ให้มีเลือกตั้งซ่อม ภายใน ๔๕ วัน เมื่อวาน (๒๒ ธ.ค.๖๔) นั้น
จับสังเกตดู.......
จะเป็นข่าวที่มีทั้งคนสะใจและคนเห็นใจ กระทั่งกับคนในพลังประชารัฐด้วยกันเองก็เถอะ!
แสดงว่านายสิระนี่ "ไม่เบา" ในด้านผู้ทรงอิทธิพลทางสังคมการบ้าน-การเมือง
ก็ดูซี ในจำนวน ๕๐๐ ส.ส.
มีซักกี่ ส.ส. เมื่อเอ่ยแค่คำว่า "สิระ" ทุกคนก็ร้อง..อ๋อ แต่จะ "อ๋อ" ในทัศนคติไหน เป็นอีกเรื่อง
ในคำวินิจฉัยศาล ส่วนหนึ่ง มีความว่า.........
"เนื่องจากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายสิระถูกศาลแขวงปทุมวันพิพากษา เมื่อปี ๒๕๓๘
จำคุกจริง จำนวน ๔ เดือน
และผู้เสียหายไม่เคยยอมความ หรือถอนคำร้องทุกข์คดีอันเป็นเหตุให้ศาลแขวงปทุมวันได้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความภายในระยะเวลาอุทธรณ์ เช่นนี้
คำพิพากษาดังกล่าวจึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวัน
ผู้ถูกร้องจึงเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุด ว่ากระทำผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ กระทำโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา
เมื่อผู้ถูกร้องเคยถูกคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ผู้ถูกร้องจึงเป็นบุคคลมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๙๘ (๑๐)
อันเป็นเหตุให้สมาชิกสภาพ ส.ส.ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๑ (๖)..........."
ครับ.....
นายสิระเป็น ส.ส.เขต ๙ หลักสี่ คือย่านลาดยาว จตุจักร นั่นแหละ หมายความว่า ราวๆ ต้นเดือนกุมภา.๖๕ ชาวหลักสี่จะได้เข้าคูหากาบัตรเลือก ส.ส.คนใหม่แทนนายสิระ
แต่ผลจากคำวินิจฉัยนี้ นายสิระไม่เพียงสิ้นสภาพ ส.ส. ยังจะถูก กกต.ฟ้องดำเนินคดีอาญาเหมือนนายธนาธรด้วย
โทษฐาน.......
รู้ว่าตัวเองมีลักษณะต้องห้ามสมัคร ส.ส.กลับใช้หลักฐานเป็นเท็จไปสมัคร และยังจะต้องถูกเรียกเงินเดือนคืนอีกตะหาก!
ส่วนนี้ ก็ว่ากันไป "กรรมใด-ใครก่อ" ประมาณนั้น
แต่ส่วนที่จะคุยกัน ก็ที่บางพรรค-บางฝ่าย โหมฟืน-โหมไฟ จะให้เลือกตั้งใหม่ ปี ๖๕ ให้ได้
ก็ได้เลือกตั้ง ปี ๖๕ จริงๆ!
ไม่ใช่หนเดียว เปิดศักราชใหม่ปุ๊บ ก็ได้เลือกใหม่ปั๊บ ที่ชุมพร เขต ๑ และที่สงขลา เขต ๖ อาทิตย์ที่ ๑๖ มกรา.
ต่อด้วยที่ กทม.เขต ๙ หลักสี่ ในเดือนกุมภา. ส่วนจะเป็นวันไหน ต้องรอฟัง กกต.เคาะอีกที
พูดทางลีลาการเมือง อยากเลือกตั้ง ๖๕ ก็ได้เลือกกันตามอยากกันแล้วไง
ถามว่าสมใจมั้ย คงไม่สมใจแน่ เพราะที่อยากกัน อยากให้ยุบสภา "เลือกตั้งใหม่" ทั้งหมด ไม่ใช่เลือกแบบ "ชันนะตุ" กินหัว คือแหว่งเป็นหย่อมๆ แบบนี้
แต่ถ้าพูดทางลีลาหมอดู ก็ต้องบอกว่า....
แบบนี้ "สะเดาะเคราะห์-แก้เคล็ด" ไปเรียบร้อยแล้ว ปี ๖๕ ไม่ยุบ-ไม่เลือกตั้งใหญ่ "นายกฯ ตู่" อยู่โยงและอยู่ยาวแหงมๆ!
พูดถึงเลือกตั้้งซ่อม ซ่อมมากี่จังหวัด กี่ที่แล้ว ผมก็จำไม่ได้ แต่ที่จำได้ เลือกตั้่งซ่อมครั้งไหน ผู้สมัครพรรค "พลังประชารัฐ" เป็นชนะครั้งนั้น
แต่ครั้งนี้ใน กทม.เลือกซ่อมแทนนายสิระ ผมดูว่า "พลังประชารัฐ" น่าจะแพ้ใน "ศึกซ่อม" เป็นประเดิม!
ท่านอาจแย้ง ยังไม่เห็นตัวเลยว่า พรรคไหนจะส่งใครลงชิงกันบ้าง รีบฟันธงแบบนี้ ไม่อคติหรือไม่ก็ซี้ซั้วมากไปหน่อยหรือ?
อคติน่ะ...ไม่หรอก แต่ซี้ซั้ว อาจเป็นไปได้
ทัศนคติคน กทม.ในการเลือก ส.ส.นั้่น เท่าที่ผมสังเกต ๑.เขาจะดูพรรค ๒.จะดูหัวหน้าพรรค (ในที่นี้หมายถึงนายกฯ)
จากนั้น จึงจะไปดูว่าใคร ที่พรรคส่งลงสมัคร ส.ส.?
เห็นชัดๆ เลือกตั้งปี ๖๒ กทม.เขต ๙ "นายสิระ เจนจาคะ" เป็นผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ
ถามว่า นายสิระคือใคร มาจากไหน?
ร้อยละ ๗๐ อัพ บอกไม่รู้!
แล้วเลือกมั้ย บอกว่า "เลือก"
เลือกเพราะอะไร...เพราะเลือกพลังประชารัฐแล้ว จะได้ "พลเอกประยุทธ" เป็นนายกฯ
แล้วนายสิระก็ชนะ ทิ้งคู่แข่ง "พรรคเพื่อไทย" ไปไม่กี่พันคะแนน ทั้งที่ตอนสังกัดพรรคอื่น นายสิระเคยแพ้ผู้สมัครเพื่อไทยคนนั้นมาแล้ว
ก็ชัดเจน คนเลือกพลังประชารัฐ เพราะอยากได้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ อานิสงส์จึงส่งไปถึงผู้สมัคร
ใครก็ช่าง...."อยากได้ประยุทธ์" เลือกเลย!
แต่เวลานี้ ต้องบอกว่า คนไม่กระตือรือร้นที่ต้องเลือกพลังประชารัฐแล้ว เหตุผล คือ
๑.พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ อยู่แล้ว
๒.ไม่เลือก ก็ไม่มีผลถึงตัวนายกฯ
๓.ไม่พอใจ "ธรรมนัส" ในตำแหน่งเลขาฯ พรรค
๔.ต้องการสั่งสอนพรรคที่ "ใหญ่แล้วลืมตน"
๕.เลือกไปจะกลายเป็นเสริมบารมีธรรมนัส
นี่คือสาเหตุหลักที่ผมมองว่า เลือกซ่อมหนนี้ คนเขต ๙ จะสั่งสอนพลเอกประวิตร, สั่งสอนธรรมนัส, สั่งสอนพรรค ที่อหังการเหนือนายกฯ
ส่วนใครจะเป็นผู้สมัครนั้น แทบไม่มีความหมายทางสร้างผลบวกที่จะทำให้ชนะได้!
สรุปกันตรงๆ.......
ตราบใดที่พลังประชารัฐยังมีร้อยเอกธรรมนัสเป็นเลขาฯ พรรค และยโสโอหังต่อนายกฯ ไม่ถือพานคลานเข่าไปขอขมานายกฯ
ตราบนั้่น จะเลือกตั้่งใหญ่ จะเลือกซ่อมใน กทม.อย่าหวังว่าพลังประชารัฐจะชนะ
แค่รักษาเก้าอี้เดิมได้ซักครึ่ง ก็ยังจะยาก!
ไม่ใช่ร้อยเอกธรรมนัสไม่มีฝีมือ ไม่มีบารมี ไม่มีเงิน มี...ธรรมนัสมีพร้อมทุกอย่าง และมีมากด้วย
แต่คน กทม. "เขาไม่สน"
เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครเอาไปเคลมเป็นผลงาน ถ้าเลือกผู้สมัครพลังประชารัฐ
ยิ่งถ้า "พลเอกประยุทธ์" ไม่ยอมให้เอาชื่อไปพะในบัญชี "นายกฯ ของพรรค" ในการเลือกตั้งด้วยแล้วละก็
ลำพังชื่อ "พลเอกประวิตร-ร้อยเอกธรรมนัส" พลังประชารัฐ "อนาคต" เผลอๆ เป็นพรรค "ปริ่ม ๑๐" ด้วยซ้ำ!
ในฐานะผมเป็นคน กทม. จะว่าไปคนเขต ๙ ด้วยซ้ำ จึงอยากสะท้อนทัศนคติคนเลือกให้พลังประชารัฐตระหนัก
บอกตรงๆ นับแต่ธรรมนัส "หักนายกฯ"
คน กทม.ก็ "หักธรรมนัส" ทิ้ง ตั้งแต่วันนั้นแล้ว!
และจะส่งผลไปถึง "หันหลัง" ให้พรรคพลังประชารัฐด้วยซ้ำ ถ้าธรรมนัสยังใหญ่คับพรรคดังที่เป็นทุกวันนี้
ผิด-ถูก เป็นเรื่องแก้ไขได้
แต่เรื่อง เหิมเกริม มักใหญ่ใฝ่สูง อหังการถึงขั้น "วัดรอยเท้า" ผู้ใหญ่ ไม่รู้จักคำว่า "นอบน้อม-ถ่อมตน" คนไทยเขาถือ!
"ตาย" ทางการเมืองมาแล้วกี่คนแล้วล่ะ สำหรับคนแบบนั้่น ก็มีให้เห็นเป็นตัวอย่าง ชนิด "ตัวเป็นๆ" ก็เห็นอยู่มิใช่หรือ?
ผมสะท้อนสังคมให้ทราบด้วยหวังดี....
ถ้าฟังด้วยเข้าใจ รีบแก้ไขยังทัน แต่ถ้าฟังด้วยโกรธขึ้ง-เคืองแค้น ก็ถือเสียว่า "ฟ้าชะตาลิขิต" ก็แล้วกัน
พลเอกประยุทธ์น่ะ ถึงจะไม่ใช่ "จักรวาลนฤมิต" ของประเทศก็จริง
แต่ด้วยสุจริตมุ่งมั่น เพื่อชาติ/ศาสนา/พระมหากษัตริย์ และการพัฒนาประเทศ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนเป็นที่ตั้งนั้น
ยังใช้เป็น "จักรวาลนฤมิต" ของพลังประชารัฐได้อยู่!
ทั้งหมดนี้ อย่าเพิ่งเชื่อที่ผมพูด
ไว้พิสูจน์ตอน "เลือกซ่อม" กทม.กุมภา.๖๕ ก็แล้วกัน ซึ่งจะผิดก็ช่าง จะถูกก็ช่าง ผมด้านพอ
"ขี้หมาทุกกอง" ก็กองไว้ที่พลังประชารัฐนั่นแหละ
เว้นแต่พี่โทนี่เขาอยากได้
ธรรมนัสก็แบ่งให้ "คนกันเอง" ไปซักกองก็แล้วกัน!.
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ร่างฯ 'หัวขวด' เพื่อใคร?
"นักการเมือง" คือคนโง่ เพราะทำอะไรก็ยาก มีกฎหมายหลักคือรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูกคือ พ.ร.บ.ต่างๆ
'Grab rider ต้วง'
ดู "นาฬิกากรรม" แล้ว ก็อยากบอกว่า.... ช่วงนี้ ใครมีธุระอะไร ก็ไปทำซะให้เสร็จ ยังพอมีเวลา
สมรภูมิ ประชาธิปไตย | จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์
สมรภูมิ ประชาธิปไตย จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์ : วันอาทิตย์ที่ 08 ธันวาคม 2567
'ดร.บุญส่ง-นพ.ระวี' ส่องจุดจบ! ระบอบทักษิณ ภาค 2 | อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร
อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 07 ธันวาคม 2567
'เลิกแล้วค่ะ...หนูเลิกแล้วค่ะ'
ตกลง "ขึ้น-ไม่ขึ้น" VAT จาก ๗% เป็น ๑๕% ตามแนวคิดรัฐบาลเพื่อไทย?
รัฐบาล (ไม่ใช่) บริษัทชิน
"กู้มาแจก-กู้มากิน-กู้มาโกง" ผลก็คือ "รัฐบาลถังแตก"!