คริสต์มาสที่ควรค่าแก่การรำลึก

วันอาทิตย์ที่ 24 ธ.ค.นี้...เห็นว่าตรงกับวัน คริสต์มาสอีฟ ของพวกชาวคริสต์เขา โดยวันพรุ่งนี้ จันทร์ที่ 25 ธ.ค. ถือเป็นวันเกิด วันประสูติของ พระเยซูคริสต์ ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ที่บรรดาฝรั่งมังค่า และผู้คนแทบจะทั่วทั้งโลกยึดมั่น ศรัทธา ไม่ต่างอะไรไปจาก พระนบีมูฮัมหมัด แห่งศาสนาอิสลาม หรือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของชาวพุทธเรา ฯลฯ...

แต่ก็นั่นแหละ...การ เฉลิมฉลองวันคริสต์มาส ทุกวันนี้ ก็ออกจะเตลิดเปิดเปิง กู่ไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี ไม่ต่างไปจากวันสำคัญของชาวพุทธ หรือวันสำคัญของชาวอิสลาม คือออกจะเข้ารก-เข้าพง ออกอ่าว-ออกทะเล ยิ่งเข้าไปทุกที อย่างเช่นการเปิดรายการอาหาร บุฟเฟต์มื้อค่ำ-มื้อพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสของโรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ที่ป่าวประกาศโฆษณาไว้อย่างชนิดน่าน้ำลายยืด น้ำลายหก เป็นอย่างยิ่ง มีทั้งไก่งวงอบ ขาแกะอบ แฮมอบน้ำผึ้ง แซลมอนอบเกลือ มินิสเต๊ก ลาซานญาผักโขม ฯลฯ และอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะมากมาย แม้แต่ร้านอาหารญี่ปุ่นอย่างภัตตาคาร สึโนฮาจิ ก็ยังหันมา ตามแห่ กะเขาด้วย เสนอเมนูพอร์กช็อปไซส์ยักษ์ ชุบแป้งทอดทงคัตสึ โดยใครกินครบ 1,000 บาท มีโอกาสได้รับขนม Dorayuki เป็นของแถมอีกซะด้วยต่างหาก...

แต่ก็อย่างว่า...การที่อยู่ในวัย ไม้ใกล้ฝั่ง เช่นทุกวันนี้ ก็ดีไปอย่าง!!! คือเป็นอะไรที่ช่วยลดความอยาก ความกระหาย ชนิดแทบไม่เหลือติดปลายนวมยิ่งเข้าไปทุกที ไม่เหมือนครั้งที่เคยเคี่ยวเข็ญบีบบังคับให้คุณพี่ กิเลน ประลองเชิง แห่งไทยรัฐ ต้องรับบทเป็น เจ้าภาพ เลี้ยงอาหารอิตาลี หลังแพ้พนัน แพ้เดิมพัน เรื่องการบ้าน การเมือง ดังนั้น...ไม่ว่าแต่ละเมนูแต่ละรายการอาหาร จะน่าแ-ก น่ากินขนาดไหน แต่กลับไม่ได้สร้างแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจ ให้คิดไปเฉลิมฉลองคริสต์มาสด้วยกรรมวิธีเช่นนี้เอาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเมื่อหันไปทบทวน หวนคิด ถึงคำพูด คำตรัส คำเทศนาสั่งสอนของ พระเยซูคริสต์ ใน พระคัมภีร์ไบเบิล ก็ยิ่งกลับเกิดอาการอ้วกแตก อ้วกแตน เบื่ออาหาร เบื่อความเอร็ดอร่อยทั้งหลาย ทั้งปวงขึ้นมาดื้อๆ!!!...

ดังเช่นคำพูด คำตรัส ที่ถือกันว่าไพเราะเพราะพริ้งและลึกซึ้งเอามากๆ ในปวงประดาคำเทศนาทั้งหลาย นั่นคือหัวข้อว่าด้วยเรื่อง ความกระวนกระวาย ในบท มัทธิว 7:2 ที่ระบุไว้ว่า... “เหตุฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตน ว่าจะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายว่าจะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารมิใช่หรือ และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ จงดูนกในอากาศ มันมิได้หว่าน มิได้เกี่ยว มิได้สั่งสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงนกไว้ ท่านทั้งหลายมิประเสริฐกว่านกหรือ มีใครในพวกท่านโดยความกระวนกระวาย อาจต่อชีวิตให้ยาวออกไปอีกศอกหนึ่งได้หรือ ท่านกระวนกระวายถึงเครื่องนุ่งห่มทำไม จงพิจารณาดอกไม้ที่ทุ่งนา ว่ามันงอกงามเจริญขึ้นได้อย่างไร มันไม่ทำงาน มันไม่ปั่นด้าย แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่า กษัตริย์ซาโลมอนเมื่อบริบูรณ์ด้วยสง่าราศี ก็มิได้ทรงเครื่องงามเท่าดอกไม้นี้ดอกหนึ่ง...ฯลฯ”

นี่...ฟังแล้ว ชักเริ่มหายอยากแ-ก อยากกิน อยากเก๋ อยากเท่ ฯลฯ ขึ้นมามั่งมั้ยทั่น!!! คือสรุปง่ายๆ ว่า พระเยซูคริสต์ ท่านพยายามชี้ให้เห็นถึงประโยชน์และคุณค่าของ อาหาร อีกชนิดหนึ่ง ที่สำคัญเอามากๆ ต่อชีวิตของบรรดามวลมนุษย์ทั้งหลาย นั่นคือ อาหารทางจิตวิญญาณ อันเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เกิดการ เข้าถึง-เข้าใจ ต่อพระเจ้า พระบิดา พระบุตรและพระจิต ได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่ไก่งวงอบ ขาแกะอบ หรือปลาแซลมอนอบเกลือ ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเอาเลยแม้แต่น้อย ที่เมื่อกินเข้าไปทางปากย่อมต้องไหลออกมาทางก้น ไม่ได้เหลืออะไรติดตัว ติดสมอง แถมยังเป็นตัวเพิ่มความกระหาย ใคร่อยาก ให้ต้องเบี่ยงเบนไปจากความเป็นชาวคริสต์ ต้องเตลิดเปิดเปิงออกอ่าว-ออกทะเล กู่ไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี ไม่ต่างอะไรไปจากชาวพุทธ ชาวอิสลาม ที่ไม่สามารถ เข้าถึง-เข้าใจ แก่นสาระในศาสนาตัวเอง...นั่นแล...

แต่ก็นั่นแหละ...โดยส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะชาวคริสต์ ชาวพุทธ ชาวอิสลาม ฯลฯ ในทุกวันนี้ ล้วนแต่เบี่ยงเบน ถอยห่าง ออกจากแก่นสาระในศาสนาตัวเอง ยิ่งเข้าไปทุกที ด้วยเหตุเพราะ ศาสนาทางวัตถุ หรือวัตถุนิยม บริโภคนิยม มันได้กลายเป็น ศาสนาใหม่ ของผู้คนยุคนี้ไปแล้วก็ว่าได้ จนแม้แต่ อภิมหาพระ ผู้พร้อมพลีเลือดเนื้อ ร่างกาย จิตวิญญาณให้เป็น ทาส ของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ ท่านพุทธทาสภิกขุ ของหมู่เฮาทั้งหลาย ยังได้แต่ต้องฝากฝังไว้เป็น มรดก ให้หาทางฉุดรั้งผู้คนทั้งหลายให้ออกจาก วัตถุนิยม ให้จงได้ โดยจะเป็นไปได้มาก-น้อยขนาดไหน? ก็คงได้แต่ Whatever Will Be, Will Be, Que Sera Sera” กันไปตามสภาพ...

ดังนั้น...เนื่องในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองวันเกิด วันประสูติ ของ พระเยซูคริสต์ คราวนี้ เพื่อให้เกิดคุณค่าแก่การรำลึก นึกถึง สิ่งที่น่าจะ สำคัญ ยิ่งกว่า คงต้องขออนุญาตนำคำพูด คำตรัส คำชี้แนะ ชี้นำ ของศาสดาองค์นี้ มาปิดท้ายไว้ในที่นี้ โดยเฉพาะที่ทรงสรุปไว้ว่า... “อย่าส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก ที่อาจเป็นสนิมและที่แมลงกัดกินเสียได้ และที่ขโมยอาจขุดช่องลักเอาไปได้ แต่จงส่ำสมทรัพย์ไว้ในสวรรค์ ที่ไม่มีแมลงจะกิน ไม่มีสนิมจะกัด และที่ไม่มีขโมยขุดช่องลักเอาไปได้ ด้วยเหตุเพราะ...ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย...” เอวังก็มี...ด้วยประการฉะนี้...แล!!!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พระผู้เป็นเจ้า'กับ'กรรมดี-กรรมชั่ว'

ถ้าหากยังไม่ถึง จังหวะ และ โอกาส ที่เหมาะ-ที่ควร...ในอันที่จะทำให้ เพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป ความพยายามที่จะเคี่ยวเข็ญ-บังคับ-ขับไส

สีกากีไม่มีแผ่ว

วลี "สีกากีไม่มีแผ่ว" ดูจะไม่เกินจริงนัก ศึก "นายพล" ยังคงคุกรุ่นพร้อมจะลุกโชนตลอดเวลา "นายพัน-นายร้อย" ก็ไม่น้อยหน้า คำสั่งเด้งเข้ากรุแทบจะออกมาเป็นรายวัน

ทำไม่ดีก็ยังไม่ได้...ผลที่ได้เลยยังไม่ดี

การเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่ถูกอกถูกใจคนจำนวนมาก เริ่มต้นตั้งแต่การกำหนดวิธีเลือกที่หลายคนติดตามแล้วรู้สึกสับสน เข้าใจยาก

การปะทะทางอารยธรรมที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้

ด้วยเหตุเพราะ อ่านหนังสือหมดบ้าน จนแทบไม่เหลืออะไรให้อ่านอีกต่อไปแล้ว!!!...เลยต้องหันไปคว้าเอา พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ที่ท่านทูตวัฒนธรรมอิหร่าน

รักในอาชีพตำรวจ

หลังนายกฯ เศรษฐา สะบัดปากกาส่ง บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กลับคืน "กรมปทุมวัน" ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะ