ถ้าแพ้เกมนี้ ทรัมป์หมดสิทธิ์ เข้าชิงทำเนียบขาวรอบใหม่!

กำลังลุ้นกันว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถลงสมัครแข่งขันตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยหนึ่งไหม...ถ้าศาลของหลายๆ รัฐตัดสินไปในทางเดียวกันว่าเขามีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ เพราะกระทำการที่ส่อไปในทางเป็น “ขบถ” ต่อรัฐธรรมนูญ

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะยังไม่เคยมีคำตัดสินของศาลในระดับรัฐที่สร้างกระแสการเมืองใหม่ที่ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งด้านบวกและลบกันอย่างร้อนแรง

เรื่องของเรื่องเริ่มเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ศาลสูงรัฐโคโลราโดมีคำวินิจฉัย “ตัดสิทธิ์” อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

เท่านั้นไม่พอ ยังสั่งตัดชื่อทรัมป์ออกจากบัตรเลือกตั้งประธานาธิบดีขั้นต้น หรือ primary ในรัฐโคโลราโดด้วย

ข้อหาคือทรัมป์ได้ให้การสนับสนุนการก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ขณะที่กำลังอยู่ในกระบวนการลงมติรับรองผลการเลือกตั้งให้โจ ไบเดน ชนะเลือกตั้งทรัมป์

คำตัดสินของศาลระบุว่า เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ

คณะตุลาการที่ถูกแต่งตั้งโดยผู้ว่าการรัฐที่สังกัดพรรคเดโมแครต ลงมติ 4-3 ในคำตัดสินนี้

เป็นมติที่เฉียดฉิว แต่มีผลกว้างไกลเกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้

เพราะไม่มีใครแม้แต่ทรัมป์เองคิดว่าประเด็นนี้จะกลายเป็น “ไม้ตาย” ที่จะสกัดเขาไม่ให้กลับไปนั่งในทำเนียบขาวได้อีก

เดิมเชื่อกันว่าคดีอื้อฉาวที่เขาถูกฟ้องอยู่ขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผู้หญิง หรือการเอาเอกสารลับของทำเนียบขาวไปทิ้งเรี่ยราดในบ้านพักอากาศ หรือการให้เงินให้ทองเพื่อปิดปากผู้รู้เรื่องร้ายๆ เกี่ยวกับเขาจะเป็นอุปสรรคบนเส้นทางการเมือง

แต่กลายเป็นเรื่องจลาจลบุกตึกรัฐสภาที่ทำให้เกิดภาพของความเป็น “ประเทศโลกที่สาม” ของอเมริกาที่ทรัมป์ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้บงการและยุยงให้เกิด

ที่เป็นประเด็นร้อนแรงเพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐโคโลราโดถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการใช้มาตราที่ 3 ของบทแก้ไขรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ฉบับที่ 14 (The 14th Amendment) เพื่อตัดสิทธิ์ผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน บอกนักข่าวว่าเห็นด้วยกับคำตัดสินนี้ เพราะหลักฐานแสดงชัดว่าทรัมป์ได้ละเมิดกฎหมายด้วยการสนับสนุนการก่อจลาจลจริง

ไบเดนบอกว่า การที่จะเข้าหลักของบทแก้ไขรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ฉบับที่ 14 หรือไม่นั้นย่อมเป็นดุลยพินิจของศาลสูง

อะไรคือมาตราที่ 3 ของบทแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ 14?

ความจริง กฎหมายข้อนี้มีประวัติเก่าแก่มาก...เกิดในยุคหลังสงครามกลางเมืองเมื่อเกือบ 160 ปีที่แล้ว

ที่ต้องมีเงื่อนไขในขณะนั้นก็เพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกของอดีตสมาพันธรัฐอเมริกา (Confederate States of America) ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ให้กลับมาดำรงตำแหน่งของรัฐบาลได้ หลังสงครามกลางเมืองยุติลง

เนื้อหาสาระของมาตรานี้บอกว่า ใครที่สาบานตนว่าจะเคารพและสนับสนุนรัฐธรรมนูญ แต่กลับ “เข้าร่วมก่อการจลาจลหรือก่อกบฏ” ในเวลาต่อมา จะไม่สามารถกลับมา “ดำรงตำแหน่งในรัฐบาล” ได้อีก

เอาเข้าจริงๆ การหยิบเอาข้อกฎหมายนี้มาบังคับใช้ก็เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งในช่วงยุคหลังสงครามกลางเมืองเท่านั้น

ดังนั้นก็เกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ก็ย่อมจะฮือฮาเป็นธรรมดา

ที่ทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางอีกเหตุผล ก็เป็นเพราะคำตัดสินของศาลสูงรัฐโคโลราโดในครั้งนี้เท่ากับเป็นการกลับคำตัดสินของผู้พิพากษาศาลแขวงในหลายรัฐ

ที่มีมติว่าทรัมป์มีบทบาทสำคัญในการยั่วยุให้เกิดการจลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ วันนั้นจริง แต่ก็ไม่ควรจะให้ทรัมป์ถูกตัดชื่อออกจากบัตรเลือกตั้งได้

มีข้อโต้แย้งว่ามีความไม่แน่ชัดว่ามาตรานี้ของกฎหมายฉบับนี้มีเจตนาครอบคลุมสถานะการเป็นประธานาธิบดีหรือไม่

ตรงนี้แหละที่เป็นประเด็นที่ต้องตีความกันอย่างกว้างขวาง

เพราะกฎหมายเขียนไว้กว้างๆ ว่า “ดำรงตำแหน่งในรัฐบาล” เท่านั้น

แต่ไม่ได้ระบุถึงว่านั่นรวมถึงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วยหรือไม่

คำถามต่อมาก็คือจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

ศาลสูงโคโลราโดจะยังไม่ดำเนินการทางกฎหมายต่อจนกว่าศาลสูงของสหรัฐฯ หรือ Supreme Court ในกรุงวอชิงตัน จะมีคำพิพากษาในวันที่ 4 มกราคมปีหน้า

เหตุเพราะมีกรอบเวลาบังคับอยู่

เจ้าหน้าที่รัฐโคโลราโดบอกว่าจำเป็นต้องหาข้อยุติในประเด็นนี้ให้ได้ภายในวันที่ 5 มกราคมปีหน้า

เพราะเป็นวันสุดท้ายที่รัฐนี้จะจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งประธานาธิบดีขั้นต้น

ศาลสูงรัฐโคโลราโดระบุในคำพิพากษาด้วยว่าคณะตุลาการได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนต่อการทำหน้าที่ใช้กฎหมายโดยปราศจากอคติ

และจะไม่หวั่นไหวต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ว่าจะไปทางใดต่อคำตัดสินนี้

ท้ายที่สุดเรื่องจะต้องไปจบที่ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ

ที่ผ่านมา ศาลสูงสหรัฐฯ ยังไม่เคยมีคำตัดสินในคดีที่เกี่ยวกับมาตราที่ 3 นี้

ตุลาการศาลสูงสามารถพิจารณาคดีนี้ได้ทันทีที่คณะทนายความของทรัมป์ยื่นอุทธรณ์มา

ซึ่งคาดว่าจะไม่ช้าแน่นอน

ผู้รู้บอกว่าศาลสูงสามารถตัดสินออกมาได้หลายแนวทาง

อาจจะยืนตามคำตัดสินเดิม

หรือกลับคำตัดสินก็ได้

แต่คำตัดสินนี้จะมีผลเฉพาะในรัฐโคโลราโดเท่านั้น

นั่นแปลว่าชื่อของทรัมป์จะยังคงปรากฏอยู่บนบัตรเลือกตั้งขั้นต้นของรัฐอื่นๆ ดังเดิม

แต่ทรัมป์วางใจไม่ได้ เพราะขณะที่ผมเขียนอยู่นี้มีข่าวว่าอีก 16 รัฐก็กำลังเดินตามแนวนี้เพื่อสกัดทรัมป์เช่นกัน

อะลินา ฮับบา โฆษกด้านกฎหมายของทรัมป์ ระบุในแถลงการณ์ว่า คำตัดสินของศาลสูงรัฐโคโลราโดเป็นการ “โจมตีหัวใจประชาธิปไตยของประเทศ” และ “พวกเราเชื่อว่าศาลสูง (สหรัฐฯ) จะกลับคำตัดสินที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญนี้”

มีหรือที่ทรัมป์จะอยู่เฉยๆ เพราะเกมนี้เขาจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด

เพราะถ้าแพ้รอบนี้ก็เท่ากับแพ้เลย โอกาสที่จะแก้แค้นไบเดนจะหดหายไปทันทีถ้าไม่ดิ้นให้หลุดจาก “ความท้าทายที่คิดไม่ถึง” รอบนี้!

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ