อาร์เจนตินาเป็นตัวอย่างของเศรษฐกิจที่ไม่ต้องหาคำนิยมว่าเข้าข่าย “วิกฤต” หรือไม่
ด้วยอัตราเงินเฟ้อ 143%
หนี้สาธารณะ 43,000 ล้านดอลลาร์
ประชาชน 4 ใน 10 มีชีวิตอยู่ในข่ายยากจน
พอได้ประธานาธิบดีคนใหม่ก็มีอันต้องเจอกับมาตรการที่หนักหน่วงรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ประธานาธิบดี Javier Milei ซึ่งมีแนวนโยบายไปทางขวาจัดและเน้นประชานิยมเป็นหลักประกาศว่า จะต้องใช้วิธีการรักษาวิกฤตเศรษฐกิจประเทศด้วย ‘shock treatment’ เท่านั้นจึงจะรอด
“วิธีรักษาแบบช็อกให้ตื่น” นี่คงไม่มีประชาชนประเทศไหนต้องการจะได้รับ
เพราะมันคือมาตรการสุดลิ่มทิ่มประตูที่คนทั้งประเทศต้องร่วมกันทนทุกข์ทรมานพร้อมกัน
เป็นการผ่าตัดครั้งใหญ่...เพราะปล่อยให้ใช้วิธี “ปะผุ” มายาวนาน นักการเมืองไม่มีความกล้าที่จะเผชิญกับปัญหาที่แท้จริง คอยเอาอกเอาใจประชาชน มาถึงจุดที่ไปไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องใช้วิธี “ช็อก” กันเต็มๆ
ผู้นำอาร์เจนตินาคนใหม่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศอเมริกาใต้แห่งนี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในฐานะเป็นนักการเมืองฝ่ายขวาจัดผสมประชานิยมอย่างแรงกล้า
ในภาวะสุดวิกฤตนั้น เขากลายเป็น “ดาราในความสับสน” ท่ามกลางความโกรธเคืองต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของประเทศ
ประธานาธิบดีมิเลปราศรัยครั้งแรก และประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการรักษาด้วยมาตรการช็อก”
หนึ่งในมาตรการเด็ดขาดนั้นคือการตัดค่าใช้จ่ายของหน่วยราชการอย่างร้อนแรง
เขาเรียกตัวเองว่าเป็นเจ้าของนโยบาย "ลัทธิทุนนิยมแบบอนาธิปไตย"
เขามีแผนการที่จะยุบ 10 กระทรวงจากทั้งหมด 18 กระทรวง
และบอกว่าถ้าจำเป็นก็อาจจะเอา "เลื่อยยนต์" ไปผ่าตัดระบบราชการให้เห็นต่อหน้าต่อตาด้วย
ไม่แต่เท่านั้น เขายังมีแผนที่จะยกเลิกเงินสกุลเปโซของอาร์เจนตินา และ "ใช้ดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินประจำชาติของอาร์เจนตินา"
เป็นแผนการที่สร้างความฮือฮาไปทั่ว แต่ในทางปฏิบัติทั้งหมดที่เขาสัญญาจะทำจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ยังเป็นปัญหา
เช่นคาดกันว่าอาร์เจนตินาต้องการเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเพิ่มเติม 30 ถึง 40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงจะถือเป็นเงินดอลลาร์อย่างเป็นทางการ
โอกาสที่จะเกิดอย่างเป็นรูปธรรม ณ วันนี้มีค่าเท่ากับศูนย์
หากเขาทำตามคำมั่นสัญญาจากการรณรงค์หาเสียง หมายความว่าชาวอาร์เจนตินาจำนวนมาก รวมถึงคนยากจนส่วนใหญ่ "จะต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การรัดเข็มขัดที่เข้มงวดอย่างมาก"
ที่เกิดขึ้นแล้วอย่างจริงจังคือคำประกาศลดค่าเงินเปโซลงมากกว่า 50%
เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการลดการใช้จ่ายขนาดใหญ่ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดของประเทศในรอบหลายทศวรรษ
แผนดังกล่าวซึ่งนำมาใช้ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีคนใหม่ที่เดินหน้าประกาศตัดเงินอุดหนุนด้านพลังงาน และการยกเลิกการประกวดราคาสำหรับงานสาธารณะ
รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจคนใหม่ หลุยส์ คาปูโต เดินหน้าปรับอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการอ่อนค่าลงเหลือ 800 เปโซต่อดอลลาร์
เปรียบเทียบกันอัตราแลกเปลี่ยนก่อนหน้านี้อยู่ที่ 366.5 ดอลลาร์
ในการปราศรัยทางโทรทัศน์ หลังจากที่ตลาดท้องถิ่นปิดทำการเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขากล่าวว่า ธนาคารกลางตั้งเป้าหมายการลดค่าเงิน 2% ต่อเดือน
คาปูโตกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ซึ่งได้รับการตอบรับจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
มาตรการนี้จะสร้างความเจ็บปวดในระยะสั้น แต่จำเป็นต้องลดการขาดดุลทางการคลังของประเทศ และลดอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นถึง 3 หลัก
“วัตถุประสงค์คือเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติและทำให้เศรษฐกิจกลับมาเป็นปกติ” คาปูโตกล่าวในคำปราศรัยที่บันทึกไว้
เขายอมรับหน้าตาเฉยว่า “ประเทศเราถังแตกแล้ว”
เขาบอกว่ารัฐบาลจำเป็นต้องจัดการกับการขาดดุลการคลังอย่างที่วางไว้ที่ 5.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ โดยอ้างว่าอาร์เจนตินามี "อาการเสพติด" ต่อการขาดดุลทางการคลัง 113 ในช่วง 123 ปีที่ผ่านมา
“เรามาที่นี่เพื่อแก้ไขปัญหานี้ที่ต้นตอ” เขากล่าว “และเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้นเราจำเป็นต้องแก้ปัญหาการขาดดุลทางการคลัง”
อาร์เจนตินาเป็นผู้ผลิตธัญพืชรายใหญ่ของโลก
แต่เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะวิกฤตอย่างต่อเนื่องโดยมีอัตราเงินเฟ้อเกือบ 150%
อีกทั้งธนาคารกลางมีเงินสำรองติดลบ
และ 2 ใน 5 ของประชากรอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน
อาร์เจนตินายังมีเงินกู้ 44 พันล้านดอลลาร์ (35 พันล้านปอนด์) กับ IMF
“ดิฉันยินดีกับมาตรการที่เด็ดขาด” คริสตาลินา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการของ IMF กล่าว
โดยเรียกมาตรการต่างๆ นี้ว่าเป็น “ก้าวสำคัญในการฟื้นฟูเสถียรภาพและสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศขึ้นมาใหม่”
แต่มาตรการ “โหดสุดๆ” อย่างนี้จะทำให้อาร์เจนตินาฟื้นจากอาการโคม่าหรือไม่ยังต้องพิสูจน์กัน
จะเป็นไปในลักษณะหมอผ่าตัดเดินออกจากห้องผ่าตัดและประกาศว่า
“การผ่าตัดสำเร็จด้วยดี คนไข้เสียชีวิตแล้ว!” หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องคอยเฝ้ามองกันต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ