ต้องยอมรับว่า “ตลาดรถอีวี” ในประเทศไทยเติบโตอย่างเห็นได้ชัด อย่างล่าสุดยอดจองรถในงาน Moter Expo 2023 รวมทั้งสิ้นกว่า 4.47 หมื่นคัน และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในจำนวนนี้มียอดจองรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 38% จากปีก่อนอยู่ที่ราว 14% เท่านั้น เรียกว่าเป็นการเติบโตชัดเจน
แน่นอนว่าในระยะต่อๆ ไปจะมีปริมาณรถอีวีบนท้องถนนเพิ่มขึ้น และคำถามที่ตามมาคือ “สถานีชาร์จ” จะมีเพียงพอต่อความต้องการใช้ที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ได้ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า คาดว่ายอดจดทะเบียนสะสมยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนการใช้ยานยนต์ดังกล่าว ทั้งในแง่ของการให้เงินอุดหนุนในการซื้อ และการลดภาษีสรรพสามิต ทำให้มีความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV มากขึ้น นำมาซึ่งความต้องการในการใช้บริการสถานีและเครื่องอัดประจุไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
แต่อย่างไรก็ดี ปัจจุบันไทยยังมีสถานีและเครื่องอัดประจุไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อความต้องการในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องเพิ่มเครื่องอัดประจุไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้บริการที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต
โดยจากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด 1,482 สถานี ซึ่งมีเครื่องอัดประจุไฟฟ้าทั้งหมด 4,628 หัวชาร์จ (ข้อมูล ณ 22 พ.ค.2566) โดยสถานีเหล่านั้นกระจุกตัวอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงภาคตะวันออกเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วนราว 41% และ 24% ของจำนวนสถานีทั้งหมดตามลำดับ
สถานีและเครื่องอัดประจุไฟฟ้ายังคงไม่เพียงพอที่จะรองรับความต้องการใช้บริการของยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในอนาคต จึงจำเป็นต้องเพิ่มเครื่องอัดประจุไฟฟ้า โดยเฉพาะแบบ Fast Charger ซึ่งเป็นรูปแบบที่ภาครัฐส่งเสริมให้ติดตั้งและตอบโจทย์พฤติกรรมการอัดประจุไฟฟ้าของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของไทย
ทั้งนี้ Krungthai COMPASS ประเมินว่า ในปัจจุบันภูมิภาคของประเทศไทยส่วนใหญ่มีสถานีและเครื่องอัดประจุไฟฟ้าเพียงพอที่จะรองรับการให้บริการยานยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV แต่ยังมีบางภูมิภาคที่ขาดสถานีและเครื่องอัดประจุไฟฟ้า ได้แก่ ภาคเหนือและภาคใต้ ขณะที่ในปี 2573 คาดว่าความต้องการใช้บริการสถานีและเครื่องอัดประจุไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นตามยอดจดทะเบียนสะสมของยานยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV ของไทย ซึ่งประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 1.01 แสนคันในปีนี้ เป็น 1.29 ล้านคันในปี 2573
จึงต้องเพิ่มเครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบ Fast Charger ราว 10,294 หัวชาร์จ หรือ 5,147 เครื่องจากปัจจุบัน เพื่อให้บริการแก่ยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายของภาครัฐที่จะเพิ่มเครื่องอัดประจุไฟฟ้าดังกล่าวอีก 10,205 หัวชาร์จจากปัจจุบันภายในปี 2573 และเมื่อพิจารณาตำแหน่งที่ตั้งของเครื่องอัดประจุไฟฟ้าดังกล่าวเป็นรายจังหวัด พบว่า จังหวัดที่ควรติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบ Fast Charger เพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการใช้บริการในปี 2573 เป็นจังหวัดที่ขาดเครื่องอัดประจุไฟฟ้าในการให้บริการจำนวนมากในปีดังกล่าว ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี สงขลา ขอนแก่น และอุบลราชธานี โดยควรติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าทุกๆ ไม่เกิน 160 กิโลเมตร เนื่องจากเป็นระยะในการขับขี่ที่ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV ของไทยมีแนวโน้มที่จะใช้บริการอัดประจุไฟฟ้า
โดยหากผู้ประกอบธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้าของไทยขยายการลงทุนเครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบ Fast Charger ตามการประเมินในข้างต้น คาดว่าจะก่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนในธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า ประมาณ 1.17 หมื่นล้านบาท อีกทั้งยังส่งผลให้รายได้รวมของธุรกิจการให้บริการอัดประจุไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 230 ล้านบาทในปี 2565 เป็น 1.11 หมื่นล้านบาทในปี 2573 ภายใต้สมมุติฐานที่ว่าสัดส่วนของผู้ให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าอยู่ที่ราว 40% ของยานยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV ของไทยทั้งหมด
ซึ่งในระยะข้างหน้า หากผู้ประกอบการเพิ่มเครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบ Fast Charger ตามการประเมินข้างต้น นอกจากจะช่วยหนุนธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้าแล้ว ยังสร้างรายได้ให้กับธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานีอัดประจุไฟฟ้า เช่น ธุรกิจจัดจำหน่ายและติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้า และธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้า เป็นต้น.
ครองขวัญ รอดหมวน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อสังหาฯปี68ฟื้นตัวแบบช้าๆ
หลังจากผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 หลายๆ ฝ่ายต่างก็คาดหวังว่าเศรษฐกิจจะขยับเติบโตขึ้น แต่ในทางตรงข้าม แม้ว่าจะมีการเติบโต แต่ก็เติบโตแบบเชื่องช้า แถมปัญหาที่สะสมก็เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น
ผ่าแผนรับมือรถติดสร้างสายสีส้ม
จากการที่รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในฐานะผู้อำนวยการโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เตรียมจัดการจราจรเพื่อดำเนินงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
เปิดขุมทรัพย์จากพฤติกรรมสุดขี้เกียจ
เชื่อหรือไม่ว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่กดสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันเดลิเวอรี ทั้งที่ร้านอยู่ใกล้แค่ใต้คอนโดฯ สั่งซื้อของจากร้านสะดวกซื้อทั้งที่ร้านอยู่แค่ฝั่งตรงข้าม หรือยอมจ่ายเงินจ้างคนไปต่อคิวเพื่อซื้อของ ทำธุระ
สงครามการค้าเวอร์ชัน 2.0
อย่างที่ทราบกันดีว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐล่าสุด ผู้ชนะก็คือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งคว้าชัยแบบทิ้งห่างคู่แข่งอย่างนางกมลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต
แห่ส่งเสริมนวัตกรรมพลิกโลก
เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต ออฟ ติงส์ หรือ IoT(ไอโอที) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญในยุคสมัยนี้ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก เพราะเป็นนวัตกรรมที่ทำให้การสื่อสารระหว่างมนุษย์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไร้รอยต่อยิ่งขึ้น
OCAแก้วิกฤตพลังงานไทย
ปัจจุบันปริมาณสำรองก๊าซของไทยลดลงอย่างต่อเนื่องจนเข้าขั้นวิกฤต ส่งผลให้ต้องนำเข้าก๊าซ LNG ในราคาที่ผันผวนเพิ่มมากขึ้น มีผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นของประชาชนและรายได้งบประมาณของรัฐลดลง