“TIME may be on his side, but real time, isn’t”

เมื่อปีที่แล้ว เวลาประมาณนี้ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.นั้น ประธานาธิบดี Volodymyr Zelensky ได้ไปเยือนสภาคองเกรสและทำเนียบขาว ในฐานะลูกรัก ฮีโร่ ผู้ต่อต้านอันธพาล เมื่อปีที่แล้วไปพูดกับใคร เวทีไหน ทุกคนต้อนรับ ทุกคนปรบมือ และสิ่งสำคัญที่สุด ทุกคนเลือกอยู่เคียงข้างด้วยความเต็มใจ

ปีที่แล้ว Zelensky อยากได้อะไร ขออะไร ได้หมดครับ การเยือนวอชิงตัน ดี.ซี. ปีที่แล้ว เป็นของขวัญคริสต์มาสที่ทำให้ยูเครนมีลมหายใจและอบอุ่นตลอดทั้งปีที่ผ่านมา เพราะปีที่แล้วพี่ใหญ่ประกาศลั่นว่าไม่ทิ้ง และจะไม่มีวันทิ้ง ในการต่อสู้กับรัสเซีย ถือว่า Zelensky มาสหรัฐมือเปล่า แต่กลับกระเป๋าตุง แต่สิ่งสำคัญคือ กระเป๋าตุงอย่างเดียวไม่พอ คนทั่วโลกเห็นชัดว่า สหรัฐเป็นพี่ใหญ่ คอยปกป้อง คอยสนับสนุน และคอยดูแล

แต่ปีนี้สถานการณ์เปลี่ยนครับ

ปีที่แล้วเนื้อหอม ทั้งโลกเทกำลังใจให้ ไปไหนมีแต่คนยกย่อง ไปไหนมีแต่กระแส เลยทำให้สหรัฐมอบกระสุน ทำให้กองทัพยูเครนมีกำลัง และอาวุธสู้รัสเซียอย่างสูสี ทำให้ Zelensky เป็นบุคคลน่าจับตามอง ระดับโลกแห่กันให้ความสำคัญและความสนใจ ไม่ใช่เฉพาะสื่อชั้นนำของโลกเช่น TIME Magazine หรือ New York Times แต่นิตยสารแนวแฟชั่นและบันเทิง ยังให้ขึ้นปก (Vogue Magazine) ทั้งๆ ที่ยูเครนกำลังสู้รบในสงครามอยู่ก็ตาม

การแต่งกายของ Zelensky ที่ไปไหนมาไหนสวมชุดสีเขียว แต่เดิมมีคนยกย่องในสัญลักษณ์การแต่งตัว เพราะ Zelensky อธิบายว่า ที่แต่งตัวแบบนี้เพราะอันนี้คือชุดทหารยูเครน ตราบใดที่มีคนต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศ เขาในฐานะผู้นำต้องสรรเสริญ จะให้เขาแต่งตัวเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เลยทำให้คนยิ่งปรบมือ และยกย่อง Zelensky มากขึ้น

แต่ปีนี้กับปีที่แล้วมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ

ภาษาที่ประธานาธิบดี Joe Biden ใช้เวลาพูดถึงพันธมิตรที่มีต่อยูเครนเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ Zelensky ฝันหวาน และอบอุ่นตลอดทั้งปี Biden ถูกถามว่าสหรัฐจะหนุนยูเครนนานเท่าไร Biden พูดชัดเจน “As long as it takes” แต่ปีนี้ ต่อเมื่อถูกคำถามทำนองเดียวกัน Biden ตอบว่า “As long as we can”

จากปีที่แล้วที่ Zelensky มามือเปล่าแต่กลับกระเป๋าตุง ปีนี้มามือเปล่า และกลับค่อนข้างมือเปล่า เพราะสภาคองเกรสไม่ปลื้มและไม่แห่ให้ความร่วมมือและให้การสนับสนุนเหมือนครั้งก่อนครับ ครั้งนี้ความช่วยเหลือมีเงื่อนไข แต่ไม่ใช่เงื่อนไขเกี่ยวกับสงคราม แต่จะผูกกับเรื่องการเมืองภายในสหรัฐเอง ที่รีพับลิกันบอกว่าถ้าอยากให้ช่วยเหลือยูเครนนั้น ประธานาธิบดี Biden กับเดโมแครต ต้องยอมในกฎหมายเรื่อง Immigration ที่รีพับลิกันสนับสนุน

ถ้าเป็นปีที่แล้วไม่มีทาง เอาเรื่องการเมืองภายในมาผูกกับสงคราม แต่วันเวลาเปลี่ยนไปครับ หลายกลุ่มในสหรัฐเริ่มพูดดังๆ ว่า ทำไมเราต้องเป็นตู้กดเงินให้กับยูเครน? สงครามนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา? เรามีปัญหาภายในที่ต้องการแก้ และเงินที่ทุ่มไปยูเครนน่าจะเอามาใช้กับปัญหาภายในประเทศมากกว่า

แต่ทุกอย่างไม่ไร้ความหวัง และไม่มืดมนอย่างที่คิดครับ แน่นอนถ้าเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ปีนี้ดูเหมือนสถานการณ์ยูเครนในปีหน้าไร้ทิศทาง และหมดความหวัง ยิ่งเฉพาะถ้าเผื่อยูเครนไม่ได้รับการสนับสนุนและความช่วยเหลือจากสหรัฐ ถ้าไม่เหมือนปีที่แล้ว อย่างน้อยให้ใกล้เคียงปีที่แล้วก็ยังดี

ถ้ากลยุทธ์ของยูเครนคือ สู้เพื่อสู้ ต้านเพื่อต้าน สู้กันแบบตาต่อตาฟันต่อฟันนั้น ในที่สุดจะสู้รัสเซียไม่ได้ เพราะสิ่งหนึ่งที่รัสเซียมี ที่ยูเครนขาด คือเวลา สงครามยิ่งยืดเยื้อ สงครามยิ่งลากยาว รัสเซียได้เปรียบ เพราะสงครามยิ่งยาวนาน ความสนใจจากโลกจะค่อยๆ หายไป แรงสนับสนุนจากพี่ใหญ่ก็ค่อยๆ ลด และถ้าหมดเมื่อไหร่ หรือถ้าความสนใจน้อยลงเมื่อไหร่นั้น ยูเครนตกอยู่ในสภาพลำบากแน่

มีคำพูดหนึ่งที่ผมอ่านเจอ (จากไหนจำไม่ได้) สรุปสถานการณ์สงครามยูเครน และสถานภาพ Zelensky ได้ดี “TIME may be on his side, but real time, isn’t”

ถ้ามองข้างหน้า ยูเครนยังมีความหวัง Zelensky ยังมีทางออก ถึงแม้กระเป๋าอาจไม่ตุงเหมือนปีที่แล้ว (หรือตลอดทั้งปีที่ผ่านมา) ถึงแม้แรงสนับสนุนจากสหรัฐไม่เท่ากับครั้งก่อนๆ แต่ทางออกยังมีครับ ตลอดเกือบ 2 ปีกับสงครามยูเครน (จะครบรอบ 2 ปีในเดือนกุมภาพันธ์) ต้องยอมรับว่า ยูเครนชนะยุทธศาสตร์สำคัญ หรือยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่สุดไปแล้ว

ถ้าย้อนกลับไป 2 ปีที่เเล้ว พวกเราจำกันได้ไหมครับ? พวกเราคงคิดกันว่า ถ้ารัสเซียบุกยูเครนเมื่อไหร่ และบุกแบบจริงจัง คงใช้เวลาไม่นานกว่ายูเครนจะล้ม บางคนอาจจะบอกว่าที่ไม่เป็นเช่นนั้นเพราะสหรัฐไม่ยอมให้ยูเครนตกเป็นของรัสเซีย อันนั้นก็จริงครับ

แล้วถ้าเผื่อสหรัฐไม่หนุนยูเครนต่อ จะทำให้ยูเครนเป็นเหยื่อรัสเซียหรือไม่?

อันนี้ก็พูดยาก เพราะไม่ใช่ฝ่ายยูเครนฝ่ายเดียวที่สูญเสียไปเยอะในการสู้รบในครั้งนี้ แต่ฝ่ายรัสเซียเองก็เสียเยอะพอๆ กัน นอกจากจะเสียทหาร สิ่งที่ประธานาธิบดี Vladimir Putin เสียมากกว่าคือ เสียหน้าครับ เสียภาพพจน์ความเป็น Super ชาย (ไม่ใช่ยอดชาย) จากภาพพจน์ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาว่าเป็นคนแกร่ง เป็นผู้นำสุดยอด เป็นนักยุทธศาสตร์ระดับจักรวาลนั้น สงครามยูเครนทำลายภาพพจน์เหล่านั้นออกไปหมด

ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุดทั้งรัสเซียทั้งยูเครน (และสหรัฐ) คือหาทางเจรจายุติสงครามที่ทั้ง 2 ฝ่าย สามารถประกาศชัยชนะกับคนในประเทศเขาได้ ยูเครนประกาศชัยชนะ เพราะเขาไม่ตกเป็นเหยื่อ ไม่เสียอธิปไตย และสิ่งสำคัญคือไม่เป็น อาณานิคมของรัสเซีย ส่วนรัสเซียเองประกาศชัยชนะได้ว่าเขายุติสงคราม เพราะเป็นผู้มีเมตตาต่อเพื่อนบ้าน ถึงแม้กำลังอาวุธเหนือกว่าก็ตาม

ผมกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่า ถ้ายูเครนไม่รีบหาทางยุติสงคราม และวันเวลายืดออกไปเรื่อยๆ แรงสนับสนุนจากพี่ใหญ่จะค่อยๆ ลดลง ความสนใจจากทั่วโลกจะค่อยๆ หายไป ถ้าถึงจุดนั้นเมื่อไหร่ ยูเครนจะถูกรวบจากรัสเซียอย่างง่ายดายครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กินฮอตดอกไหมครับ?

กินฮอตดอกไหมครับ? ขอแจ้งครับ ถ้าแฟนคอลัมน์ท่านใดอยากอ่านบทความที่มีเนื้อหาสาระ ที่มีประเด็น ที่สมศักดิ์ศรี มาตรฐานหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์นั้น

รื้อฟื้นความทรงจำเรื่อง Wikileaks

ในที่สุด หลังใช้เวลา 14 ปีในการติดคุกในอังกฤษบ้าง ลี้ภัยในสถานทูตเอกวาดอร์บ้าง นาย Julian Assange ได้เดินทางกลับบ้าน (ออสเตรเลีย) ในฐานะ Free Man ครับ

ที่มาของ Presidential Debates

ในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ ถือว่าเป็นการริเริ่มฤดูกาลหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในสหรัฐอเมริกาครับ เพราะในวันนั้นจะเป็นการ Debate

Thank you, Jerry West….the Logo

อีกไม่กี่วันข้างหน้า โลก (ในไทย) น่าจะหยุดหมุนชั่วคราว เรื่องชี้ชะตาอนาคตอดีตนายกฯ นายกฯ ปัจจุบัน และพรรคที่น่าจะมีว่าที่นายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

Donald Trump ยังเป็นผู้สมัครได้ไหม?

เมื่อสัปดาห์ก่อน ข่าวที่โด่งดังทั่วโลกไม่ใช่ข่าวน้องไนซ์เชื่อมจิตนะครับ ถึงแม้สังคมไทยจะติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจังก็ตาม ผมเชื่อว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีเรื่องอื่นเข้ามาแทน

ทำไม Pride Month ต้องมีทุกมิถุนายน?

ขออนุญาตสวมหมวกคนขี้บ่นนิดหนึ่งครับ ในฐานะบ้านอยู่เมืองทองธานี เวลาบอกใครว่าอยู่เมืองทองฯ ส่วนใหญ่เขาจะพูดว่า “โห…ไกลจัง!!”