คงเป็นกรรมของประเทศไทย
รัฐบาลเริ่มจะเหิมเกริม
ส่วนฝ่ายค้านยังงัวเงียอยู่เลย ครึ่งหลับครึ่งตื่นไม่ค่อยจะสนใจสิ่งรอบข้าง
ตอน "ลุงตู่" อยู่ ด่ากันยับ มีรัฐบาลไว้ทำไม มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี ทำงานไม่เป็น เอาแต่จะกดขี่ประชาชน เก่งสร้างหนี้ ฯลฯ
ขนาดเรื่อง PM2.5 นี่ยังขุดมาประจานถึงโคตร ปล่อยประชาชนตายผ่อนส่ง
โม้ถึงขนาดบอกว่า เพื่อไทยมาฝุ่น PM2.5 ต้องหมดไป
ก้าวไกลสมัยนั้นก็ใช่ย่อย คุยฟุ้งถ้าได้เป็นรัฐบาลเห็นผลทันที
แล้วเป็นไงครับวันนี้ ชาวบ้านดม PM2.5 กันเพลินเลย
รัฐบาลไม่ค่อยอยากจะพูดถึงสักเท่าไหร่ ที่พูดออกมาก็เอาหล่อเสียมากกว่าจะนำไปสู่การแก้ปัญหาจริงๆ
ส่วนก้าวไกลดูเงียบๆ ราวกับว่ายังมึนอยู่กับมลภาวะทางเพศอยู่
PM2.5 มาอีกแล้ว คนที่รู้ปัญหาต่างก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า มันไม่ได้แก้ง่ายๆ
ใช่ว่ามีอำนาจอยู่ในมือแล้วจะแก้ปัญหาได้เลย
ยุค "ลุงตู่" ก็บอกแล้วว่าลำพังรัฐบาลฝ่ายเดียว ไม่มีทางแก้ไขได้ ใครที่้เอาแต่โทษรัฐบาล ก็ต้องกลับมาพิจารณาตัวเองด้วย เพราะ PM2.5 ส่วนใหญ่มันเกิดจากกิจกรรมของคน
มายุครัฐบาล "เศรษฐา" ก็ยังยืนยันครับว่า ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหา ลำพังรัฐบาลทำอะไรไม่ได้ ยกเว้นรัฐบาลที่สามารถบังคับประชาชน ห้ามเผา ห้ามใช้รถส่วนตัว ห้ามก่อมลพิษในทุกรูปแบบ
แต่กล้ามั้ยล่ะ!
หน้าที่ของรัฐบาลคือ "นำ" และ "ทำ" ให้ประชาชนเห็น
ถ้าเอาแต่พูดเป็นนกแก้วนกขุนทอง มันก็ไร้ประโยชน์
สรุปปีนี้ หาวิธีสูด PM2.5 กันน้อยๆ นะครับ เพราะประเทศไทยยังแก้ไม่ได้
มองภาพรวมขณะนี้ นอกจากรัฐบาลมีความรู้สึกช้ากับปัญหา PM2.5 ซึ่งมาตามฤดูกาลและรู้ล่วงหน้ากันอยู่แล้ว รัฐบาลยังทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ และไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ
เรื่องแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตหัวละ ๑ หมื่นบาท มันมีความจริงเชิงประจักษ์มากมายว่า รัฐบาลไม่ควรทำ ไม่ควรเอาเงินแผ่นดิน ๕ แสนล้านบาทไปผลาญเพื่อคะแนนเสียง โดยไม่มีผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ความจริงที่ตำตา ไม่ว่าจะเรื่องความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไม่ด่วน
การบริโภคของภาคเอกชนไม่ควรไปกระตุ้น เพราะมันกระเตื้องมานานแล้ว
ดูยอดจองรถ งาน Motor Expo 2023 สิครับ
จองกันเละเทะ ๕๓,๒๔๘ คัน
เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ๔๕.๑๗%
นี่หรือครับที่บอกว่า เศรษฐกิจกำลังวิกฤต ประเทศกำลังจะฉิบหาย
แน่นอนครับเศรษฐกิจระดับฐานรากมีปัญหา ประชาชนที่ยากจนยังมีอยู่ และกำลังรอคอยความช่วยเหลือจากรัฐบาล
แต่รัฐบาลก็ยืนกรานการแจกเงินหัวละหมื่น ไม่ใช่การสงเคราะห์ผู้ยากไร้ แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
ใช้อวัยวะส่วนไหนคิด?
มันกลับหัวกลับหางไปหมด
ที่เหิมเกริมหนักก็เรื่อง ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. ๒๕๖๖ นี่แหละครับ
"ชูชาติ ศรีแสง" อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
"...ขณะนี้กรมราชทัณฑ์ได้ออกระเบียบกำหนดให้กรมราชทัณฑ์มีอำนาจส่งตัวจำเลยที่ศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกไปคุมขังในสถานที่อื่นๆ นอกเรือนจำได้ เช่น บ้าน เป็นต้น คำพิพากษาของศาลที่ให้ลงโทษจำคุกจำเลยแทนที่จำเลยจะถูกคุมขังในเรือนจำ แต่กรมราชทัณฑ์สามารถส่งตัวไปคุมขังในบ้านก็ได้ ดังนั้นคำพิพากษาของศาลที่ให้ลงโทษจำคุกจำเลยจึงไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไป รวมทั้งบุคคลที่ช่วยกันทำงานนับสิบนับร้อยคนเพื่อให้ผู้กระทำความผิดได้รับการลงโทษก็ต้องเหนื่อยเปล่าโดยไม่มีผลใดๆ เลย...
...เฉพาะในชั้นศาล ในศาลชั้นต้นมีองค์คณะผู้พิพากษา ๒ ท่าน ศาลอุทธรณ์มีองค์คณะ ๓ ท่าน มีผู้ช่วยผู้พิพากษาช่วยตรวจความถูกต้อง ๑ ท่าน ประธานศาลอุทธรณ์หรือรองประธานศาลอุทธรณ์ที่รับมอบหมายจากประธานศาลอุทธรณ์ ๑ ท่าน ศาลฎีกามีองค์คณะ ๓ ท่าน ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลในศาลฎีกาทั้งผู้ช่วยเล็กและผู้ช่วยใหญ่รวม ๒ ท่าน และท่านประธานศาลฎีกาหรือรองประธานศาลฎีกาที่ได้รับมอบหมาย ๑ ท่าน
จึงมีผู้พิพากษาที่มีส่วนในการพิจารณาพิพากษาคดีในแต่ละคดีรวม ๑๓ ท่าน
ถ้าคิดถึงจำนวนผู้ที่มีส่วนในการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิดทางอาญา ตั้งแต่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นหรือพบเห็นการกระทำความผิด นับตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน พนักงานสอบสวน บุคคลที่มาให้การเป็นพยานทั้งในชั้นสอบสวนและในชั้นศาล พนักงานอัยการที่ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบสำนวนการสอบสวนและทำหน้าที่ว่าความยืนซักถามพยานโจทก์ในศาล รวมกันทั้งหมดแล้วแต่ละคดีมีไม่น้อยกว่า ๓๐-๔๐ คน บางคดีมีเป็นร้อยคน
เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแล้วและออกหมายขังส่งตัวจำเลยไปให้เรือนจำคุมขังจำเลยไว้ตามคำพิพากษาของศาล
ก่อนหน้านี้กรมราชทัณฑ์ใช้วิธีลดโทษให้จำเลยทุกปี โดยถ้าเป็นจำเลยที่ศาลลงโทษจำคุกในระยะยาว ไม่มีจำเลยคนใดที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำครบตามกำหนดเวลาที่ศาลมีคำพิพากษาเลย
ขณะนี้กรมราชทัณฑ์ได้ออกระเบียบกำหนดให้กรมราชทัณฑ์มีอำนาจส่งตัวจำเลยที่ศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกไปคุมขังในสถานที่อื่นๆ นอกเรือนจำได้ เช่น บ้าน เป็นต้น
คำพิพากษาของศาลที่ให้ลงโทษจำคุกจำเลยแทนที่จำเลยจะถูกคุมขังในเรือนจำ แต่กรมราชทัณฑ์สามารถส่งตัวไปคุมขังในบ้านก็ได้
ดังนั้นคำพิพากษาของศาลที่ให้ลงโทษจำคุกจำเลยจึงไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไป รวมทั้งบุคคลที่ช่วยกันทำงานนับสิบนับร้อยคนเพื่อให้ผู้กระทำความผิดได้รับการลงโทษก็ต้องเหนื่อยเปล่าโดยไม่มีผลใดๆ เลย..."
กรมราชทัณฑ์กำลังทำตัวเป็นองค์กรพิเศษ ที่สามารถบิดเบือนเจตนารมณ์ในคำพิพากษาของศาลหรือครับ!
หรือรัฐบาลสั่งให้ทำ
เคยเห็นคนติดคุกแทนนักการเมือง "ตระกูลชินวัตร" หรือเปล่า
ว่างๆ ลองเดินไปถาม "บุญทรง เตริยาภิรมย์" ว่าเพราะอะไรถึงได้นอนคุก
รัฐบาลเศรษฐาบริหารประเทศไม่ถึง ๓ เดือน แต่มีแนวโน้มว่าจะก่อความฉิบหายราวกับอยู่มา ๓ ปี
ฝ่ายค้านยังพึ่งพาอะไรไม่ได้ครับ เพราะดูทรงแล้ว "รอเสียบ" อยู่เหมือนกัน
หรือประชาชนต้องลงถนนกันอีก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เจอตอ ชั้น ๑๔
งวดเข้ามาทุกทีครับ... หากไม่มีอะไรผิดพลาด วันที่ ๑๕ มกราคมนี้ พยานหลักฐานกรณีนักโทษเทวาดาชั้น ๑๔ น่าจะอยู่ในมืออนุกรรมการสอบสวนชุดเฉพาะกิจแพทยสภา ชุดที่ คุณหมออมร ลีลารัศมี เป็นประธาน ครบถ้วนสมบูรณ์
'ทักษิณ' ตายเพราะปาก
แนวโน้มเริ่มมา... ปลาหมอกำลังจะตายเพราะปาก เรื่องที่ "ทักษิณ ชินวัตร" ไปปราศรัยใหญ่โต เวทีเลือกตั้งนายก อบจ.หลายจังหวัด ทำท่าจะเป็นเรื่องแล้วครับ
พ่อลูกพาลงเหว
มันชักจะยังไง.... พ่อลูกคู่นี้จะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว ก่อนนี้ "ทักษิณ" ริ "ยิ่งลักษณ์" ยำ
นี่แหละตัวอันตราย
การเมืองปีงูเล็กจะลอกคราบ เริ่มต้นใหม่ ไฉไล กว่าเดิม หรือจะดุเดือดเลือดพล่าน ไล่กะซวก เลือดสาดกันไปข้าง
แก้รัฐธรรมนูญแกงส้ม
ก็เผื่อไว้... อาจจะมีการลักไก่ ลัดขั้นตอนแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
เบื้องหลังผู้ลี้ภัย
เริ่มต้นปีก็ประกาศกันคึกคักแล้วครับ ทั้งฝั่งตรวจสอบ "ทักษิณ" ยัน "ผู้ลี้ภัย" สำหรับ "ทักษิณ" ปีนี้น่าจะโดนหลายดอกตั้งแต่ต้นปี