พล็อบๆ แพล็บๆ...ใกล้ๆ ถึงสิ้นปี ใกล้ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่กันอีกซะแล้ว!!! แทบไม่น่าเชื่อว่า อันตัวข้าพเจ้าเอง ยังดันอุตส่าห์อยู่ยาวว์ว์ว์มาถึงช่วงนี้จนได้ ทั้งที่น่าจะ โชคดี...ที่ตายก่อน ไปนานแล้ว แต่จะด้วยเหตุเพราะบุญช่วย บุญบังเอิญ บุญหล่นทับ แบบชนิดชักหัวแม่เท้าข้างซ้ายหลบไม่ทัน ฯลฯ หรือไม่? อย่างไร? ก็มิอาจสรุปได้ เลยมีแนวโน้มว่ายังน่าจะมีโอกาส ฉลองปีใหม่ ได้อีกซักครั้ง หรืออีกซักกี่ครั้ง ก็แล้วแต่เวร-กรรมจะพาไป...
แต่ก็นั่นแหละ...สำหรับโลกยุคนี้-สมัยนี้ โอกาสที่จะ ส.ค.ส. หรือจะส่ง ความสุข ในช่วงระยะดังกล่าวไปให้กับใครต่อใคร น่าจะเป็นอะไรที่ดูจะยากเย็น แสนเข็ญ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อันเนื่องมาจาก เหตุปัจจัย ที่จะนำมาซึ่ง ความทุกข์ มันออกจะเยอะแยะ มากมาย เสียเหลือเกิน ไม่ว่าต่อ ปัจเจกบุคคล ต่อ สังคมแต่ละสังคม หรือต่อ โลกทั้งโลก คือมันเต็มไปด้วย ปัญหา ที่นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้นๆ หนักขึ้นๆ ในขณะที่ คุณภาพ ไปจนถึง คุณธรรม ของผู้คนมีแต่จะลดลงๆ ต่ำเตี้ยเรี่ยดินลงไปตามลำดับ แค่เฉพาะปัญหาหลักๆ อย่างเรื่อง การเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงด้านประชากร ไปจนเรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ ฯลฯ เพียงเท่านี้...ก็ตายแล้ว!!!
แล้วถ้าต้องมาเจอ คุณหลานอุ๊งอิ๊ง คุณหลานทิม พิธา หรือไปจนถึง คุณหลานมาดามเดียร์ ฯลฯ อะไรไปโน่น ที่จะต้องเข้ามารับบทบาท รับหน้าเสื่อ ในการเผชิญหน้ากับปวงประดา ปัญหา เหล่านี้ อันนี้...ยังไงๆ ย่อมต้อง โชคดี...ที่ตายก่อน อย่างมิพึงต้องสงสัยเอาเลยแม้แต่น้อย เพราะแม้แต่ระดับ สี จิ้นผิง ระดับ ปูตง-ปูติน ก็ใช่ว่าฝ่าข้ามปัญหาและอุปสรรคดังกล่าวกันไปได้ง่ายๆ ด้วยเหตุนี้...ในปีใหม่ๆ แต่ละปี ที่ค่อยๆ ทยอยตามกันมาเป็นลูกระนาด มันดูจะหนักไปทาง...ยิ่งมีแต่จะยากลำบาก ยิ่งมีแต่จะทุกข์กับทุกข์ โอกาสที่จะแสวงหาความสุข หรือส่งความสุขให้กับใครต่อใคร มันน่าจะลดน้อยถอยลงไปตามสภาพ...
การแสวงหาความสุข...ในโลกที่นับวันยิ่ง อันตราย ยิ่งเข้าไปทุกที เลยอาจมีแต่ต้องหันไปใช้ แนวทาง ตามคำชี้แนะ ชี้นำ ของ อภิมหาพระ อย่างท่านอาจารย์ พุทธทาสภิกขุ นั่นแหละ ถึงอาจพอเป็นไปได้ขึ้นมามั่ง โดยเฉพาะการให้นิยามความหมาย ของคำว่า ความสุข ว่าหมายถึง ความทุกข์...ที่พอรับได้ อะไรประมาณนั้น ซึ่งย่อมไม่ได้หมายถึงการมีโอกาสได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท การได้สาดน้ำสงกรานต์กันทั้งเดือน ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ แต่หมายถึงการทำให้สิ่งที่เรียกว่า ความทุกข์ ทั้งหลาย มันลดน้อยถอยลงให้น้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ จนอาจได้พานพบกับความสงบอันเยือกเย็น-ความสว่าง-สะอาด-เบา-สบาย ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้...
และที่สำคัญ ที่น่าสนใจ ยิ่งไปกว่านั้น...ก็คือโดยนิยาม ความหมาย ดังกล่าว มันยังไม่ต้องขึ้นอยู่กับ รัฐบาล ใดๆ เอาเลยด้วยซ้ำ แต่ขึ้นอยู่กับตัวตน-ของตนนั่นเอง ที่จะหาทางลด-ละ-เลิก อะไรต่อมิอะไรก็ตาม ที่นำมาซึ่ง ความทุกข์ ต่างๆ นานา ลอดเลี้ยวพรั่งพรูกรูเข้ามากระทบกับ ผัสสะ หรือกับประสาทสัมผัสในช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหู-ตา-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ จนก่อให้เกิดการ ปรุงแต่ง ลึกเข้าไปในจิตวิญญาณ จิตสำนึก จิตไร้สำนึก กันไปตามลำดับ ใครที่ลดได้ ละได้ เลิกได้ ยิ่งขึ้นไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งเท่ากับส่งผลให้ ความทุกข์ ยิ่งลดน้อยถอยลงยิ่งขึ้นไปเท่านั้น เหลืออยู่เพียง ความทุกข์...ที่พอรับได้ อันจะทำให้อะไรที่หนักหนา-สาหัส อาจพอได้เบาๆ-สบายๆ ขึ้นมามั่ง อะไรที่ร้อนๆ เร่าๆ ก็น่าจะเย็นลงๆ ไปตามลำดับ อะไรที่สกปรกรกรุงรัง...ก็น่าจะพอสะอาดมาก สะอาดน้อย ไปตามแบบฉบับของใคร-ของมัน ฯลฯ...
อันนี้นี่แหละ...ที่น่าจะเป็นทางออก-ทางไป หรือ ทางรอด สำหรับใครก็ตาม ที่ยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกกี่ปีต่อกี่ปีก็แล้วแต่ โดยไม่ว่าโลกมันจะ อันตราย ไปถึงขั้นไหนต่อขั้นไหน แต่ถ้าหากอะไรก็ตามที่มันจะกรูเข้ามากระทบกับ ผัสสะ แทบไม่อาจก่อให้เกิดการ ปรุงแต่ง ได้อีกต่อไป ถ้าตัวตน-ของตน หรือ ตัวกู-ของกู ไม่หลงเหลือเศษซาก ไม่เหลืออะไรให้แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง เข้ามา ปรุงแต่ง ได้เลย อันนั้น...ยิ่งโกบิ๊ก ไปกันใหญ่!!! คืออาจไปถึงขั้นไม่เกิด-ไม่ตาย-ไม่มีอะไรปรุงแต่ง อยู่ยงคงกระพันชนิดอมตะนิรันดร์กาล หรืออยู่ เหนือโลก เหนือธรรมชาติแห่งการเกิด-การตาย-การปรุงแต่ง ดังที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทรงยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่าเป็นสิ่งที่ มีอยู่ มิฉะนั้นการหลุดพ้นไปจากธรรมชาติแห่งการเกิด-การตาย-การปรุงแต่ง หรือการบรรลุถึงซึ่ง นิพพาน ย่อมมิอาจเกิดขึ้นได้ อะไรทำนองนั้น...
จริง-ไม่จริง...เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็ลองไปสำรวจ ตรวจสอบ ไป ทดสอบ เอาเองก็แล้วกัน แต่ยังไงๆ...ก็น่าจะ เข้าท่า กว่าการฝาก ความหวังไว้กับ คุณหลานอุ๊งอิ๊ง คุณหลานทิม พิธา หรือแม้แต่ ท่านนายกฯ เศรษฐา ฯลฯ ไม่รู้จะกี่เท่าต่อกี่เท่า ยิ่งโดยเฉพาะเมื่ออภิมหาพระ อย่างท่านอาจารย์ พุทธทาส ตลอดไปจน พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านรับประกัน การันตีเอาไว้แล้วล่วงหน้า ยิ่งเป็นอะไรที่น่าเชื่อ น่าศรัทธา ยิ่งกว่าเป็นไหนๆ แม้ยังไม่มีโอกาสไปไกลถึงขั้นไม่หลงเหลือ ตัวกู-ของกู เอาไว้เลย แต่เพียงแค่ อัตตา ของแต่ละคน แต่ละราย พอได้เริ่มเจือจาง เบาบาง ลงไปแม้เล็กๆ น้อยๆ บรรดาสิ่งที่เรียกว่า ความทุกข์ทั้งหลาย มันก็น่าจะกลายไปเป็น ความทุกข์...ที่พอรับได้ จนส่วนที่หลงเหลือเป็น ความสุข อาจพอนำมามอบให้แก่กันและกันได้อย่างเป็นเรื่อง-เป็นราว...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เกรงว่าคำอวยพรปีใหม่จะไม่จริง
เวลาที่เรากล่าวคำอวยพรให้ใครๆ เราก็จะพูดแต่เรื่องดีๆ และหวังว่าพรของเราจะเป็นจริง ถ้าหากเราจะเอาเรื่องอายุ วรรณะ สุขะ พละ มาอวยพร โดยเขียนเป็นโคลงกระทู้ได้ดังนี้
แด่...ไพบูลย์ วงษ์เทศ
ถึงแม้จะช้าไปบ้าง...แต่ยังไงๆ ก็คงต้องเขียนถึง สำหรับการลา-ละ-สละไปจากโลกใบนี้ของคุณพี่ ไพบูลย์ วงษ์เทศ นักเขียน นักกลอนและนักหนังสือพิมพ์อาวุโส
กร่าง...เกรี้ยวกราด...ฤากลัว
ใครบางคนตำแหน่งก็ไม่มี สมาชิกก็ไม่ใช่ แต่แสดงบทบาทยิ่งใหญ่กว่าใครๆ เหมือนจงใจจะสร้างตำแหน่งใหม่ที่คนไทยต้องยอมรับ และดูเหมือนเขาจะประสบความสำเร็จเอาเสียด้วย
คำอวยพรปีใหม่ 2568
ใกล้ถึงช่วงปีหน้า-ฟ้าใหม่ยิ่งเข้าไปทุกที...การตระเตรียมคำอำนวย-อวยพรให้กับใครต่อใครไว้ในช่วงวาระโอกาสเช่นนี้ อาจถือเป็น หน้าที่ อย่างหนึ่ง
ก้าวสู่ปีใหม่ 2568
สัปดาห์สุดท้ายปลายเดือนธันวาคม 2567 อีกไม่กี่วันก็จะก้าวเข้าสู่ปี 2568 "สวัสดีปีใหม่" ปีมะเส็ง งูเล็ก
ลัคนากุมภ์กับเค้าโครงชีวิตปี 2568
สรุป-แม้ทุกข์-กังวลจะยังอ้อยอิ่งอยู่ตลอดปีแต่ต้นปีเร่งสร้างฐานชีวิต ครั้นพฤษภาคมไปแล้ว