ถ้าพูดความจริงมันจะตายหรือไร

พวกเราทั้งหลายคงจะเคยได้ยินคำพระที่ว่า “นตฺถิ อการิยํ ปาปํ มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน” ที่มีความหมายว่า “คนมักพูดมุสา จะไม่พึงทำชั่ว ไม่มี” เวลานี้ในประเทศไทยเรา มีคนที่พูดโกหกหลายครั้งหลายคราอยู่มากมาย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราพอจะอนุมานได้ไหมว่า คนที่พูดโกหกเหล่านั้นเป็นคนที่ทำชั่วอะไรบางอย่าง แล้วไม่สามารถเล่าการกระทำที่แท้จริงของตนเองได้ เพราะการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นการทำชั่ว จึงต้องปกปิดเอาไว้ แล้วสร้างวาทกรรมสวยหรูมาบอกกล่าวแก่สังคม ถ้าหากใครเชื่อคำพูดเหล่านั้น อาจจะเรียกได้ว่า “เป็นคนโง่ให้เขาหลอก” และเวลานี้ดูเหมือนประเทศไทยเราน่าจะมีคนโง่พร้อมที่จะถูกหลอกอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว โดยดูจากผลของการเลือกตั้งในหลายๆ ครั้ง และดูได้จากการที่คนบางกลุ่มบางพวกเป็น FC ระดับสาวกที่แสดงความชื่นชมนักการเมือง กล่าววาจาอวยนักการเมืองบางคนแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่สนใจที่จะหาความจริง

สถานการณ์ของประเทศไทยเวลานี้ เรื่องของคนโกหกและเรื่องของคนโง่ที่ถูกคนโกหกหลอกดูเหมือนจะเป็นปรากฏการณ์ “ขนมพอสมน้ำยา” นั่นก็คือ พอๆ กันระหว่างคนชั่วที่โกหกและคนโง่ที่ยอมให้เขาหลอก เวลานี้คนที่หลอกประชาชนนั้นมีทั้งนักการเมืองบางคนที่เป็นคนชั่ว ข้าราชการบางคนที่ทำตัวชั่วสนับสนุนการทำชั่วของนักการเมืองชั่ว นักวิชาการบางคนที่ยอมรับใช้นักการเมืองชั่ว สื่อมวลชนบางรายที่ทำหน้าที่แบบไร้จรรยาบรรณ พูดจาอวยนักการเมืองชั่วๆ และ FC โง่ๆ บางคนที่หลงรัก หลงกระแสการปั่นข้อมูลโกหก เพื่อสร้างความนิยมให้นักการเมืองบางคน ชื่นชมคนชั่วด้วยความหลง ถูกครอบงำด้วยวาทกรรมของคนโกหก

นักการเมืองบางคน บางพรรค โกหกตั้งแต่การสมัครลงรับเลือกตั้ง สร้างประวัติการศึกษาปลอม สร้างประวัติการทำงานปลอม พอมาหาเสียงเลือกตั้งก็โกหกว่าจะทำโน่นทำนี่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าข้อความที่หาเสียงไปนั้นทำไม่ได้ แต่มันทำให้ได้คะแนนเสียง ก็พูดไปก่อน เมื่อชนะการเลือกตั้งแล้วค่อยหาทางโกหกต่อไปว่าจะชี้แจงอย่างไรที่ไม่สามารถทำได้ตามที่หาเสียงไว้ เมื่อมีตำแหน่งแล้วก็โกหกเพื่อสร้างคะแนนนิยม

แต่สมัยนี้การโกหกของนักการเมืองนั้นไม่อาจที่จะผ่านพ้นการสืบค้นของนักสืบไซเบอร์ได้ ในที่สุดความจริงก็ปรากฏ ประชาชนก็จะรู้ว่าที่พูดมานั้นโกหก บางเรื่องก็ไม่ต้องรอการสืบค้นใดๆ เลย เพราะข้อความที่พูดนั้นมันแย้งกับความเป็นจริงที่เห็นได้อย่างชัดเจน ประชาชนไม่ได้โง่ไปทั้งประเทศหรอกนะ ประชาชนที่ฉลาดรู้ทันนักการเมือง และไม่ยอมถูกนักการเมืองหลอกนั้นยังมีอยู่มาก แต่นักการเมืองที่หน้าด้าน ก็ไม่สนใจว่าประชาชนจะจับได้ไล่ทันว่าโกหก เพราะพวกเขามีทัศนคติว่า “กูโกหก กูทำชั่ว พวกมึงรู้แล้ว มึงมีปัญญาทำอะไรก็ได้ไหม กูยังมีคนไทยจำนวนหนึ่งที่เป็นควายโง่ให้กูหลอก คนพวกนี้แหละคือกำแพงมนุษย์ที่ปกป้องพวกกูได้” และดูเหมือนความเชื่อของพวกเขาถูกต้อง เพราะคนโง่ที่หลงรักพวกเขานั้น จะปกป้องพวกเขาด้วยการด่าทอต่อว่าคนที่รู้ทันด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หยาบช้าต่ำตม แบบที่เราเรียกกันว่าเอาทัวร์ไปลง ทำให้คนที่รู้ทันการโกหกของนักการเมืองต้องถอย ข้อความที่เป็นจริงจึงปรากฏบนพื้นที่ Social Media น้อยกว่าข้อความโกหกของนักการเมืองชั่ว และคำอวยของประชาชนโง่

นอกจากนักการเมืองบางคนที่เป็นคนชั่วจะโกหกแล้ว ข้าราชการบางคนก็ทำชั่วด้วยการทำตัวเป็นขี้ข้ารับใช้นักการเมืองชั่ว ยอมทำผิดอย่างหน้าด้านๆ อาศัยการเป็นคนที่รู้กฎหมาย กฎกติกาต่างๆ ที่จะชี้ช่องโหว่ให้นักการเมืองทำชั่ว ข้าราชการเหล่านี้เป็นคนชั่วที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ไม่สนใจผลร้ายที่จะเกิดกับประเทศชาติ ไม่สนใจความรู้สึกของประชาชนว่าพวกเขาจะเสียใจเพียงใดเมื่อนักการเมืองบางคนกับข้าราชการบางคนที่เป็นคนชั่ว รวมหัวกันทำผิดคิดชั่ว ทำลายประเทศชาติด้วยความเห็นแก่ตัว เวลานี้มีเรื่องที่นักการเมืองโกหกแบบที่ประชาชนจับได้ และก็ยังมีข้าราชการร่วมโกหกด้วยอย่างหน้าด้านๆ คิดว่าพวกเขารู้นะว่าประชาชนรู้ทัน แต่เขาไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไรกับพวกเขา เพราะผลประโยชน์ที่เขาได้รับจากนักการเมืองชั่วนั้น พวกเขาคิดว่ามันคุ้มที่เขาจะทำชั่ว นอกจากนั้นแล้ว พวกเขายังคิดว่าอีกว่าอำนาจและอิทธิพลของนักการเมืองชั่วๆ เหล่านั้นจะคุ้มกะลาหัวเขาได้ แต่เวรกรรมมีจริง วันนี้เขารอด แต่วันหน้าไม่แน่ กรรมเป็นสิ่งที่ยุติธรรมเสมอ

สื่อมวลชนหลายคน หลายสำนัก ทำหน้าที่แบบไม่มีจรรยาบรรณ พร้อมที่จะทำข่าวบิดเบือน ปกปิดความผิดของนักการเมืองที่ทำชั่วก็มี อวยนักการเมืองชั่วๆ ด้วยข้อความที่เป็นเท็จก็มี ประชาชนเรียนรู้ความจริงของโลก ของสังคมจากเนื้อหาที่เขาได้รับจากสื่อมวลชน ดังนั้นเมื่อสื่อมวลชนเสนอข่าวบิดเบือน ประชาชนที่ติดตามข่าวจากสื่อมวลชนก็จะมองโลกบิดเบี้ยวไปจากความเป็นจริงตามการเสนอข่าวของสื่อมวลชน และเมื่อมีการอวยนักการเมืองชั่วๆ และช่วยปิดบังความชั่วของนักการเมือง โอกาสในการทำชั่วของนักการเมืองก็ง่ายขึ้น โดยมีสื่อมวลชนชั่วๆ เป็นแนวร่วมในการนำเสนอข่าวให้ประชาชน

นักวิชาการบางคนก็มีทัศนคติและอุดมการณ์ทางการเมืองที่เป็นปรปักษ์กับสถาบันหลักของประเทศ และบางคนก็มีทัศนะชังชาติ คนพวกนี้จะใช้ความเป็นนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญและมีความน่าเชื่อถือครอบงำประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนที่ยังไม่มีวุฒิภาวะในพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่ดีพอ นักวิชาการพวกนี้บิดเบือนประวัติศาสตร์ บิดเบือนข้อเท็จจริงในปัจจุบัน วิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยตรรกะวิบัติที่บิดเบี้ยว อาศัยความเป็นนักวิชาการพวกเขาสามารถครอบงำเยาวชนได้ด้วยข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จ คนพวกนี้บางคนก็เป็นนักเรียนทุนในการไปศึกษาเล่าเรียนในต่างประเทศ เมื่อจบการศึกษากลับมาแล้ว แทนที่จะรับใช้ประเทศชาติด้วยความกตัญญู กลับไปรับใช้นักการเมืองชั่วๆ เพราะความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน อยากได้ทรัพย์ อยากได้อำนาจ โดยไม่คำนึงว่าการช่วยคนชั่วโกหกนั้นสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติอย่างไร คนพวกนี้คือคนที่ทำให้ FC ที่เป็นด้อมของนักการเมืองชั่วๆ กลายเป็นคนโง่ให้นักการเมืองชั่วๆ หลอก และพฤติกรรมของพวกเขาก็กลายเป็นการทำลายชาติ เพราะการอวยนักการเมืองที่พวกเขาหลงนั้นก็เป็นการโกหกเช่นกัน สงสัยจังคนชั่วพวกนี้ ถ้าไม่ได้โกหกจะกระอักเลือดตายหรือไร พ่อแม่สอนกันมายังไงนะ...อยากรู้จัง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สับสนอลหม่าน แพทองธาร...พาลแพแตก

เราเคยทำนายไว้ว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีที่ชื่อเศรษฐาพ้นจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และได้แพทองธารมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31

โลกแห่งความเป็นจริงที่กำลังถูกกลืนกิน

ด้วยความก้าวหน้า-ก้าวไกลของเทคโนโลยีข้อมูล-ข่าวสาร ที่เตลิดเปิดเปิงไปถึงระดับ 5G-6G และไม่รู้จะอีกกี่ G ภายในอนาคตอันใกล้ แถมยังมีตัวเร่ง ตัวกระตุ้น

เก้าอี้ 'ผบ.ตร.' ชัด

อุ๊ย....อุ๊ย แม้ บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.จะปฏิเสธเสียงแข็งการเข้าพบ นายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เกี่ยวกับการทาบทาม

เลือกผู้แทนกันยังไง...เมืองไทยจึงเป็นเช่นนี้

หลังจากรู้ผลการเลือกตั้งในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 บ้านเมืองไทยก็ดูพิกลพิการ อยู่ในสภาพที่ไม่อาจจะเดินหน้าเพื่อการพัฒนาที่จะสร้างความเจริญก้าวหน้า

ว่าด้วยการ'ฟันธง'ของนักวิเคราะห์ทั้งหลาย

ถึงเคยคลุกคลีอยู่กับการ วิเคราะห์ การบ้าน-การเมือง มาร่วมกว่าๆ 2 ทศวรรษเห็นจะได้ แต่ด้วยอายุปูนนี้และด้วยสภาพแวดล้อมที่ทำให้ตัวเองใกล้ๆ