เมื่อวานได้เล่าถึงแนวทางวิเคราะห์การสู้รบในพม่าครั้งนี้ต่างกับที่ผ่านมาอย่างไร
มีรายละเอียดในยุทธการภาคพื้นดินที่น่าสนใจจากข้อเขียนของนักวิชาการพม่า Ye Myo Hein ซึ่งเป็น fellow อยู่ที่ Wilson Center ที่วอชิงตันวิเคราะห์ในสื่อ Irrawaddy News
ที่ยืนยันว่าการรวมตัวของฝ่ายต่อต้านรอบนี้มีอะไรที่ผิดไปจากเดิมมาก
เขาได้รายละเอียดจากสนามรบหลายๆ จุดเพิ่มเติม เช่น
กะฉิ่น: ก่อนปฏิบัติการ 1027 กองทัพฝ่ายทหาร SAC ได้เพิ่มการรุกต่อกองทัพกะฉิ่นอิสระ (KIA) เพื่อขัดขวางการจัดหาและช่วยเหลือของ KIA ให้กับหน่วยรบของฝ่ายรัฐบาลเงา PDFs ในภาคเหนือ
เมื่อการขยายวงของยุทธการ 1027 บีบให้กองทัพต้องเปลี่ยนเส้นทางที่เริ่มจะถูกบีบให้คับแคบลงไปยังพื้นที่ขัดแย้งใหม่ KIA ได้ย้ายฐานทัพทหารที่ Mongton ทางตอนเหนือของรัฐฉาน และฐานทัพบนถนน Gangdau-Bhamo เมื่อวันที่ 31 ต.ค.
ซากายและมาเกว: ช่วงวันที่ 2 และ 3 พฤศจิกายนกองกำลัง PDFs ของรัฐบาลเงาร่วมมือกับกองกำลังป้องกันในพื้นที่ และ EAO ที่เป็นพันธมิตรโจมตีที่ทำการทหาร สถานีตำรวจ และค่ายกักกันในซากายและมาเกว
วันที่ 6 พฤศจิกายน กระทรวงกลาโหมของรัฐบาลเงา NUG ประกาศว่าสามารถควบคุม Kawlin ในสะกายตอนบน และเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ก็สามารถบุกเข้า Khampet ตรงชายแดนอินเดีย
หากกองกำลังต่อต้านสามารถยึด Tamu กับ Khampet ได้ ก็จะสามารถควบคุมหุบเขา Kabaw บนชายแดนอินเดียได้อย่างสมบูรณ์
อีกทั้งยังตั้งเป้าที่จะรุกเข้าควบคุมพื้นที่ 3 เหลี่ยมแห่งเกาลิน กะธา และกันตบาลู ที่ได้สร้างฐานที่มั่นในพื้นที่ชนบทส่วนใหญ่แล้ว แต่ยังรอเข้ายึดฐานทัพทหารเพื่อรวบรวมให้เป็นจุดที่ตั้งใหม่ของตน
จากจุดนี้ การประสานงานของฝ่ายต่อต้านมีแนวโน้มที่จะมุ่งไปที่การยึดพื้นที่เมืองและฐานทัพทหารที่สำคัญในใจกลางเมือง
Chin (ชิน): วันที่ 30 ตุลาคม แนวร่วมชาติ Chin (CNF) ประกาศว่าจะดำเนินการตามการนำของยุทธการ 1027 เพื่อเผชิญหน้ากับกองทัพในหลายภูมิภาคของรัฐ Chin
วันที่ 7 พ.ย. กองกำลังต่อต้าน Chin สามารถยึด Rihkwanda เมืองที่มีพรมแดนติดกับอินเดียได้
และเดินหน้ายึดฐานทัพทหารและเมืองอื่นๆ เช่น Lailenpi และ Rezua ใน Matupi ภูมิประเทศที่เป็นภูเขาและความห่างไกลของรัฐ Chin
ทำให้กองทัพพม่าตกอยู่ในสภาพตั้งรับ?
นั่นเท่ากับเป็นการเปิดทางให้ขบวนการต่อต้านสามารถรุกคืบเข้ายึดพื้นที่ของฝ่ายกองทัพพม่ามากขึ้นอีก
เสริมด้วยการปิดล้อมและโดดเดี่ยวฐานทัพทหารที่เดิมมีการป้องกันอย่างแน่นหนา แต่ก็เริ่มตกอยู่ในสถานะที่อ่อนแรงลงตามลำดับ
แรงผลักดันในการต่อต้านกองทัพในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศก็ยิ่งเสริมความได้เปรียบของ CNF อย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ยะไข่: เมื่อวันที่ 13 พ.ย. กองทัพอาระกัน (AA) ที่ค่อนข้างจะมีความสามารถในการสู้รบประกาศชัยชนะเหนือกองทัพบริเวณชายแดนจีน
กองทัพอาระกันเป็นหนึ่งใน 3 กำลังหลักของ “กลุ่มพันธมิตรภราดรภาพฝ่ายเหนือ”
โดยได้เริ่มโจมตีที่มั่นทางทหารในรัฐยะไข่บริเวณชายแดนด้านตะวันตกของเมียนมาติดกับบังกลาเทศ
ถือเป็นการยุติข้อตกลงหยุดยิงนานหนึ่งปีในรัฐนั้น
โดยกองกำลังอาระกันมุ่งโจมตีที่ทำการของตำรวจและทหารบริเวณชายแดน
AA ประสบความสำเร็จในการยึดด่านหลายแห่งในเมือง Rathedaung และ Maungdaw
ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ดูเหมือนว่าจะออกแบบมาเพื่อเปิดประตูสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างบังกลาเทศและอินเดีย
เพื่อเข้าถึงอาหารสำหรับประชากรชาวยะไข่ใน
และสกัดกั้นแผนการปิดล้อมทางทหารบนเส้นทางการเข้าถึงในรัฐยะไข่
ปฏิบัติการของ AA ขยายตัวอย่างรวดเร็วไปยังส่วนอื่นๆ ของรัฐยะไข่และรัฐชิน
โดยมีการยกระดับการสู้รบในเมือง Pauktaw, Myebon และ Paletwa
กะเรนนี: ทางตอนใต้ของรัฐฉาน ปฏิบัติการ 1027 ยังจุดชนวนกองกำลังต่อต้านกะเรนนีที่รวมกัน ซึ่งประกอบด้วยกองทัพกะเรนนี (KA) แนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติกะเรนนี (KNLF) กองกำลังป้องกันประเทศกะเรนนี (KNDF) รวมถึงกองกำลัง PDFs และกลุ่มพันธมิตรอื่นๆ เพื่อเริ่มปฏิบัติการต่อต้านกองทัพ
โดยเริ่มแรกบรรลุการควบคุมเมเซ่ที่ชายแดนไทยอย่างสมบูรณ์
วันที่ 11 พฤศจิกายน กองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ประกาศ "ยุทธการ 11.11" พุ่งเป้าไปที่การยึดเมืองลอยกอ เมืองหลวงของชาวกะเหรี่ยงที่อยู่ห่างจากกรุงเนปยีดอ เมืองหลวงของเมียนมาเพียง 110 กิโลเมตร
เท่ากับเปิดทางให้กลุ่มต่อต้านเข้าถึงฐานอำนาจของรัฐบาลทหารได้โดยง่าย
การยึดที่มั่นทางทหารของกองกำลังกะเหรี่ยงในเมืองลอยกอ ดีโมโซ และโมบาย ได้บีบให้รัฐบาลทหารต้องจัดสรรทรัพยากรที่ลดน้อยลงเพื่อปกป้องเมืองลอยก่อ
เท่ากับเป็นการขัดขวางไม่ให้มีการส่งกำลังทหารจำนวนมากไปยังตอนเหนือของรัฐฉานเพื่อสู้กับกำลังติดอาวุธฝ่ายต่อต้านสนองต่อปฏิบัติการ 1027
มีรายงานด้วยว่า กองกำลังภาคพื้นดินในกะเรนนีมีการแปรพักตร์เป็นจำนวนมากหลังจากปฏิเสธที่จะสู้รบแล้ว
รัฐบาลทหารโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศ ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายประชาชนจำนวนมากเข้าสู่รัฐฉานและข้ามชายแดนไทย
แม้ว่ากองกำลังกะเรนนีจะยังไม่สามารถควบคุมลอยกอได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ยังมีอ้างว่ามีความคืบหน้าในการสู้รบอย่างต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์เชื่อว่าเพราะเมืองนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ การยึดลอยกอจึงอาจเปลี่ยนแปลงพลวัตของความขัดแย้งหลังรัฐประหารทั้งหมดได้ทีเดียว
นักวิชาการพม่าท่านนี้สรุปว่า รายละเอียดเหล่านี้ทำให้มีข้อสังเกตสำหรับยุทธการ 1027 อย่างน้อย 3 ประการ
หนึ่ง การดำเนินงานในภูมิภาคต่างๆ มีการเชื่อมโยงถึงกัน
สอง การบุกโจมตีกองทัพพม่าแบบ 360 องศาที่ประสานกันจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้เกิดหลักฐานที่ชัดเจนว่ามีการประสานงานกันล่วงหน้าระหว่างกองกำลังต่อต้านในระดับที่มีนัยสำคัญ
และสาม กองทัพของมิน อ่อง หล่าย ต้องเร่งระดมสรรพกำลังที่มีอยู่อย่างจำกัดไว้ที่จุดยุทธศาสตร์ความขัดแย้งที่สำคัญบางแห่ง
นักวิชาการพม่าคนนี้สรุปว่า
วันหนึ่งข้างหน้าประวัติศาสตร์อาจสรุปได้ว่าการรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2564 ส่งผลร้ายแรงต่อการผูกขาดอำนาจของกองทัพเมียนมามาเป็นเวลาหลายสิบปี
เพราะพอเกิดรัฐประหารก็ทำให้เกิดพลังของการระดมกำลังกลุ่มติดอาวุธที่ไม่ใช่รัฐจำนวนมากของประเทศ
จนสามารถรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเพื่อบรรลุเป้าหมายประวัติศาสตร์ร่วมกัน
นั่นคือล้มล้างระบอบเผด็จการทหารที่เป็นศัตรูร้ายกาจที่สุดต่อประชาชนชาวพม่า!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ