ของจริง...ของแถม

ตอนนี้พรรคก้าวไกลกำลังเคลื่อนไหวหนักมากในการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม บัดนี้ได้ยื่นร่างเข้าสู่การพิจารณาของสภาไปแล้ว เหตุผลในการผลักดันกฎหมายดังกล่าวก็เพื่อสร้างความปรองดอง นำพาประเทศออกจากกับดักความขัดแย้ง โดยให้เหตุผลว่าจะต้องนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ที่ก่อคดีอันมีเหตุมาจากแรงจูงใจทางการเมือง เหตุผลดังกล่าวฟังขึ้น และโอกาสที่ พ.ร.บ.ดังกล่าวจะผ่านสภาก็น่าจะมีความเป็นไปได้สูงมาก แต่น่าเสียดายที่พรรคก้าวไกลต้องการให้มีการนิรโทษกรรมให้กับผู้ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 ด้วย หลายฝ่ายไม่เห็นด้วยที่จะมองว่าคนทำผิดมาตรา 112 เป็นความผิดคดีทางการเมือง เพราะมาตรา 112 เป็นมาตราว่าด้วยความมั่นคง คนทำผิดมาตรา 112 จึงเป็นคดีอาญาด้านความมั่นคง เป็นเรื่องของการล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศ

หลายฝ่ายจึงมองว่าความเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกลน่าจะเป็นความพยายามที่จะล้างความผิดให้คนที่ทำผิดมาตรา 112 ส่วนการนิรโทษกรรมให้ผู้ต้องหาคดีการเมืองอื่นทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลือง และ กปปส. ไม่น่าจะเป็นของจริง แต่เป็นเพียงของแถมที่พรรคก้าวไกลนำมาเป็นองค์ประกอบของการขับเคลื่อนในครั้งนี้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่ามีศาสดา ผู้นำทางจิตวิญญาณ สส.ของพรรค รวมทั้งเด็กๆ ที่ออกมาชุมนุมและแสดงพฤติกรรมหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และอาฆาตมาดร้ายองค์พระมหากษัตริย์จนเป็นเหตุให้ต้องคดีมาตรา 112 กันเป็นจำนวนมาก หลายฝ่ายเห็นด้วยกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ผู้ต้องหาคดีทางการเมือง เพื่อให้เกิดความปรองดองสามัคคีระหว่างประชาชนที่มีความขัดแย้ง เล่นกีฬาสีกันมาเกือบ 20 ปี

แต่การออกกฎหมายดังกล่าวโดยรวมการนิรโทษกรรมให้คนทำความผิดตามมาตรา 112 ด้วยนั้น แกนนำและแนวร่วมในเครือข่ายของพรรคก้าวไกลคือ ผู้ที่จะได้ประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้มากกว่ากลุ่มการเมืองอื่นๆ เพราะพันธมิตรเสื้อเหลืองก็ดี นปช. เสื้อแดงก็ดี ถูกตัดสินติดคุกติดตะราง ถูกยึดทรัพย์กันไปหลายคนแล้ว การออกกฎหมายดังกล่าวจึงไม่เป็นผลประโยชน์สำหรับพวกเขาแต่อย่างใด ในขณะที่แกนนำ กปปส. ศาลชั้นต้นก็ลงโทษจำคุกแกนนำหลายคน คนละหลายปี ก็อาจจะได้ประโยชน์จากการออกกฎหมายดังกล่าวด้วย แต่การพ้นโทษของแกนนำ กปปส.ก็ไม่น่าจะเป็นเป้าหมายหลักของพรรคก้าวไกลในการขับเคลื่อนการออกกฎหมายนิรโทษกรรม

ความพยายามที่จะพ่วงเอาคนทำผิดมาตรา 112 ให้ได้รับนิรโทษกรรมในการออกกฎหมายฉบับที่พรรคก้าวไกลกำลังขับเคลื่อนผลักดันอยู่ในเวลานี้ จะทำให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกลผ่านสภาได้ยาก เพราะพฤติการณ์ของคนที่โดนคดีมาตรา 112 นั้นแตกต่างจากความขัดแย้งทางการเมืองของนักกีฬาสี ทั้งนี้เพราะพวกเขาไม่ได้มีความคิดที่จะล้มล้างเปลี่ยนแปลงการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศไทย พวกเขาออกมาขับไล่รัฐบาลที่พวกเขามองว่าบริหารบ้านเมืองแบบขาดธรรมาภิบาล ไม่มีจริยธรรม พวกเขาไม่ได้เรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศ พวกเขาไม่ได้มีการกล่าวหาว่าร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ พวกเขาไม่ได้จาบจ้วงล่วงละเมิดองค์พระมหากษัตริย์ ในขณะที่คนที่โดนคดีมาตรา 112 นั้นมีทั้งการกระทำและวาทกรรมที่ก้าวล่วงองค์พระมหากษัตริย์ด้วยข้อความที่เป็นเท็จ มีพฤติกรรมที่แสดงการอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ ปากก็อ้างว่าต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่พฤติกรรมหลายๆ อย่างเป็นการแสดงความเป็นปรปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์มากกว่าการปฏิรูป

ไม่ว่าคนของพรรคก้าวไกลจะยอมรับหรือไม่ว่าพวกเขาอยู่เบื้องหลังการชุมนุมของคนรุ่นใหม่ คนส่วนใหญ่ก็มองเห็นว่าการกระทำและข้อเรียกร้องของคนที่ออกมาชุมนุมนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคก้าวไกล พวกเขาออกมาชุมนุมบนท้องถนนเพื่อเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ มีการกล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงหยาบคาย สมาชิกของพรรคก้าวไกลมักจะปรากฏตัวให้เห็นในพื้นที่ชุมนุม มีการสนับสนุนการชุมนุมในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งทำหน้าที่เป็นนายประกันในเวลาที่ผู้ชุมนุมโดนคดีมาตรา 112 มีการพูดจาให้ท้ายผู้ออกมาชุมนุมว่าเป็นผู้กล้าหาญที่ออกมาต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพตามครรลองประชาธิปไตย และกล่าวหาว่าผู้มีอำนาจใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทำนิติสงครามกลั่นแกล้งคนที่คิดต่าง ทั้งๆ ที่การกระทำของพวกเขานั้นไม่ใช่การคิดต่าง แต่เป็นการคิดชั่ว และเป็นการทำผิดกฎหมาย

การยุยงส่งเสริม การให้การสนับสนุน การให้ท้าย การเป็นนายประกัน ทำให้มีคนรุ่นใหม่ออกมาทำความผิดตามมาตรา 112 เพิ่มมากขึ้น เรียกได้ว่ามากกว่ายุคใดๆ ที่ผ่านมา มีคนต้องคดี 112 เป็นจำนวนเกือบ 300 คดี หลายคนโดนมากกว่า 10 คดี ที่สำคัญสำหรับพรรคก้าวไกลก็คือในจำนวนคดีเหล่านี้มีศาสดา ผู้นำทางจิตวิญญาณ แกนนำ และ สส.ของพรรครวมอยู่ด้วยหลายคน จึงทำให้ทางพรรคต้องออกมาขับเคลื่อนการออกกฎหมายนิรโทษกรรม

หนึ่งในยุทธศาสตร์ของการขับเคลื่อนทางการเมืองของพรรคก้าวไกลก็คือการมีเยาวชนคนรุ่นใหม่เป็นแนวร่วมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเมือง และเมื่อเยาวชนเหล่านี้ทำความผิดตามมาตรา 112 ก็จะสร้างวาทกรรมว่าผู้มีอำนาจใช้นิติสงครามรังแกเด็ก ทั้งๆ ที่ในการพิจารณาคดีมาตรา 112 นั้น ศาลจะพิจารณาอย่างเที่ยงธรรม ไม่ว่าศาลจะมีความเที่ยงธรรมเพียงใด พวกเขาก็ยังคงยืนยันเรื่องนิติสงคราม ในความเป็นจริง เราจะเห็นได้ว่าหลายๆ กรณีหากไม่มีความผิดที่ชัดเจนจริงๆ ศาลก็จะมีคำพิพากษายกฟ้อง หรือถ้าหากมีความผิดจริง ศาลก็เมตตาให้รอลงอาญาเพราะเห็นแก่อนาคตของเยาวชนไม่ให้ต้องติดคุก ติดตะราง หลายคนได้รับการประกันตัวด้วยเงื่อนไขว่าจะไม่กลับไปทำความผิดในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษตริย์อีก แต่เยาวชนหลายคนไม่ทำตามเงื่อนไข กลับไปทำความผิดแบบเดิมอีก จนโทษของความผิดเพิ่มพูนขึ้นมากกว่า 10 ปี

เมื่อโทษสะสมมากกว่า 10 ปีก็ไม่ได้ประกันตัว ต้องเข้าไปนอนคุก ก็จะมีขบวนการมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวคนทำผิด มีการประท้วงในรูปแบบต่างๆ สร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในสังคม พยายามสร้างสถานการณ์ว่าผู้เรียกร้องถูกรังแก เพื่อจะรักษาเยาวชนที่เป็นแนวร่วมของพรรคเอาไว้ สิ่งที่จะต้องทำก็คือการผลักดันให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่คนที่โดนมาตรา 112 เพื่อให้เยาวชนเห็นว่าพรรคไม่ได้ทอดทิ้งคนที่โดนคดีมาตรา 112 การนิรโทษให้คนทำผิดมาตรา 112 จึงเป็นของจริง ส่วนคนกลุ่มอื่นที่โดนคดีทางการเมืองนั้น เป็นแค่ของแถมเท่านั้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

4 กลุ่มชั่วน่ากลัวเป็นนักหนา กลุ่มที่ 5 ยิ่งน่าสยอง

ณ เวลานี้ หลายคนมองประเทศไทยด้วยความห่วงใยว่า ประเทศไทยของเราที่เป็นที่ชื่นชมของชาวโลก ทั้งการลงทุน การทำมาค้าขาย การเข้ามาพำนักยามชรา และการมาท่องเที่ยว

ลิ้นงู...ที่อยู่ในปากงู!!!

ถึงแม้นจะพะงาบๆ อยู่ห่างๆ...ไม่มีโอกาสได้ลงลึก เจาะลึก ในรายละเอียด ด้วยเหตุเพราะสุขภาพ สังขาร ร่างกาย และอาจด้วยความห่างเหิน ห่างหาย กับใครต่อใครมานานแสนนาน

ตั้ง 'นายพัน' สีกากีเริ่ม

อะไรจะเร็วขนาดนั้น! โผแต่งตั้ง "ตำรวจ" ระดับ "นายพันสีกากี" เริ่มขยับนับหนึ่งกันแล้ว ทั้งๆ ที่ระดับ "นายพล" ล็อตแรก ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)

มาเป็นชุด! 'ดร.เสรี' ฟาดคนโอหัง ความรู้ไม่มี ทักษะไม่มี ไร้ภาวะผู้นำ น่าสมเพชอย่างแท้จริง

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า เตือนก็แล้ว ตำหนิก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว เยาะเย้ยก็แล้ว ล้อเลียนก็แ

ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้

เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ