
ใกล้จะสิ้นปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและการพักผ่อน รวมถึงเป็นเทศกาลมอบของขวัญให้กับชีวิต เพื่อน และครอบครัว
ดังนั้น ช่วงเวลาสิ้นปีจึงเปรียบเสมือนช่วงเวลาใช้เงิน และมีเงินสะพัดมากกว่าช่วงเวลาปกติ และในเวลานี้บรรดาห้างร้านก็จะมีการจัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม เพื่อกระตุ้นยอดขาย และเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้า
เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินเม็ดเงินใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 พบว่า น่าจะมีมูลค่าการใช้จ่ายรวมอยู่ที่ประมาณ 30,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อนหน้าที่ภาพรวมการใช้จ่ายช่วงปีใหม่ที่หดตัวประมาณ 4.4% โดยในช่วงปีใหม่ ’65 นี้คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เลือกออกไปใช้จ่ายนอกบ้านมากขึ้นตามการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
นี่แค่เพียงตัวเลขประมาณการเฉพาะในพื้นที่ กทม.เท่านั้น ซึ่งหากยึดข้อมูลในปีที่ผ่านๆ มา จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า ตามปกติคนไทยจะมีการใช้จ่ายเงินช่วงปีใหม่อยู่ระหว่าง 1.3-1.5 แสนล้านบาท
แน่นอน คาดว่าในปีนี้ตัวเลข 1.5 แสนล้านก็มีความเป็นไปได้ เพราะรัฐบาลมีการผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น แม้โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ยังเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่ก็เชื่อว่าด้วยระบบที่มีการรับมือและเตรียมการไว้ รวมถึงการฉีดวัคซีนที่ทำได้ครอบคลุมก็อาจจะช่วยลดความเสี่ยงในการระบาดได้
แต่ถึงอย่างไรก็ดี การจะรอลุ้นให้ประชาชนควักเงินออกมาจ่ายอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ เพราะอาจจะไม่มีแรงจูงใจพอ
ทางภาคเอกชนก็หวังที่จะให้ภาครัฐออกแพ็กเกจมากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมบ้าง เพราะมาตรการอย่างคนละครึ่ง และช้อปดีมีคืน ก็ใกล้จะหมดเวลา และเริ่มอ่อนแรงแล้ว ดังนั้นควรจะมีมาตรการมากระตุ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของปีแบบนี้
โดยเฉพาะโครงการที่กลุ่มค้าปลีกรอมากที่สุดคือ ช้อปดีมีคืน ซึ่งถือเป็นมาตรการที่ค่อนข้างได้ผล และช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้จริง ซึ่งจากสถานการณ์แบบนี้ ทางนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยก็ระบุว่า ในปีนี้รัฐบาลใจป้ำ เพิ่มวงเงินจากที่เคยให้คนละ 30,000 บาท เป็น 50,000 บาท จะสามารถช่วยให้เกิดการใช้จ่ายจนเงินสะพัดในช่วงสัปดาห์สุดท้ายถึงหลัก 50,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน ทาง “สมาคมผู้ค้าปลีกไทย” ก็ระบุว่า โครงการช้อปดีมีคืน หรือช้อปช่วยชาติ จะช่วยให้มีเงินสะพัดได้ไม่น้อยกว่า 3-4 แสนล้านบาท และส่งผลไปยังตัวเลขจีดีพี หรือเศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้ถึงระดับ 0.7-1% และยังเกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างมหาศาล โดยใช้งบประมาณไม่มาก หรือเพียงแค่ 15,000-20,000 ล้านบาท
เรื่องนี้คงต้องจับตาดูว่าแพ็กเกจของขวัญที่ลือกันว่าจะมีการนำเสนอมาตรการในที่ประชุม ครม. วันที่ 21 ธ.ค.นี้ จะมีโครงการนี้หรือไม่ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ภาคเอกชนกำลังรอคอยกันมากที่สุด
รวมไปถึงแว่วๆ มาว่าจะมีการออกทั้งมาตรการผ่อนดีมีคืนของธนาคารรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งบางแบงก์ก็มีการประกาศไปบ้างแล้ว ยังรวมถึงโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ที่จะมาแทนเฟส 3 ซึ่งจะหมดปลายปี 64 นี้
ทั้งหมดนี้จะต้องไปรอลุ้นกันในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่จากการเกริ่นๆ ของกระทรวงการคลัง ก็เชื่อว่าจะมีมาตรการเด็ดๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจแน่ๆ แต่จะโดนใจแค่ไหนจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เร่งสปีดSMEไทยด้วยนวัตกรรม
เอสเอ็มอีไทยถือเป็นกำลังสำคัญของระบบเศรษฐกิจประเทศ แต่ในขณะเดียวกันกลับต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งต้นทุนที่สูงขึ้น การแข่งขันที่รุนแรง และข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ซึ่ง กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ
ผนึกพลังพัฒนากำลังคน
ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็ว และการแข่งขันด้านต้นทุนที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คำถามสำคัญของอุตสาหกรรมไทยไม่ใช่เพียง “จะผลิตอย่างไรให้ได้มากขึ้น” แต่คือ “จะสร้างคนและองค์ความรู้แบบใดให้ยืนระยะในเวทีสากลได้จริง”
ปีใหม่เป้าลดอุบัติเหตุ 5%
ช่วงเทศกาลปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ประชาชนจำนวนมากออกเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถใช้ถนนเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว และมักตามมาด้วยความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุทางถนน
เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่
ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน
องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)
แรงงานคืนถิ่น:ทางเลือกที่เป็นโอกาส
‘การเคลื่อนย้ายแรงงาน’ จากภูมิลำเนาเข้าสู่จังหวัดเศรษฐกิจเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นกำลังแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา อย่างไรก็ตาม

