ทำไมรถต้องเรียงเกียร์เป็น P-R-N-D?

วันก่อนผมนั่งดู Shorts กับ Reels ผ่าน Facebook กับ Instagram ไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งอันตรายมาก เพราะจะหมดไปวันหนึ่งโดยที่ไม่รู้ตัว ในครั้งนี้ ผมไปเจอคลิปหนังยุคที่ผมเรียนปริญญาโทที่สหรัฐ (ยุคต้นๆ 90s) ไม่ได้ถือว่าเป็นหนังยอดฮิต หนังคลาสสิกหรือหนังอมตะ เป็นหนังที่ดูเสร็จไม่นึกถึงมันอีกเลย

ก่อนเป็นยุค Streaming เหมือนยุคปัจจุบัน ซึ่งยุคนี้เป็นยุคที่ผู้บริโภคมีอำนาจเลือกสิ่งที่อยากชม และ/หรือ สิ่งที่อยากฟัง ตามสะดวก แต่ในยุคนั้นมีแค่ 2-3 ช่องทางในการแสวงหาบันเทิง ถ้าเป็นหนังต้องเข้าโรงก่อน เมื่อออกโรงแล้วต้องเช่า VDO ตาม Blockbusters และสุดท้ายผ่าน Cable TV

สำหรับการดูหนังผ่าน Cable TV มันขึ้นอยู่กับตารางหรือผังที่ทางผู้ประกอบการวางให้พวกเราดู สำหรับหนังมีชื่อเสียง เขาจะโฆษณาเต็มที่และฉายคืนวันศุกร์หรือคืนวันเสาร์ ตอนที่เขารู้แน่ๆ ว่ามีคนดูเยอะ แต่หนังประเภทปานกลาง ไม่ดีนัก แต่ไม่ห่วยแตก อันนั้นมีฉายทั้งวัน ไม่ว่าจะอยู่บ้านกลางวัน หรือนอนไม่หลับกลางคืน จะมีหนังอยู่กลุ่มหนึ่งมีโอกาสเจอเกือบทุกช่วงเวลาที่เปิดทีวีไว้

และหนังที่ผมพูดถึง คือหนังที่ตกประเภทนั้น คือเรื่อง Sneakers ที่ดารานำระดับ Robert Redford เล่น ซึ่งแค่เอ่ยชื่อดารานำ คนก็คงจะคิดว่าเป็นหนังเกรด A ทันที ผมบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้เต็มที่ก็เกรด C ครับ แต่เป็นหนังประเภทมีฉายเมื่อไหร่ อยู่ในจอเมื่อไหร่ ก็ต้องดู

ผมยอมรับเลยว่า ถ้าไม่ผ่านสายตาช่วงที่ผมเสียเวลากับการดูคลิปทั้งหลายนั้น ผมจะไม่นึกถึงหนังเรื่องนี้เลย แต่พอผ่านตา ทำให้ผมนึกถึงฉากหนึ่ง เรื่องของเรื่องคือ Redford กับกลุ่มเขา (ถือว่าเป็นกึ่ง Spy) เขาถูก Blackmail จากกลุ่มปริศนากลุ่มหนึ่ง เลยต้องหาวิธีกอบกู้ชื่อเสียงเขากลับมา ในฉากหนึ่งมีการบุกสำนักงานแห่งหนึ่ง โดยที่แต่ละคนถูกเจ้าหน้าที่จับ เลยทำให้แผนเปลี่ยนหมด ในที่สุดคนเดิมที่ต้องขับรถถูกจับ เหลือแต่คนตาบอด (ที่เก่งเรื่อง IT) ต้องเป็นคนขับรถพาทุกคนหนี ซึ่งทีมงานที่กำลังดูเหตุการณ์คอยรายงานสถานการณ์

รถดังกล่าวเป็นรถตู้ขนาดใหญ่ เกียร์จะอยู่ติดกับพวงมาลัย สิ่งแรกที่ทีมงานวิทยุบอกคนขับ (ที่ตาบอด) คือให้ถอยหลังไป ซึ่งคนตาบอดงง แล้วถามกลับไปว่า “What is Reverse?” ทำให้คนให้คำสั่งอึ้งสักพักนึง และบอกว่า “One Click Down” เมื่อถอยหลังเสร็จแล้ว คนให้คำสั่งบอกว่า ขับรถไปเลย คนขับถามกลับไปอีกทีว่า “How?” คนให้คำสั่งเลยต้องคิดอีกที และบอกว่า “Two clicks down” คนขับจึงสามารถเดินหน้าต่อได้ (ในที่สุดขับรถหนีสถานการณ์ได้…แต่ชนต้นไม้)

ผมไม่รู้ทำไมผมจำฉากนี้ แต่จำได้ว่าครั้งแรกที่ดูหนังเรื่องนี้ ผมคิดในใจว่า ในการขับรถ ยิ่งเฉพาะรถออโต มันมีแนวทางเรียงลำดับที่แตกต่างกันออกไปไหม? พอในหนังบอกว่า “One click down” หรือ “Two clicks down” มีความรู้สึกว่าทุกคนที่ขับรถเป็นน่าจะเข้าใจโดยอัตโนมัติ แต่คำถามคือ สำหรับการเรียง P-R-N-D ที่ทุกคนคุ้นเคยนั้น เป็นแบบนี้มาโดยตลอดหรือเปล่า? เคยเป็นแบบอื่นไหม? แล้วทำไมต้องเป็น P-R-N-D?

ในยุคที่โลกรถยนต์ปรับจากเกียร์กระปุก (Manual) มาเป็น เกียร์ออโต (Automatic) ในการเรียงลำดับเกียร์เป็น P-N-D-L-R ด้วยซ้ำ (ตัว L คือ Low Gear)

ที่เอาตัว R มาอยู่ท้ายสุดหรืออยู่ล่างสุดนั้น เพราะถ้าจะถอยหลังน่าจะให้เกียร์ถอยอยู่ห่างเกียร์อื่น เขาออกแบบแบบนี้เพื่อไม่ให้คนขับคิดอะไรมาก ถ้าอยากถอยรถ ลากเกียร์ให้อยู่ล่างสุด ซึ่งในทฤษฎีและหลักการมันเข้าท่าดี แต่พอปฏิบัติจริง ปรากฏว่าหลายคนที่ตั้งใจจะเข้าเกียร์ “L” ดันเข้าเกียร์ “R” แทน และกลับกัน คนที่ตั้งใจเข้าเกียร์ “R” ดันเข้าเกียร์ “L” แทน

ในสหรัฐยุคนั้นมีนักเคลื่อนไหวและนักร้องเรียนด้านคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค (เน้นด้านความปลอดภัยของผู้บริโภค) ชื่อ Ralph Nader บอกว่า การเรียงเกียร์เป็น P-N-D-L-R สร้างความอันตรายมากกว่าอำนวยความสะดวก เพราะคนขับต้องมองไปที่เกียร์ เพื่อยืนยันว่าเข้าช่องถูกตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้

แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าระหว่างขับรถจะต้องมองที่เกียร์ทำไม แต่อย่างว่าครับ ตลอดชีวิตผม ผมรู้แต่ P-R-N-D เลยไม่รู้ว่า P-N-D-L-R จะสร้างความสับสน และ/หรือ อันตรายแค่ไหน เอาเป็นว่าในยุคนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่พอให้คนพูดกันเยอะ และด้วยแกนนำของ Nader ที่รณรงค์ให้ผู้บริโภคและสังคมทั่วไปเห็นชอบกับการปรับเรียนเกียร์นั้น ภายในปี 1966 เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง และปี 1971 จึงออกเป็นกฎหมายระดับประเทศ (US Department of Transportation Standard no. 102 ที่ระบุชัดเจนว่า: “Location of transmission shift positions on passenger cars; a neutral position shall be located between forward drive and reverse drive positions.”

วันนี้เป็นวันให้ความรู้รอบตัวกับสิ่งที่อยู่ใกล้ สิ่งที่เราเห็นเกือบทุกวัน แต่เห็นทุกวันจนมองข้ามครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'BRO!!!!!'

เกือบ 2 สัปดาห์กับผลการเลือกตั้งในสหรัฐ ที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั่วไป เว้นบรรดานักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมา พวกนี้ยังพูดเต็มปากเต็มคำว่า

“ถ้าไม่เลือกเรา...เขามาแน่”...ทำให้เขาชนะขาดลอย

ผมไม่แน่ใจว่ากว่าแฟนคอลัมน์จะได้อ่านบทความนี้ เรื่องที่ผมจะเขียนนั้นมันแห้งเกินไปหรือเปล่า เพราะกว่าจะถึงวันที่ได้อ่านบทความนี้ เรื่องนี้อาจจะเก่าไปแล้วก็ได้

Thank you, Fernando

โค้งสุดท้ายในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐมาถึงแล้ว ผมขอประกาศตัวว่า ผมไม่ใช่นักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมาครับ บ้านเมืองเราเต็มไปด้วยนักวิเคราะห์ที่จะฟันธงและวิเคราะห์อย่างหนึ่ง….

28 ยังแจ๋ว!!!!

ผมขออนุญาตเขียนเรื่องเบาๆ อีกสักครั้งหนึ่งครับ ไม่เขียนวันนี้ผมไม่รู้จะเขียนตอนไหน และเอาเข้าจริงผมอยากพาแฟนๆ ทั้งหลายออกจากโลกข่าวดิไอคอนกรุ๊ปครับ

8ปีที่แล้ว….ที่ไม่มีวันลืม

ในชีวิตทุกคนมักจะมีอยู่ไม่กี่เหตุการณ์ที่ทำให้เราจำบรรยากาศ จำบริบท จำความรู้สึก และจำทุกรายละเอียด เมื่อเรารำลึกถึง หรือนึกถึงอีกที