คงต้องขออนุญาตเริ่มต้นสัปดาห์นี้...ด้วยความเศร้าสร้อยซักเล็กๆ น้อยๆ อันเนื่องมาจากการลา-ละ-สละจากโลกใบนี้ ของคุณน้า “แดง วีระศักดิ์ สุนทรศรี” แห่งวง “คาราวาน” ซึ่งอาจถือเป็นหนึ่งในสมาชิกแห่งวงดนตรีวงนี้ ที่ค่อนข้างคุ้นเคยอยู่บ้างตามสมควร ผู้ได้ตัดสินใจ “ไปแล้ว-ไปเลย” เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมานี่เอง!!!
--------------------------------------------------------
คือเท่าที่เริ่มมีโอกาสรู้จักหน้าตา มีโอกาสพบปะ เสวนา แบบตัวเป็นๆ กับคุณน้า “แดง” ท่าน ก็คงต้องย้อนหลังไปถึงยุคที่ “อันตัวข้าพเจ้าเอง” ยังเพิ่งเลิกนุ่งกางเกงขาสั้น หรือเพิ่งผ่านพ้นชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนผะดุงศิษย์พิทยามาหมาดๆ แต่ด้วยเหตุเพราะ “บุญช่วย-บุญบังเอิญ” หรือเพราะเหตุใดๆ
ก็จำไม่ได้ซะแล้ว ที่ดันไปร่วมก่อตั้ง ร่วมทำหนังสือ ที่ใช้ชื่อว่า “คาราวาน” กับคุณพี่ “ทระนง ศรีเชื้อ” หรือ “สุวัฒน์ ศรีเชื้อ” เมื่อครั้งอดีต เลยมีโอกาสได้เจอะหน้า เจอะตา ได้เห็นคุณน้า “แดง” แบกกีตาร์ขึ้นรถเมล์ แวะเวียนมาพูดคุย เสวนา อยู่มั่งในบางครั้งบางครา โดยมีอภิมหานักคิด-นักเขียน อย่างคุณน้า “บัณฑิต เองนิลรัตน์” ร่วมเมาธ์ ร่วมแจม ร่วมสร้างความเมามันซ์ซ์ซ์ไปตามสภาพ...
--------------------------------------------------------
โดยอันที่จริงแล้ว...คุณน้า “แดง” ท่านไม่ใช่แค่เกากีตาร์เป็นเพียงอย่างเดียว แต่น่าจะถือได้ว่าเป็นกวี เป็นศิลปิน หรืออาจเป็นผู้มีขีดความสามารถในการรจนาบทกลอน บทกวี ที่เรียกๆ กันว่า “กลอนเปล่า” ได้อย่างชนิดลึกซึ้ง ประณีต ละเอียดอ่อนระดับถือเป็นมือวางอันดับ 1 ของประเทศไทย หรือของกรุงรัตนโกสินทร์เอาเลยก็ว่าได้ เพราะสิ่งที่เรียกว่า “กลอนเปล่า” หรือกลอนที่ไม่จำเป็นต้องมี “ฉันทลักษณ์” ใดๆ มาเป็นตัวกำกับ อันถือเป็นของแปลก ของใหม่ หรือเป็นที่นิยมมิใช่น้อยของบรรดานักคิด-นักเขียน ตั้งแต่ช่วงประมาณ 40-50 ปีที่แล้ว แม้เป็นสิ่งที่เขียนง่าย หรือเขียนอะไรก็ได้ เพราะไม่จำเป็นต้องมี “สัมผัส” ท้ายบท ท้ายวรรค หรือระหว่างวรรค ให้ต้องสับสน วุ่นวาย อะไรมาก แต่ถ้าจะเขียนให้ดี หรือเขียนแล้วสามารถทำให้คนอ่านพอได้ขนลุก ขนตั้ง ซาบซึ้ง ดื่มด่ำ ได้ไม่น้อยไปกว่าบทกลอนของ “น้าเนาว์” หรือ “เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์” อะไรประมาณนั้น ต้องเรียกว่า...ยากซ์ซ์ซ์ฉิบหาย!!! หรือคงมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นในเมืองไทย ที่พอทำได้ถึงระดับนี้...
-----------------------------------------------------
คือด้วยเหตุอันเนื่องมาจากไม่จำเป็นต้องมี “ฉันทลักษณ์” ไม่ต้องวุ่นวายกับเสียงเอก-เสียงโท-เสียงตรี ไม่ต้องลากเลื้อยแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ไปตามแบบฉบับ “กลอนพาไป” เพื่อให้เกิดความลงตัว หรือความเป็นไปตามฉันทลักษณ์ อันเป็นรูปแบบทางศิลปะที่คนโบร่ำ-โบราณท่านประดิษฐ์ คิดค้น ไว้ให้ การใช้ถ้อยคำในแต่ละคำ แต่ละวรรค แต่ละประโยค หรือแต่ละบท ที่จะปรากฏออกมาเป็น “กลอนเปล่า” แบบชนิดของจริง-ของแท้นั้น จึงต้อง “ถึงกึ๋น” เอาจริงๆ และดูเหมือนจะมีคุณน้า “แดง-วีระศักดิ์” หรือ “แดง คาราวาน” รายนี้นี่แหละ ที่สามารถนิรมิตให้บทกลอน บทกวีชนิดนี้เป็นอะไรที่สามารถสร้างความขนลุก ขนตั้ง ให้กับคนอ่าน ได้ในระดับ “อึ้ง-ทึ่ง-เสียว” เอาเลยถึงขั้นนั้น...
---------------------------------------------------------
ดังนั้น...ในแง่ฝีมือ ความสามารถ หรือความเป็น “ศิลปิน” ของคุณน้า “แดง” ก็แทบไม่ต้องเสียเวลาบรรยายอะไรมาก ส่วนในแง่ความคิด-ความอ่านนั้น ถ้าจำไม่ผิด...ดูเหมือนตั้งแต่เด็กๆ คุณน้าท่านน่าจะเติบโตมาจากค่ายทหาร อันเนื่องมาจากความเป็นญาติ ความผูกพันกับผู้หนึ่ง-ผู้ใดก็แล้วแต่ แต่ก็แปลก!!!...ที่ทำให้ท่านกลับเติบโตกลายมาเป็นพวก “เสรีนิยม” ด้วยเหตุผลกลใดก็มิอาจทราบได้ แถมยังเป็นประเภท “เสรีนิยม-หัวก้าวหน้า” ยิ่งเข้าไปทุกที โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ถูกบรรยายไว้ในบทเพลง “คาราวาน” นั่นแหละว่า...“เราเคยลุ่มหลง-กับพลาสติกแบนด์-เมด อิน เจแปน แอนด์ ยูเอสเอ-เวียนว่ายทะเล-ที่ลวงหลอกเรา-มันเหมือนรูปเงา-ลวงหลอกตา ฯลฯ” อะไรประมาณนั้น...
---------------------------------------------------------
และจะด้วยเหตุนี้หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะคิด...ที่ทำให้คุณน้า “แดง” รวมทั้งคุณน้า “หงา” หรือวง “คาราวาน” ทั้งวง เลยตัดสินใจ “เข้าป่า” ในช่วงระหว่างเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งประวัติศาสตร์ของเมืองไทย หรือ "เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519" โดยหลังออกมาจากป่าก็มีโอกาสเจอะหน้าเจอะตาแค่ซักครั้ง-สองครั้ง-สามครั้ง เห็นจะได้ เลยแทบไม่มีโอกาสสอบถามว่าท่านคิดยังไง?-เห็นยังไง? รู้แต่ว่า...เมื่อไหร่ที่ “น้าหงา” โดดขึ้น “เวที” ไม่ว่าจะเวทีไหนต่อเวทีไหนก็แล้วแต่ หนีไม่พ้นต้องมี “น้าแดง” คอยไปเกากีตาร์ควบคู่ไปด้วยทุกทีไป...
----------------------------------------------------------
แต่ในขณะที่ “น้าหงา” ถูกยัด-ถูกเยียด ให้ต้องกลายเป็นพวก “สลิ่ม” ด้วยความเต็มใจ-ไม่เต็มใจ หรือไม่? เพียงใด? ก็แล้วแต่ แต่สำหรับ “น้าแดง” แล้ว...ก็ไม่ถึงกับต้องถูกไล่ล่า ถูกตามโขก ตามสับ ถูกเยาะเย้ย เสียดสี เหมือนกับ “น้าหงา” มากมายซักเท่าไหร่ อาจด้วยเหตุเพราะ “น้าแดง” นั้น ไม่ว่าท่านคิดยังไง?-เห็นยังไง? ดูๆ ท่านค่อนข้างรักนวล สงวนตัว ไม่คิดจะเดินเข้าทางเท้า เข้าร่องตีน ของใครต่อใครเอาง่ายๆ หรือเพราะท่านอาจดำรงตนแบบที่ “น้าหงา” ท่านพูด ท่านโพสต์ เอาไว้นั่นแหละว่า “อยู่อย่างโดดเดี่ยว...ตายอย่างโดดเดี่ยว...ตามวิถีทางของนักรบ” อะไรประมาณนั้น...
--------------------------------------------------------------
แม้ว่าอันที่จริง...การตาย การจากไปของผู้ที่มีอายุปูนนี้แล้ว อย่าง “น้าแดง” คงต้องถือเป็นเรื่องปกติ-ธรรมดา ตามแบบฉบับการ “เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-และดับไป” นั่นแล แต่จะด้วยเหตุผลกลใดก็ยากจะอธิบายได้ ที่ทำให้เกิดความรู้สึกโหวงๆ เหวงๆ อยู่พอสมควร หรืออาจคล้ายๆ ความรู้สึกระหว่างได้ยินเสียง “น้าแดง” โหยหวน ครวญคราง เล่นเอง ร้องเอง ในบทเพลงชื่อว่า “ค่ำลง” เพลงเดียวของวงนั่นแหละ โดยเฉพาะท่อนที่ว่าไว้ว่า “ค่ำลง-ค่ำลง เอิงเอย ค่ำลง-ค่ำลง-ตะวันลับดงแลหาไม่เห็น-เหมือนตัวเรานี้ที่ลำเค็ญ-ทั้งวัยก็คล้อยดังยามเย็น-ไม่รู้จะเป็นฉันใด ฯลฯ” ดังนั้น...เอาเป็นว่าขอให้ “น้าแดง” จงสู่สุคติ จงพานพบในสิ่งที่หวัง ที่ปรารถนาและต้องการให้จงได้ด้วยเทอญญ์ญ์ญ์...
---------------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก “Mahatma Gandhi”... “In the midst of death life persists, in the midst of untruth truth persists, in the midst of darkness light persists. – ในท่ามกลางความตาย-มีชีวิต ในท่ามกลางความไม่จริง-มีความจริง ในท่ามกลางความมืด-มีแสงสว่าง...”
--------------------------------------------------------------
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่าถึงกับต้องไปถือสาหาความ
ถือซะว่า...ท่านอาจ หาเสียง มาซะจนเคย!!! คือการประกาศจะสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาก่อนล่วงหน้า 2 ปีเนี่ย ย่อมมิใช่น้อยๆ
ต้องเริ่มต้นด้วยการทำลาย 'ความเกลียด'
นับตั้งแต่คุณน้า ชัชชาติ บุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี ท่านแลนด์สไลด์ แอฝะล้านช์ หิมะถล่ม ดินทลาย ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!
เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย
ว่าด้วย...ชัยชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
อืมม์ม์ม์...ต้องเรียกว่าทั้ง แลนด์ ทั้ง สไลด์ เอาเลยทีเดียวเจียว สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
จาก กทม.ถึงความเป็นชาติ เป็นสังคมไทย
ขณะกำลังปั่นต้นฉบับชิ้นนี้...ก็ยังไม่มีโอกาสรับรู้ได้เลยว่า ตกลงใครเป็นหมู่ เป็นจ่า เป็นสารวัตรกันแน่!!!
ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”
หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น