เป็นทางการแล้วว่า สิงคโปร์เตรียมส่งไม้ต่อให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ในกรอบเวลาที่ชัดเจนขึ้น
ด้วยคำประกาศของนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ว่าจะยกตำแหน่งผู้นำประเทศให้แก่รองนายกรัฐมนตรี ลอว์เรนซ์ หว่อง ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไป
ซึ่งหมายถึงภายในเดือนพฤศจิกายน ปี 2568 หรือไม่เกิน 2 ปีข้างหน้า
ลีบอกว่า “หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี” ก็จะยกตำแหน่งนายกฯ ให้ “หว่อง” ภายในวันเกิดปีที่ 70 ของพรรค People’s Action Party (PAP) ในวันที่ 21 พ.ย.ปีหน้า
นายกฯ สิงคโปร์ถือจังหวะในการกล่าวปราศรัยกับสมาชิกพรรคมากกว่า 1,000 คน ในงานประกาศผลรางวัล PAP และการประชุมประจำปีที่จัดขึ้นที่งาน Singapore Expo
หลังการขึ้นพูดของรองนายกฯ หว่อง และรองนายกรัฐมนตรี เฮง สวีคีต และแกนนำของพรรคอีกหลายคน
“หว่อง” ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำทีมรุ่นที่ 4 หรือ 4G ของพรรคเมื่อปีที่แล้ว
หลังจากที่ “เฮง” วัย 62 ปี ลาออกจากตำแหน่งเพื่อให้ผู้นำรุ่นเยาว์ที่มี “ทางวิ่งที่ยาวกว่า” เข้ามารับช่วงต่อ
ก่อนหน้านี้ นายกฯ ลีเคยบอกว่า เขาหวังจะลาออกก่อนวันเกิดปีที่ 70 ซึ่งตรงกับเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว
แต่พอเกิดการระบาดของโควิด แผนสืบทอดอำนาจก็มีอันต้องหยุดชะงัก
ในงานวันชาติเมื่อเดือนสิงหาคมปีนี้ ลีกล่าวว่า แผนการสืบทอดตำแหน่งของเขากลับมาเป็นไปตามแผนเดิมอีกครั้งเมื่อสิ้นสุดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ในคำปราศรัยเมื่อวันอาทิตย์ นายลีย้ำกับสมาชิก PAP ว่า การเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไปหรือ GE จะสอดคล้องกับการเปลี่ยนผู้นำของพรรคไปเป็นทีม 4G (รุ่นที่ 4)
ลีบอกว่า การยืนยันหว่องในฐานะผู้นำทีม 4G เหลือเพียงการตัดสินใจสำคัญประเด็นเดียว
นั่นคือ การตัดสินใจว่าจะส่งมอบอำนาจนั้นก่อนหรือหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าเท่านั้น
ลียอมรับว่า การเปลี่ยนแปลงผู้นำของประเทศใดๆ ก็ย่อม “เป็นเรื่องยุ่งยากเสมอ” และ “หลายสิ่งหลายอย่างอาจผิดพลาดได้” โดยมีชาวสิงคโปร์และผู้คนนอกสิงคโปร์จับตาเฝ้ามองอย่างใกล้ชิดแน่นอน
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของเรา” ลีบอก
ลีบอกว่า ได้ไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้ว และได้หารืออย่างละเอียดกับหว่องและคณะรัฐมนตรีทั้งระดับนำของรุ่น 3G และ 4G แล้ว
ความจริงหว่องและทีมงาน 4G ได้ลงมือ “ซ้อม” งานใหญ่ที่จะรับช่วงต่อจากนายกฯ ลีมาหลายปีแล้ว
โดยได้มีความรับผิดชอบมากขึ้นตลอดเวลา และมีความพร้อมที่จะถือหางเสือรัฐนาวา
ยิ่งช่วงโควิด-19 ระบาดก็ยิ่งมีโอกาสได้ฝึกซ้อมแก้ปัญหาหนักๆ อย่างจริงจัง
จึงอยู่ในฐานะที่จะกำหนดวาระแห่งชาติของสิงคโปร์ได้แล้ว
ลีเล่าว่า มีการซ้อมใหญ่ด้วยโครงการ Forward SG ให้หว่องและผู้นำทางการเมืองรุ่น 4G คนอื่นๆ ระดมสมองวางแผนการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อเตรียมรับภารกิจใหม่
ปิดท้ายด้วยรายงานที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อันเป็นแผนงานสำหรับแนวทางใหม่ในการก้าวไปข้างหน้าของประเทศ
“หว่องบอกผมว่าเขาพร้อมแล้ว และเมื่อเช้านี้ทุกท่านก็ได้ยินเขาบอกพร้อมสำหรับภารกิจต่อไป ผมมั่นใจในตัวหว่องและทีมของเขาอย่างเต็มที่ และไม่มีเหตุผลที่จะชะลอการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง”
สรุปว่าลีจะส่งมอบตำแหน่งนายกฯ ให้หว่องก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าแน่นอน
เดิมลีเคยประกาศจะส่งไม้ต่อในวันเกิดครบปีที่ 70 แต่ไม่สามารถทำได้เพราะเกิดโควิดเสียก่อน
จึงต้องรอให้ถึงปีนี้ในวัย 71 เพื่อทำตามคำมั่นสัญญา
แต่ก็ไม่วายที่จะพูดสกัดฝ่ายค้านในสภาเอาไว้ก่อน
ลีบอกว่า พรรค PAP ซึ่งกุมอำนาจรัฐมาตั้งแต่ตั้งประเทศมาเมื่อ 58 ปีก่อน จะต้องตอบโต้การเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านที่จะเซาะกร่อนความน่าเชื่อถือของรัฐบาล
รัฐบาลต้องนำหน้าฝ่ายค้านตลอดเวลา และต้องเอาชนะยุทธวิธีของฝ่ายค้านที่จะสร้างความสับสนและระแวงสงสัยในหมู่ประชาชน
ลีย้ำว่า คนของพรรคไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประธานสาขา และนักเคลื่อนไหวจะต้องทำงานร่วมกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งตลอดเวลา “เพื่อที่พวกเขาจะได้สร้างความผูกพันส่วนตัวที่ใกล้ชิดกับคุณ และระบุตัวตนกับคุณ อบอุ่นกับคุณ และภักดีต่อคุณ”
ลีบอกว่า PAP ชนะเลือกตั้งมา 14 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2502 โดย “ไม่ได้เกิดมามีอำนาจเหนือกว่า” หลังจากการต่อสู้อย่างหนักระหว่างการเลือกตั้งสองครั้งแรกในปี 2502 และ 2506
แต่เขาก็ยอมรับว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพรรครัฐบาลได้สูญเสียที่นั่งบางส่วน แต่จนถึงขณะนี้ PAP ก็ยังคงรักษาตำแหน่งที่โดดเด่นไว้ได้
แต่ก็ยอมรับว่า การเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไปจะทำให้ภารกิจของ PAP นั้นยากขึ้นทุกที
“สังคมอาจจะแตกแยกกัน ชาวสิงคโปร์จะเจอกับปัญหาประจำวันมากขึ้น แต่การมี สส.ฝ่ายค้านมากขึ้นไม่ได้ทำให้รัฐบาลดีขึ้นเสมอไป” ลีบอก
พยายามจะป้องกันทุกวิถีทางที่จะไม่เปิดทางให้ฝ่ายค้านได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
แต่เขาก็ยอมรับว่าแม้แต่ “ประชาธิปไตยที่สุกงอมแล้ว” เช่นสหรัฐอเมริกา ก็ยังมีการแบ่งขั้วทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ
จึงเตือนว่าสิ่งนี้อาจเกิดขึ้นกับสิงคโปร์ได้เช่นกัน
นั่นหมายความว่า PAP จะต้องทำงานหนักขึ้น และชาญฉลาดขึ้นเพื่ออธิบายให้ชาวสิงคโปร์รู้ว่าเดิมพันของประชาชนอยู่ตรงไหน
“สิงคโปร์ทุกวันนี้ไม่สามารถถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลที่อ่อนแอที่แขวนอยู่บนอำนาจโดยเสียงข้างน้อย หรือปกครองโดยพรรคที่มีนโยบายเปลี่ยนแปลงไปทุกครั้งหลังการเลือกตั้งแต่ละครั้ง”
ลียอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่ PAP จะถูกท้าทายอยู่เสมอ แต่พลวัตทางการเมืองจะเปลี่ยนไปหากชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่ต้องการให้ฝ่ายค้านตรวจสอบ PAP และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านจำนวนมากขึ้นได้รับการโหวตเข้าสู่รัฐสภา
ลีบอกว่า แม้การเมืองจะหมายถึงความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
"แต่บางสิ่งบางอย่างไม่เคยเปลี่ยน เรายังคงสวมชุดขาว เรายังคงพูดคุยกันอย่างเป็นทางการในฐานะสหาย เรายังคงอุทิศตนเพื่อสิงคโปร์ และเรายังคงรู้สึกถึงการเรียกร้องที่จะรับใช้ประชาชน เรายังมีหน้าที่สำหรับคนรุ่นอนาคตในการรักษาเกาะแห่งนี้ให้ปลอดภัย” ลีกล่าวเสริม
เดิมพันที่แท้จริงของสิงคโปร์คือ เมื่อ “หว่อง” ขึ้นเป็นนายกฯ เขาจะกลายเป็นผู้นำของเกาะแห่งนี้คนแรกที่อยู่นอกวง “คนตระกูลลี” อย่างแท้จริง
บทพิสูจน์ของจริงกำลังจะตามมา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ