เทศกาลวันหยุดยาว

เพราะกำลังตำรวจต้องปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ในการดูแลประชาชนช่วงวันเวลาดังกล่าว จะลาพร้อมกันไม่ได้ ลูกน้อง เข้าใจและฝากบอกมาถึง นายใหญ่ พวกตนจะทำงานหนักหนาสาหัส เสียสละความสุขส่วนตัวอย่างไร ไม่มีใครบ่น  เพราะรู้นี่คือ หน้าที่ แต่สิ่งที่อยากให้นายช่วยลงมาดู มาสนใจ  มาติดตาม อย่าเพิกเฉย คือเรื่อง เบี้ยเลี้ยง ที่สมควรได้ก็ต้องได้ ไม่ใช่ทำงานผ่านมาหลายเดือนเบี้ยเลี้ยงก็ยังไม่ถึงมือเสียที ไม่รู้ไปติดขัด ไม่รู้ไปเข้ากระเป๋าใคร อยากให้ ผบ.ปั๊ด สนใจจริงจัง เพราะมันคือความเดือดร้อนของตำรวจผู้น้อยหลายๆ พื้นที่ 

ว่ากันถึงการดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนาปีใหม่ครั้งนี้ ผบ.ปั๊ด มอบหมายให้ บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ผอ.ศจร.ตร.) เป็นหัวเรือใหญ่ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 80,000 นาย ดูแลความเรียบร้อยและอำนวยสะดวกการจราจร ที่คาดการณ์ว่าปีนี้จะมีปริมาณรถเข้าออกกรุงเทพฯ ในช่วงวันที่ 29 ธ.ค.64 - 4 ม.ค.65 เป็นจำนวนมากกว่า 7 ล้านคัน ประชาชนจะเริ่มเดินทางตั้งแต่ 29 ธ.ค.64 และปริมาณรถที่จะออกมากที่สุดในวันที่ 30 และ 31 ธ.ค.64 ปริมาณรถที่จะกลับเข้า กทม.มากที่สุดในวันที่ 3 ม.ค.65 โดยตำรวจจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่อำนวยการจราจรในแต่ละเส้นทาง บริเวณทางร่วมทางแยก และหน้าสถานีบริการน้ำมันหรือจุดแวะพักรถ โดยมีศูนย์ควบคุมสั่งที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง มีสายด่วน 1193 หรือเพจเฟซบุ๊กตำรวจทางหลวง และศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร  (บก.02) สายด่วนหมายเลข 1197 (พื้นที่ กทม.) เพื่อให้บริการประชาชนในการสอบถามเส้นทาง รับแจ้งอุบัติเหตุ  รวมทั้งในส่วนของรถบรรทุก 10 ล้อ ก็จะไม่อนุญาตให้วิ่งในถนนบางสายตั้งแต่ 30-31 ธ.ค.64 และตั้งแต่วันที่ 2-4 ม.ค.65  เส้นทางห้ามวิ่ง 7 เส้นทางรวม 194 กม. และเจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดอุบัติเหตุ 10 ข้อหาหลัก โดยเฉพาะขับรถขณะมึนเมาสุรา, ขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนด 

ปมร้อนๆ เรื่องพนักงานสอบสวนหญิงหนีงานสอบสวน มาช่วยราชการตามศูนย์ต่างๆ หรือมาช่วยราชการอยู่ตามหน้าห้อง นาย กลายเป็นขยะใต้พรม ที่พอถูกเปิดออกมาก็ส่งกลิ่นเหม็นเน่า กลายเป็นอีกหนึ่งปัญหาท้าทาย ผบ.ปั๊ด ช่วงปีสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.65 จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เพราะส่วนใหญ่ที่ไปช่วยราชการก็มี “นาย” เป็นแบ็กอัป ผบ.ปั๊ด จะกล้าหัก จะกล้ายืนหลักการตามกฎ ตามระเบียบแค่ไหน เป็นสิ่งที่ท้าทาย เป็นสิ่งที่น่าติดตาม เพราะเท่าที่รับรู้รับทราบแม้จะมีข่าว มีเรื่อง มีราว พนักงานสอบสวนหญิงหนีงานสอบสวนมาช่วยราชการ ก็ยังไม่ทำให้บรรดา  นายๆ สะทกสะท้าน ละอายใจส่งตัวให้กลับไปทำงาน ที่ร้ายสุดตอนนี้มีข่าวแว่วๆ พนักงานสอบสวนหญิงรายหนึ่ง จบนักเรียนนายร้อยตำรวจสังกัดจังหวัดในพื้นที่ภาค 3 นอกจากจะมาช่วยราชการอยู่สำนักงาน นายพล นอกหน่วยแล้ว ตอนนี้กำลังจะหนีการทำหน้าที่ ครูฝึกต้นแบบ ที่จะมีการจัดฝึกทบทวนกันในช่วงหลังปีใหม่ พยายามหาวิธีซิกแซ็ก หาวิธีให้ นาย ใช้กำลังภายในช่วยให้ไม่ต้องไปฝึก อย่างไรคงต้องฝาก  พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตรวจเช็กกันให้ละเอียด “ครูฝึกต้นแบบ” สำคัญขนาดไหน ผู้ช่วยฯ ไกรบุญ  ทราบดี 

เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช 2 นาย แต่งชุดซูเปอร์ฮีโร่ ทั้งซูเปอร์แมน และแบตแมน รณรงค์โครงการ Safety Zone ท่าวัง อยู่ในขบวนที่ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผกก.,  พ.ต.ท.ธีระพล พุ่มชัย รอง.ผกก.ป. และคณะผู้บริหารเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ร่วมกับศูนย์ควบคุมปัจจัยเสี่ยงนครศรีธรรมราช ร่วมกันรณรงค์โครงการดังกล่าวเพื่อสร้างสีสันและให้ประชาชนสนใจ ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง มีเป้าหมายเพื่อพัฒนารูปแบบการป้องกันอาชญากรรม โดยใช้นวัตกรรมและยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตามแนวคิดเมืองอัจฉริยะ เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมที่อาจจะเกิดขึ้น โดยได้รับการตอบรับจากชาวบ้านอย่างดี เพราะย่านท่าวังถือเป็นย่านเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัด มีประชาชนรวมทั้งนักท่องเที่ยวเดินทางมาจับจ่ายซื้อสินค้ากันแน่น 

บิ๊กแก้ว-พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ฤกษ์เดินทางไปเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ  พร้อมเดินทางเยือนสุสานแห่งชาติอาร์ลิงตัน และเข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ สุสานทหารนิรนาม พร้อมรับชมการเปลี่ยนเวรยาม เยี่ยมชมห้องจัดแสดงของที่ระลึกซึ่งเป็นอนุสรณ์จากสงคราม โดยการเดินทางครั้งนี้ “บิ๊กแก้ว” ยังมีกำหนดการสำคัญในการเข้าพบ Gen. Mark A. Milley Chairman of the  Joint Chiefs of Staff หรือประธานคณะเสนาธิการร่วมกองทัพสหรัฐฯ ที่เพนตากอน ประเด็นที่หารือนอกจากการฝึกผสม Cobra Gold 2022 ที่มีเป้าประสงค์ทำให้เกิดความทันสมัย  และร่วมกันแก้ปัญหาความมั่นคงในภูมิภาคแบบ Multilateral  Solutions แล้ว ยังหารือเรื่องความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และภัยคุกคามด้านความมั่นคง ท่าทีของสหรัฐฯ ยังคงตอกย้ำการสนับสนุนประเทศไทยให้มีบทบาทนำในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก รวมไปถึงการสนับสนุนในเรื่องยุทโธปกรณ์ด้วย

27 ม.ค.65 ดีเดย์จัดงานมอบรางวัลเกียรติยศจักรดาว หลังจากติดสถานการณ์โควิด-19 มา 1-2 ปี แต่ดูเหมือนว่าดรามา "ตีกัน" ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่ให้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นโดยตำแหน่งยังไม่จบ งานนี้ไม่มีใครรู้ถึงเจตนารมณ์ของคณะกรรมการมูลนิธิศิษย์เก่าในฐานะผู้พิจารณา และผู้กอง ในฐานะผู้รับว่าต้องการหรือไม่อย่างไร แต่เมื่อพลิกดูจาก  “ไทม์ไลน์” แล้ว ในปีก่อนหน้าชื่อของ “ธรรมนัส” ผ่านความเห็นชอบของอนุกรรมการ แต่ยังไม่ผ่านคณะกรรมการมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหารที่มี พล.อ.เฉลิมพลเป็นประธาน  (บอร์ดชุดใหญ่) เพราะเป็นจังหวะที่ติดสถานการณ์โควิด-19 เลยไม่ได้มีการประชุมพิจารณา ปรากฏว่าปีนี้มีการแก้ไขระเบียบไม่มอบรางวัลให้ศิษย์เก่าที่เป็นรัฐมนตรีแบบที่ ขาเชียร์ ก็ตั้งข้อสังเกตเหมือนกันว่าทำไมบังเอิญเกินไป ทำให้คุณสมบัติของผู้กองตกไปตามระเบียบ ส่วน ผบ.เหล่าทัพก็ได้รับรางวัลตามปกติเพราะไม่ได้อยู่ในข่ายยกเว้น ส่วนถ้าจะลุ้นใหม่ก็ต้องรอปีหน้า ให้เตรียมทหารรุ่น 25 เสนอเข้าที่ประชุมเพื่อเข้าสู่กระบวนการสรรหาต่อไป

เป็นอีกภารกิจของ "ทหารเรือไทย" ที่ไม่ค่อยมีใครรู้ นั่นก็คือการเข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ในกองกำลังผสมทางทะเล  (Combined Maritime Forces: CMF) ประเทศบาห์เรน มี 34  ประเทศเข้าร่วมรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมไปถึงภัยคุกคามเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย ยาเสพติด การค้าอาวุธ การก่อการร้ายและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธ (โจรสลัด) ปัจจุบันมี น.ท. ปิติพงศ์ วงศ์กัณทรักษ์ เป็นนายทหารประสานงานร่วมกับกองกำลังผสมทางทะเลที่บาห์เรน และ น.ต.ภูวจักร ภูวนาถนรานุบาล  เป็นนายทหารยามยุทธการ กองเรือเฉพาะกิจผสมที่ 151  (กองเรือเฉพาะกิจที่มีภารกิจในการปราบปรามโจรสลัด  ป้องกันและคุ้มกันเรือสินค้าที่ผ่านเข้าออกในพื้นที่อ่าวเอเดน  ทะเลแดง และคลองสุเอซ ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินเรือทางการค้าที่คับคั่งที่สุดในโลก เพราะเป็นเส้นทางลัดในการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างเอเชียกับยุโรป)  เริ่มปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่ 1 ต.ค.64 ถึง 16 เม.ย.65 โดยมีกำหนดระยะเวลาในการปฏิบัติภารกิจดังกล่าวเป็นเวลา 6 เดือนเศษ