อคติ...อวิชชา ปัญหาจิต...ปัญหาสมอง

รัฐบาลจะทำอะไรก็ไม่ดี นายกรัฐมนตรีจะพูดอะไรก็ไม่ถูก ต้องแซะ ต้องแขวะ ต้องด่า ต้องหาเรื่องที่จะพูดจาด้อยค่ารัฐบาล ด้อยค่านายกรัฐมนตรี จนทำให้การพูดจาไม่น่าเชื่อถือ

และคนพูดก็จะถูกมองว่าเป็นคนที่มีอคติ มีปัญหาทางจิต น่าจะเป็นจิตริษยาและแค้นที่นายกรัฐมนตรีได้ตำแหน่งเป็นผู้นำฝ่ายบริหารยาวนาน และไม่มีทีท่าว่าจะลาออก หรือยุบสภา หรือจะโดนประชาชนขับไล่

จึงได้พยายามสร้างวาทกรรมมาด้อยค่านายกรัฐมนตรี เผื่อว่าประชาชนจะเห็นด้วยกับการด้อยค่าดังกล่าวนั้น แล้วออกมาร่วมไล่นายกรัฐมนตรี เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีจะต้องจบลงด้วยข้อความว่านายกรัฐมนตรีจะต้องลาออก เพราะถ้าหากนายกรัฐมนตรีลาออก พวกเขาก็หวังว่าจะมีการเปลี่ยนขั้ว แล้วพวกเขาก็จะได้กลายเป็นฝ่ายบริหารแทน

นอกจากจะมีปัญหาทางจิตแล้ว ก็มีปัญหาทางสมองด้วย เพราะหลายอย่างที่นายกรัฐมนตรีพูดนั้น คนฟังจะต้องเรียนรู้ที่จะอ่านระหว่างบรรทัดและเข้าใจความหมายที่ถูกต้อง แต่หากมีสติปัญญาไม่เพียงพอ มีปัญหาทางสมอง ไม่รู้อะไรที่ควรรู้ ก็แสดงว่าโดนอวิชชาครอบงำ เป็นคนที่มีปัญหาด้านตรรกะ ไม่อาจจะเข้าใจอะไรได้อย่างถ่องแท้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไม่รู้จริงๆ (โง่) หรือว่า “แกล้งโง่” ทำให้ดูเป็นคนที่มีปัญหาด้านสมอง วิธีการที่ใช้นั้นบางครั้งเราก็มองว่าตื้นเขิน บางครั้งเราก็มองว่าไม่ฉลาดพอที่จะเข้าใจเรื่องที่ควรจะเข้าใจ บางทีเราก็รู้สึกรังเกียจ บางทีเราก็รู้สึกสังเวชและสงสาร เรียกตัวเองว่าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนฯ ที่ทรงเกียรติ แต่ปรากฏว่าพฤติกรรมที่แสดงออกนั้นไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ทรงเกียรติแต่อย่างใด สิ่งที่ทำก็ไม่ใช่ความพยายามที่จะทำตนให้เป็นประโยชน์กับประชาชน ให้สมกับคำว่า “ผู้แทนราษฎร” เพราะทุกอย่างที่ทำนั้นมักจะเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของตนและของพรรคมากกว่า

วิธีการด้อยค่านายกรัฐมนตรีนั้นมีอย่างหลากหลาย คนทำคงมั่นใจว่าตนเองเก่ง สามารถทำให้นายกรัฐมนตรีกลายเป็นคนโง่ เป็นคนไม่ดี เป็นคนที่ไม่สมควรเป็นผู้นำประเทศต่อไป ความคิดของพวกเขาเช่นนี้ เป็นการดูถูกประชาชน คิดว่าประชาชนไม่รู้เท่าทันว่าเขาทำไปเพื่ออะไร บางครั้งเราก็อดคิดไม่ได้ว่า ที่เขาทำอยู่นั้นเขาคงไม่ได้สนใจวิญญูชนที่สามารถรู้เท่าทันเขา แต่เขาอาจจะตั้งใจทำไปเพื่อรักษาคะแนนเสียงในกลุ่มคนที่เป็นฐานเสียงของเขา เป็นพวกที่พร้อมจะฟังการนำเสนอของเขา อาจจะเรียกได้ว่า “ศีลเสมอกัน” หรือมีปัญหาทางจิตและทางสมองพอๆ กัน ดังนั้นหากวิญญูชนจะไม่เชื่อสิ่งที่พวกเขาทำไม่เป็นไร ขอให้ฐานเสียงเชื่อพวกเขาก็พอ ขอให้ฐานเสียงของเขายังคงสนับสนุนพวกเขาต่อไปก็พอ หากติดตามดูเราก็สามารถรู้เท่าทันวิธีการที่พวกเขาด้อยค่ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีได้หลากหลายวิธี

ที่ทำบ่อยมากก็คือ การให้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริง กล่าวหารัฐบาล กล่าวหานายกรัฐมนตรีหลายเรื่อง ในลักษณะของการใช้คำคุณศัพท์ที่เป็นนามธรรม แต่ไม่สามารถที่จะมีสถานการณ์ที่เป็นความจริงเชิงประจักษ์มาเป็นพยานหลักฐานได้ เช่น เรื่องการโกงกิน การเป็นเผด็จการ การเป็นคนโง่ ไม่มีความรู้ ไม่มีความสามารถในการบริหารบ้านเมือง พูดแบบนี้ลอยๆ บ่อยๆ แต่หากถามหาความจริงเชิงประจักษ์ก็ไม่อาจจะบอกได้ว่ามีการโกงเรื่องอะไรบ้าง หรือมีการกระทำที่เป็นเผด็จการเรื่องอะไรบ้าง หากมีใครถามหาหลักฐานเชิงประจักษ์ก็จะบอกว่ารัฐบาลนี้เป็นเผด็จการ จึงไม่สามารถตรวจสอบได้ ถ้าหากการทำงานมีคุณภาพระดับนี้ก็อย่าหวังว่าจะไล่นายกรัฐมนตรีได้ เสียงเรียกร้อง “ลุงตู่อยู่ต่อ ลุงตู่อยู่นาน” ก็จะยังคงมีต่อไป

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การพูดจาสวนกับความเป็นจริงเชิงประจักษ์ที่ประชาชนมองเห็นอยู่ อย่างเช่น บอกว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน แต่ปรากฏว่ารัฐบาลมีผลงานทั้งด้าน Logistics ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นจำนวนมาก หรือบอกว่ารัฐบาลบริหารเรื่องการจัดการกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ล้มเหลว ทั้งๆ ที่รัฐบาลสามารถจัดหาวัคซีนได้เพียงพอ สามารถบริหารการฉีดวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดจำนวนคนตายลงไปได้มาก เพิ่มจำนวนผู้รักษาหายรายวันได้ จนต่างชาติมองประเทศไทยที่มีความปลอดภัยในเรื่องของ COVID-19 ทำให้มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกจัดอันดับให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็งด้านสาธารณสุขเป็นอันดับที่ 5 ของโลก เป็นอันดับที่ 1 ของเอเชีย และเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศที่มีรายได้ปานกลาง และยังมีการกล่าวหาว่ารัฐบาลล้มเหลวด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจต่างๆ กำลังจะเจ๊งกันหมดแล้ว ทั้งๆ ที่ปัญหาด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 นั้นเกิดขึ้นทั่วโลก และรัฐบาลก็พยายามสร้างดุลยภาพระหว่างความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุขและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่ทำได้ดีเป็นที่พอใจของหลายฝ่าย แม้จะมีบางธุรกิจที่ต้องประสบปัญหาเพราะไม่อาจที่จะดำเนินกิจการได้ เพราะเสี่ยงกับการแพร่ระบาดของ COVID-19

อีกเรื่องหนึ่งที่มักจำทำกันก็คือ การนำเอาคำพูดของนายกรัฐมนตรีออกจากบริบท ตัดข้อความที่อยู่ข้างหน้าออกบ้าง หรือตัดข้อความที่อยู่ข้างหลังออกบ้าง เอามาแต่บางประโยคที่สามารถเอามาล้อเลียนนายกรัฐมนตรีด้วยการตีความแคบๆ ตามตัวอักษร ไม่มีการอ่านระหว่างบรรทัด ไม่มีการเอาบริบทมาอธิบายข้อความที่เอามาล้อเลียนนายกรัฐมนตรี เช่น เรื่องการปลูกผักชีที่เป็นการพูดถึงทหารปลูกผักชีกันเองในพื้นที่ของค่ายมานานแล้ว หรือเรื่องการเลี้ยงไก่สองตัว เพื่อให้มีไข่กิน ตลอดจนให้มีการแพร่พันธุ์จนกลายเป็นหลายร้อยตัว และเป็นอาชีพที่ทำเงินได้ แต่ก็เอาไปเยาะเย้ยว่านายกรัฐมนตรีเป็นคนโบราณ ไม่ทันสมัย ทั้งๆ ที่มีความจริงเชิงประจักษ์ของคนที่ทำตามโครงการมูลนิธิปิดทองหลังพระด้วยไก่ 5 ตัว จนมีฟาร์มไก่ และทำรายได้ให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการมากมาย ที่สำคัญแนวความคิดนี้ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีของไทยเท่านั้นที่พูด แม้แต่อภิมหาเศรษฐีอย่าง Bill Gates ก็พูดว่า ถ้าหากเขามีรายได้วันละประมาณ 70 บาท เขาก็จะเลี้ยงไก่ เพื่อที่จะเดินหน้าต่อไป แปลกนะตอน Bill Gates พูด ไม่เห็นมีใครตำหนิ แต่พอนายกรัฐมนตรีของไทยพูดเรื่องเดียวกัน นายกรัฐมนตรีของไทยกลายเป็นตัวตลก เป็นคนไม่ทันสมัย ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างที่อยากจะบอกว่านักการเมืองบางคนนั้นมีปัญหาทางจิต ความริษยาและความแค้นทำให้กลายเป็นคนมีอคติ และในขณะเดียวกัน ปัญหาทางด้านสมองนั้น ทำให้ไม่เข้าใจเรื่องที่ควรจะเข้าใจ และมีปัญหาเรื่องการมีตรรกะที่จะทำให้รู้จักคิดเป็นเหตุเป็นผล ทำหน้าที่ของการเป็นผู้แทนราษฎรที่ไม่มีคุณภาพ แล้วแบบนี้จะไล่ลุงตู่ได้อย่างไรคะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประชาชนได้ประโยชน์อันใด

การอภิปรายไม่ไว้วางใจจบลงไปแล้ว การลงคะแนนไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจก็จบไปแล้ว หลายท่านบอกว่าผิดหวังกับการอภิปรายครั้งนี้

'กองทัพ' ในสมการบรรเทาสาธารณภัย

เสร็จสิ้นเรียบร้อยการแต่งตั้ง "นายพล" วาระเดือนเมษายน หรือ "นายพลแก้มลิง" ตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยศ พล.ต.อ., ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ

คาดผลตรีเทพย้ายราศีต่อคนลัคนาสถิตกันย์

เดือนพฤษภาคมปี 2568 นี้ ดาวสำคัญทางโหรที่เรียกกันว่า ตรีเทพ อันได้แก่ พระราหูจร (8) เจ้าของความลุ่มหลงมัวเมา-ความมืด-อวิชชาหรือตัวแสบ-พระพฤหัสบดีจร (5) เจ้าแห่งปัญญาพิสุทธิ์หรือหัวหน้าดาวดีเทวดาประจำตัว

โปรดดูโพลก่อนด่า...ประชาพอใจ

ตลอดระยะเวลาที่แพทองธารดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเวลาประมาณครึ่งปี เธออาจจะได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์ จนถึงระดับถูกด่าทอต่อว่ามากที่สุดของประเทศไทย