ศก.จีนแผ่วฉุดส่งออกมัน-ข้าวไทย

 “จีน” ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยที่มีการส่งออกสินค้าเป็นจำนวนมาก และมีมูลค่าการส่งออกมหาศาล ทั้งสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรกรรม โดยเฉพาะข้าวและมันสำปะหลัง แต่ที่น่าสนใจคือ ตั้งแต่หลังสถานการณ์โควิด-19 เป็นต้นมา สถานการณ์เศรษฐกิจของจีนที่ยังไม่ฟื้น ซึ่งแน่นอนว่าในส่วนนี้มีผลชัดเจนกับภาคการส่งออกของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า “จีน” นำเข้าธัญพืชลดลงในปีนี้ ตามเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า ซึ่งทำให้ความต้องการสินค้าเติบโตชะลอตัวลง ผลของราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรโลกที่ลดลงจากปีก่อน และการระบายสต๊อกธัญพืชและพืชอาหารของจีน ล้วนกดดันการส่งออกมันสำปะหลังและข้าวไทยไปจีนให้ลดลง เนื่องจากจีนเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรอันดับ 1 ของไทย

ซึ่งในช่วง 9 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) จีนมีมูลค่าการนำเข้าธัญพืชจากโลกลดลงแล้ว 6.2% โดยเฉพาะข้าว ลดลงถึง 46% และข้าวโพดลดลง 7.6% เนื่องจากปริมาณการบริโภคธัญพืชของจีนที่โตต่ำตามภาวะเศรษฐกิจ อีกทั้งราคาธัญพืชโลกปรับลดลงราว 9.3% นำโดย ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลือง จากผลของฐานที่พุ่งสูงในปีก่อน รวมถึงผลการระบายสต๊อกธัญพืชและพืชอาหารของจีนจากที่เร่งสะสมไว้ในระดับสูง เพื่อความมั่นคงด้านอาหารในช่วงโควิด-19 จึงกดดันคำสั่งซื้อใหม่จากจีน

โดยปัจจัยเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปจีน โดยเฉพาะในหมวดธัญพืชอย่างข้าว และพืชอาหารอย่างมันสำปะหลัง ที่เป็นหนึ่งในสินค้าทดแทนธัญพืชให้ปรับตัวลดลง โดยไทยส่งออกข้าวไปจีน มูลค่าลดลง 29.1% และมันสำปะหลังมูลค่าลดลง 15.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2566 แม้จีนน่าจะมีความต้องการธัญพืชเพื่อผลิตป้อนอุปสงค์ในประเทศในช่วงเทศกาลปลายปี และเพื่อฟื้นฟูจากเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายมณฑล แต่อุปสงค์โดยรวมก็น่าจะยังอยู่ในภาวะที่อ่อนแอ ประกอบกับสถานการณ์เอลนีโญที่อาจสร้างความเสียหายบางส่วนต่อผลผลิตของไทยในช่วงไตรมาส 4/2566 ทำให้ปริมาณการส่งออกมันสำปะหลังและข้าวไทยไปจีนอาจยังคงเผชิญความท้าทาย

โดยในปี 2566 คาดว่ามูลค่าการส่งออกมันสำปะหลังไทยไปจีน อาจหดตัวที่ 15% หรืออยู่ที่ 2,429 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการส่งออกข้าวไทยไปจีนอาจหดตัวที่ 28.5% หรืออยู่ที่ 276 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ จากแรงฉุดด้านปริมาณเป็นหลัก แม้ว่าราคาส่งออกมันสำปะหลังและข้าวไทยไปจีนจะยังเพิ่มขึ้นจากปีก่อนก็ตาม

ขณะที่ ระยะข้างหน้าการส่งออกมันสำปะหลังและข้าวไทยไปจีนยังคงเผชิญความท้าทายมากขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจของจีนที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นแผนเกษตรสมัยใหม่ฉบับแรกและเป็นนโยบายหมายเลขที่ 1 ประจำปี 2566 อย่างเป็นทางการของจีน เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารและเป้าหมายสู่การเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งด้านการเกษตร ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างการผลิตพืชเกษตรอาหารครั้งใหญ่ของจีน และคาดว่าอาจจะทำให้จีนลดการพึ่งพาการนำเข้าธัญพืชจากโลกและไทยลงเฉลี่ยราว 1.1-3.4% ต่อปี ในช่วงปี 2567-2573

เมื่อผนวกกับปัจจัยเสี่ยงภายในของไทยเอง เช่น ความสามารถในการแข่งขันของไทยที่มีแนวโน้มลดลง จากทั้งต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและประสิทธิภาพการผลิตที่ต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่ง รวมถึงเอลนีโญที่อาจรุนแรงขึ้น จะยิ่งซ้ำเติมให้การส่งออกไปจีนมีความท้าทายมากขึ้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ดังนั้นไทยควรเร่งปรับตัวเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในช่วงระยะกลางและระยะยาว โดยผู้ส่งออกควรหาตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเพิ่มเติม เพื่อทดแทนตลาดจีนที่ไทยพึ่งพาสูง เช่น สหรัฐ อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย ญี่ปุ่น เป็นต้น ขณะที่ภาคการผลิตควรมุ่งไปสู่การผลิตสินค้าเกษตรที่เน้นคุณภาพ/สร้างมูลค่าเพิ่ม มากกว่าการผลิตเชิงปริมาณ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น อย่างเทรนด์สุขภาพที่เติบโตดี เช่น ข้าวออร์แกนิก แป้งปลอดกลูเตน (Gluten-Free Flour) เป็นต้น ในส่วนของรัฐเองก็จะมีส่วนช่วยหากสามารถผลักดันกรอบการค้าเสรีกับประเทศต่างๆ เพิ่มขึ้นได้ตามที่วางแผนไว้.

 

ครองขวัญ รอดหมวน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผนึกพลังพัฒนากำลังคน

ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็ว และการแข่งขันด้านต้นทุนที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คำถามสำคัญของอุตสาหกรรมไทยไม่ใช่เพียง “จะผลิตอย่างไรให้ได้มากขึ้น” แต่คือ “จะสร้างคนและองค์ความรู้แบบใดให้ยืนระยะในเวทีสากลได้จริง”

ปีใหม่เป้าลดอุบัติเหตุ 5%

ช่วงเทศกาลปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ประชาชนจำนวนมากออกเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถใช้ถนนเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว และมักตามมาด้วยความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุทางถนน

เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่

ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน

องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน

ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)

แรงงานคืนถิ่น:ทางเลือกที่เป็นโอกาส

‘การเคลื่อนย้ายแรงงาน’ จากภูมิลำเนาเข้าสู่จังหวัดเศรษฐกิจเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นกำลังแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา อย่างไรก็ตาม

ดันไทย-ญี่ปุ่นปักธงอุตสาหกรรม

ในภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ความสามารถของประเทศในการปรับตัวและสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมไปสู่ยุคใหม่ที่เน้นมูลค่าสูงและมาตรฐานที่เข้มงวด