หนังปักษ์ใต้(โคตร)ท้าทาย?

ระหว่างเฝ้าลุ้น “สัปเหร่อ” วิ่งสู่ 1,000 ล้านบาท!

นั่งดู “ธี่หยด” จะไปถึง 500 ล้านหรือไม่ และชะเง้อคอรอ “เงินดิจิทัล” 10,000 บาทของรัฐบาลเศรษฐาด้วยระทึก จะได้-ไม่ได้

ก็..บังเอิญได้อ่านข้อเขียนของ Nuttharavut Kunishe Muangsuk ที่โพสต์ ทำให้ได้รู้และหายข้องใจ มันเรื่องอะไรน่ะหรือ ลองอ่านดูก็แล้วกัน..

“ทำไมหนังปักษ์ใต้ไม่แมสเหมือนไทบ้าน?

ภาคใต้นี่ทำหนังให้แมสยากกว่าอีสานหรือภาคอื่นๆ ไม่ใช่แค่เรื่องตลาดหรือจำนวนประชากร เพราะเราไม่มีวัฒนธรรมแสดงวิถีอัตลักษณ์แบบที่เรียกว่า "ไทบ้าน" ของอีสาน

หรือ "คนเมือง" แบบภาคเหนือ เพราะความเป็นปักษ์ใต้มันหลากหลายเกินไป สำเนียงภาษาก็ต่างกัน​

ฝั่งอันดามัน​กับอ่าวไทย นครศรีฯ พัทลุง สงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี ฯลฯ ศัพท์แสงแต่ละจังหวัดต่าง​กัน แต่ละสำเนียงใช้เพียง 1-2 จังหวัด

ขนาดหนังตะลุงต้องสร้างตัวละครที่มีสำเนียงต่างกันหลายสิบตัวละคร ผู้คนในภูมิศาสตร์ควน (เขา) ป่า นา เล ต่างกันสิ้นเชิง​

วัฒนธรรมท้องถิ่นแต่ละจังหวัดก็ไม่เหมือนกัน ไม่นับคนเมือง (เด็กหลาด) กับพวกโตในสวนยาง​กลางหุบเขา (ในหม็อง)

ไหนจะคนไทย​พื้นถิ่น คนเชื้อสายจีน มลายู มุสลิม (พุทธกับมุสลิมใครมากกว่าในภาคใต้ยังไม่มีผลสำรวจเป็นทางการ แต่จากสัมผัสเองเดาว่ามุสลิมน้อยกว่าไม่เยอะ)

อินเดีย ชาวเล คนลุ่มทะเลสาบ ฯลฯ คนในแผ่นดินใหญ่ก็ไม่เหมือนกับคนเกาะ ประเพณีบางอย่างต่างกัน เพราะอยู่ในบริบทสังคมและเศรษฐกิจคนละแบบ

ครั้งหนึ่งไปนั่งในวงเหล้าของวัยรุ่นนครศรีธรรมราชกับพัทลุง มันขอเพลง "ลัง" ของไข่ มาลีฮวนน่า กับวงดนตรีในร้านแล้วคุยประสบการณ์เก่ากันน้ำตารื้น

คนกระบี่กับเด็กระนองมองหน้ากันแล้วยิ้มแห้งๆ เพราะบ้านเราไม่มีรถไฟ ไม่มีประสบการณ์ขนลังขึ้นรถไฟมาแสวงหาอนาคตที่กรุงเทพฯ

เราเติบโตมากับรถทัวร์ที่หลับข้ามคืนก็ถึงบ้าน

ไม่แปลกใจว่าทำไมหนังภาคใต้ของเอกชัย ศรีวิชัย ที่พยายามอย่างหนักมาตลอด แต่ละเรื่องถึงไม่ทำเงิน ทำทีไรก็เจ็บตัว ไม่ว่าเทริด (อ่านควบเสียง ทร ไม่ใช่ เท-ริด)

หรือมนต์รักดอกผักบุ้ง หรือสะพานรักสารสิน เอกชัยมีไอเดีย​และมีเงิน แต่ภาคใต้มันหลากหลายเกินไปในพื้นที่แคบๆ มันจึงจับตลาดได้ยาก

โนราไม่ได้มีทุกจังหวัดภาคใต้ หนังของแขกถึงไปยากในภูมิภาคตัวเอง (น่าจะไปได้ไปฝั่งมาเลย์) พอทำให้คนกรุงเทพฯ หรือคนภูมิภาคอื่นดู รายละเอียดในหนังมันต้องปรับคนภาคอื่นเข้าใจ

เช่น ให้ตัวละครพูดภาษาใต้สำเนียงแบบภาคกลาง คนปัตตานีพูดไทยกลางไปเลย ซึ่งคนใต้ก็ไม่อินด้วยอีก พอคนท้องถิ่นไม่อือออด้วยมันไปตลาดใหญ่ยาก

เอาง่ายๆ ในหนัง The Irishman นักแสดงชาวอเมริกันที่อยู่ในแก๊งไอริชต้องไปฝึกภาษาอังกฤษสำเนียงไอริช แม้แต่โรเบิร์ต เดอนีโร คนเชื้อสายอิตาเลียนก็ต้องฝึก

แต่ในสะพานรักสารสิน​ โกดำกับอิ๋วต้องพูดแบบภูเก็ตหรืออันดามันตอนบน ​(พังงา-ภูเก็ต-ระนอง) ​นางเอกในเรื่องดันพูดภาษาไทยกลาง

ส่วนพระเอกพูดใต้แบบดัดสำเนียงให้คนภาคกลางฟังเข้าใจ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่เกิดปัญหากับหนังในจักรวาลไทบ้าน (แม้ว่าอีสานก็มีหลายสำเนียงเช่นกัน)

ความเรียลทำให้คนเชื่อหนัง นี่คือปัญหาหลัก มันเลยยากมากที่จะทำให้หนังภาคใต้แมส

เพราะหนังไทยที่ขายกลิ่นอายท้องถิ่น (ที่รัฐเรียกว่า ซอฟต์พาวเวอร์?) การตอบรับจากท้องถิ่นคือโจทย์ใหญ่ มันต้องเกิดกระแสตอบรับจากท้องถิ่น...

ใครฝันเรื่องจะทำหนังขายความเป็นท้องถิ่นปักษ์ใต้บอกตรงๆ ว่ายาก​มาก โคตรท้าทาย หรือถ้าใครมีไอเดียลองเสนอดูครับ...”

ครับ..เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ถ้าใครคิดจะทำหนังปักษ์ใต้เพื่อธุรกิจ-การค้าก็ให้ทำใจ ส่วนคุณเอกชัยที่ยังพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะได้ชื่อเป็น “ผู้กำกับภาพยนตร์” มือรางวัล

ก็..ขอเป็นกำลังใจให้ประสบความสำเร็จ-ไปถึงเป้าหมาย และคอยดูว่าผลงานล่าสุดเรื่อง “เหมรย” (การบนบานสานกล่าวของคนใต้) ที่จะเข้าฉายต้นปีหน้า จะโกยเงินได้แค่ไหน..

ยังไงๆ อย่าลืมใส่ “หอมแดง” เข้าไปด้วยล่ะ!.

 

 

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ขึ้นอยู่กับ“กรรม”แต่ละคน!

84 วันฝันร้าย! สุดท้าย คดีดิไอคอนกรุ๊ป อัยการฝ่ายคดีพิเศษมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง “บอสแซม” คุณยุรนันทร์ ภมรมนตรี กับ “บอสมิน” คุณพีชญา วัฒนามนตรี ทุกข้อหา..

อหังการ-ขี้โม้เป็นนิสัย

เกิดอะไรขึ้น? เพื่อนคนหนึ่งถามผมหลังเห็นข้อความที่ “เสก โลโซ” โพสต์.. “ประกาศจากพี่เสก โลโซ เรื่องลิขสิทธิ์เพลงที่นักดนตรีประจำสามารถนำเพลงไปร้องได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์

เก็บเชือกไว้ใช้เองเถอะ

“เส้นกูใหญ่.. ใครก็ทำกูไม่ได้ ใครก็เอากูไม่ลง เพราะกูใหญ่ ใหญ่ยิ่งกว่านายพล ใหญ่กว่านายกรัฐมนตรี ใหญ่กว่า... ใหญ่กว่าทั้งหมด กูแบ็กดี

คิดถึงนักรบลุง

กองเชียร์ กองหนุน กองรักลุงตู่.. มีใครพอจะทราบไหมว่า ตั้งแต่ปีเก่าจนลุเข้าปี 2568 บุคคล 2 ท่าน คุณแรมโบ้ คุณอ้น ทิพานัน ที่เคยร่วมรบเคียงบ่า-เคียงไหล่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หายหน้า-หายตาไปไหน?

เรื่องเล่าที่ชวนขนลุก

เห็นตัวเลขแล้วตาลาย.. งั้นสรุปเอาจากข่าวโปรย “ผู้จัดการออนไลน์” ก็แล้วกัน.. “ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน ‘นายกฯ แพทองธาร’ พร้อมสามี มั่งคั่งแตะ 1.4 หมื่นล้าน หนี้ 4 พันกว่าล้าน มีกระเป๋า 217 ใบ รถ 23 คัน

นักการเมืองไม่ใช่อาชญากร?

ก่อนจะสิ้นปี.. นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีทุจริต บิดานายกรัฐมนตรีแพทองธาร ผู้นอบน้อมถ่อมตน (ยามอยู่ไกลบ้าน)..จะกลับมาเลี้ยงหลาน เลิกข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง..