ไม่รู้ว่าจะต้องอายุเท่าไหร่จึงจะเคยได้ฟังเพลง “อาตี๋สักมังกร” ที่เนื้อหาของเพลงมีคนนำเอามาเป็นอุปมาอุปไมยกับการแจกเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทย เนื้อหาของเพลงเล่าเรื่องอาตี๋คนหนึ่งไปหาอาจารย์สักมังกร ตอนแรกที่มาหาอาจารย์ อาตี๋บอกกับอาจารย์คนสักว่าต้องการสักมังกร 7 เศียร ต้องมีเกล็ด มีขา มีเล็บ แล้วต้องคาบแก้วด้วย แต่พอสักไปสักพัก ทนเจ็บไม่ไหว เอามังกรหัวเดียวก็พอ อ้างว่าถ้ามีหลายหัว เดินไปไหนมาไหนลำบาก มันเกะกะ อีกสักพักก็ไม่เอาขาละ อีกสักพักไม่เอาเกล็ดละ ไม่เอาเล็บละ และไม่ต้องคาบแก้วด้วย เดี๋ยวจะกินลำบาก จากมังกร 7 เศียรคาบแก้ว มีขา มีเล็บ สุดท้ายก็เป็นแค่งูดิน เพราะทนเจ็บไม่ไหว ก่อนจะบอกกับคนสัก ไม่รู้จักประมาณตนเสียก่อนว่า
จะทนความเจ็บได้แค่ไหน สั่งคนสักเสียใหญ่โต แต่สุดท้ายไม่ได้มังกร 7 เศียรที่มีขา มีเล็บ มีเกล็ด ได้แต่งูดินตัวเล็กๆ เกลี้ยงๆ ไม่มีความยิ่งใหญ่อยากที่สั่งคนสักแต่แรก
ก็เหมือนกับการแจกเงินดิจิทัลที่พรรคเพื่อไทยตอนหาเสียงก็พูดจาใหญ่โต หวังที่จะได้คะแนนเสียง แต่ไม่ได้คิดถี่ถ้วนว่าจะเอาเงินมาจากไหน และสิ่งที่ประกาศหาเสียงนั้นจะทำได้หรือไม่ และเมื่อทำไปแล้วจะส่งผลเสียแก่ประเทศชาติอย่างไร ไม่ได้มีการประมาณตนว่างบประมาณมีพอที่จะแจกหรือไม่ จะต้องกู้หรือไม่ ถ้าหากกู้แล้วจะส่งผลเสียแก่ประเทศชาติอย่างไรบ้าง และจำเป็นต้องแจกแบบเหวี่ยงแห คนรวย คนชั้นกลาง คนจน คนยากไร้ได้หมด ช่างคิดใหญ่เป็นมังกร 7 เศียรเลยนะ และเมื่อมีคนถามว่าทำไมต้องแจกเป็นเงินดิจิทัล เป็นเงินสดไม่ได้หรือ จะเสียเงินพัฒนาระบบทำไม จะเสียค่าบริการในการแปลงเงินสดเป็น Token และแปลง Token เป็นเงินไปทำไม คำถามเหล่านี้ พรรคเพื่อไทยไม่สามารถตอบให้มีความชัดเจนได้แม้แต่เรื่องเดียว
เมื่อเถียงสู้นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคไม่ได้ ก็ไปกล่าวหาว่าพวกเขาไม่มีเหตุผลบ้าง หาว่าเขากีดกันรัฐบาลไม่ให้ช่วยเหลือคนจนบ้าง เป็นคนไม่เข้าใจคนจนบ้าง อ้างตัวเลขของคนที่ต้องการให้แจกบ้าง โดยไม่แยกแยะว่าคนที่อยากให้แจกนั้น มีทั้งคนที่สมควรได้รับแจก เพราะเป็นผู้ยากไร้ และมีทั้งคนที่ไม่สมควรได้รับแจกเพราะมีรายได้เพียงพอที่จะดำรงชีวิตได้ตามอัตภาพ โดยไม่มีความจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล
ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการก็ยืนยันแข็งขันเหมือนคนดันทุรังว่า จะต้องแจกให้ได้ตามที่หาเสียงเอาไว้ ไม่ยอมฟังเสียงคัดค้าน มิหนำซ้ำยังหาว่าคนที่คัดค้านนั้นเป็นคนโบราณ เชื่อทฤษฎีการเงินการคลังแบบโบราณ ยืนยันว่านโยบายนี้จะเป็นประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งๆ ที่ผู้รู้ทั้งหลายต่างก็ลงความเห็นว่าเศรษฐกิจของไทยกำลังเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องกระตุ้น ควรดูแลเรื่องเสถียรภาพมากกว่า ก็ไม่ยอมฟัง อ้างว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่คิดใหญ่ ทำเป็น คนที่พูดเช่นนี้เป็นคนเดียวที่เคยพูดว่าโครงการรับจำนำข้าวใช้เงินไม่มาก และไม่มีวันที่จะขาดทุน และแล้วก็มีการใช้เงินมากกว่าที่พูดไว้ และมีการขาดทุนหลายแสนล้าน ทั้งที่เกิดจากการโกง และการขายข้าวไม่ได้ ชาวนาเดือดร้อน ฆ่าตัวตายไปก็หลายคน คราวนี้ก็จะมาทำเรื่องนี้อีก โดยอ้างว่าคิดมาดีแล้ว แต่เมื่อโดนท้วงติงก็ไม่สามารถโต้แย้งหรือหักล้างคำท้วงติงได้
บัดนี้หลังจากประชุมคณะกรรมการแล้ว แม้ว่ายังไม่มีบทสรุป แต่ 2 ทางเลือกที่นำเสนอกันมา เชื่อว่านักวิชาการส่วนใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐศาสตร์มหภาคส่วนใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญวินัยการเงินการคลังส่วนใหญ่ รวมทั้งประชาชนผู้ห่วงใยผลกระทบในเชิงลบที่จะเกิดกับประเทศชาติ คงอยากให้เป็นทางเลือกที่ 3 คือแจกผู้ยากไร้ที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ เท่านั้น จำนวนคนที่ต้องการความช่วยเหลือมีจำนวนเท่าใด กระทรวงมหาดไทยมีตัวเลขนี้อยู่แล้ว และคนที่เรียกว่า ยากจน คือคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 38,000 บาทต่อปี ตัวเลขมีอยู่แล้ว ก็เอาตามนี้เถอะ หรือถ้าจะเพิ่มจาก 38,000 มาเป็น 50,000 หรือ 60,000 บาทต่อปี ก็คงไม่มีใครว่าอะไร เพราะสามารถอธิบายด้วยค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้ต้องปรับนิยามคำว่า “คนจน” หรือ “ผู้ยากไร้” ใหม่ เพราะถึงจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 60,000 บาท จำนวนที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ได้มากมายจนทำให้ต้องใช้งบประมาณในการแจกสูงถึง 560,000 ล้าน
เมื่อจากการแจกแบบเหวี่ยงแห 56 ล้านคนมาเป็นจำนวนไม่ถึง 20 ล้านคนเช่นนี้ มันก็เหมือนการสักมังกรที่สั่งให้สักมังกร 7 เศียร มีเกล็ด มีขา มีเล็บ และคาบแก้ว มาเป็นงูดิน สิ่งที่เป็นห่วงต่อไปก็คือ คนของพรรคเพื่อไทยจะยอมรับเหตุผลของการโต้แย้งโดยไม่กล่าวหาผู้ซึ่งท้วงติงด้วยเหตุด้วยผล และพวกเขาไม่ใช่ศัตรูทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย และไม่ใช่คนที่ออกมาค้านเพื่อหาแสง เพราะพวกเขาไม่ใช่คนที่หิวแสง ขอตีปลาหน้าไซไว้ก่อนเลยนะว่า ถ้าหากมีคนที่อยากได้ (แต่ไม่สมควรจะได้ เพราะไม่ได้จนหรือยากไร้) มาต่อว่าต่อขานว่าพูดแล้วไม่ทำ อย่ามาโทษคนที่เขาท้วงติงนะ
อย่าบอกนะว่าแจกไม่ได้เพราะนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์มหาภาคและวินัยการเงินการคลังคัดค้านจนไม่สามารถแจกได้
อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะสื่อมวลชนหลายสำนัก คนอ่านข่าว คนเขียนข่าว และ Influencers บนพื้นที่ Social Media ทั้งหลายคัดค้านจนไม่สามารถแจกได้
เหตุผลที่แท้จริงคือมันไม่ควรแจก เพราะจะส่งผลเสียหายให้กับประเทศชาติมากมายหลายเรื่อง มันเป็นนโยบายที่ขาดความรับผิดชอบ มันเป็นนโยบายที่ได้ไม่คุ้มเสีย มันจึงไม่ควรทำ ไม่มีใครเขาค้านการช่วยเหลือคนจน และผู้ยากไร้ ไม่มีใครเขาขัดขวางการแจกเป็นเงินสดเข้า app ที่มีอยู่แล้ว อย่านำเอาเรื่องการคัดค้านไปยุยงให้คนที่อยากได้เงินหมื่นนี้ชิงชังคนคัดค้านท้วงติงให้เป็นความขัดแย้ง ยอมรับเถอะว่าเป็นนโยบายในการหาเสียงเพื่อที่จะเอาชนะพรรคก้าวไกล และต้องยอมรับอีกด้วยว่าการแจกแบบเหวี่ยงแห และแจกเป็นเงินดิจิทัลนี้ ประชาชนจำนวนมากมีความเคลือบแคลงระแวงสงสัย เกรงว่าจะเป็นการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย เกรงว่าจะมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน คำพูดที่ว่า ยังไงก็จะเดินหน้าแจกให้ได้ จะไม่มีการทบทวนทั้งๆ ที่ตอบคำถามไม่ได้ตั้งหลายข้อ แต่ก็ยังดันทุรังที่จะทำ โดยกล่าวหาคนอื่นว่าไม่เห็นใจ ไม่เข้าใจคนจน
ถ้าหากแม้นว่าจะต้องลดเพดานลงมาแจกเฉพาะคนจนและผู้ยากไร้เช่นนี้แล้ว มันมีคำถามว่าแล้วที่หาเสียงว่าแจกแบบเหวี่ยงแหให้กับคนอายุ 16 ปีขึ้นไป จนได้คะแนนมาเป็นที่ 2 จำนวน 141 เสียงเช่นนี้ จะถือว่าเป็นการหาเสียงเพื่อหาคะแนนเสียงโดยไม่รับผิดชอบ และที่พูดไว้แล้วทำไม่ได้ จะต้องรับผิดชอบอย่างไร และ กกต.ที่บอกว่าการหาเสียงด้วยนโยบายแบบนี้ แต่ท้ายที่สุดทำไม่ได้ กกต.จะต้องรับผิดชอบอย่างไร หรือไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย จริงๆ แล้วตอนนั้นผู้รู้ด้านการเงินการคลังและเศรษฐศาสตร์มหภาค เขาก็ท้วงติงกันตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว กกต.ก็ไม่นำเอาข้อท้วงติงไปใช้เป็นฐานในการพิจารณาเลยนะ ถึงได้ให้ไฟเขียวกับพรรคเพื่อไทยให้สามารถใช้นโยบายดังกล่าวหาเสียงได้ กรณีนี้มันไม่ต่างจากนักกีฬาที่โด๊ปยาเข้าแข่งขันเลยนะ ถ้าเป็นการแข่งขันกีฬา แล้วถูกจับได้ว่าโด๊ปยา ก็จะถูกจับแพ้แล้วริบเหรียญนะ กรณีของการเลือกตั้งเราจะทำอะไรได้บ้าง จะหวังให้พรรคเพื่อไทยรับผิดชอบอย่างใดอย่างหนึ่งคงไม่ได้ แค่พวกเขาไม่โทษคนคัดค้านว่าทำให้มังกร 7 เศียรคาบแก้วของเขาเป็นงูดิน ก็นับว่าเป็นบุญแล้ว แต่สำหรับ กกต.น่าจะทำบางสิ่งบางอย่างที่แสดงความรับผิดชอบหน่อยนะ อ้อ อีกเรื่องหนึ่ง ผ่านมาจะครึ่งปีแล้ว สอยใครได้บ้างล่ะ...อยากรู้ค่ะ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มาเป็นชุด! 'ดร.เสรี' ฟาดคนโอหัง ความรู้ไม่มี ทักษะไม่มี ไร้ภาวะผู้นำ น่าสมเพชอย่างแท้จริง
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า เตือนก็แล้ว ตำหนิก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว เยาะเย้ยก็แล้ว ล้อเลียนก็แ
ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้
เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ
เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!
เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม
จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!
ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก
ช่วงเค้าลางคดีสำคัญของนายกรัฐมนตรีก่อตัวในดวงเมือง
ขอพักการทำนายเค้าโครงชีวิตคนปี 2568 ไว้ชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคิวที่รออยู่คือท่านที่ลัคนาสถิตราศีตุล
ดร.เสรี ยกวาทะจัญไรแห่งปี 'เขาเว้นเกาะกูดให้เรา'
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประโยควาทะอัปรีย์จัญไรแห่งปี "เขาเว้นเกาะกูดให้เรา" แสดงว่าเขาเมตตาเราสินะ เราต้องขอบคุณเขา สำนึกบุญคุณเขาใช่ไหม