ทำไมจึงดันทุรัง เบื้องหลังมีอะไร

ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อมีผลโพลสำรวจว่าพรรคก้าวไกลนำมาเป็นที่หนึ่ง พรรคเพื่อไทยที่มีความหวังที่จะชนะแบบ Landslide ต้องหาไม้เด็ดมาต่อสู้ จึงคิดนโยบายประชานิยมที่จะดึงคะแนนให้กลับมาชนะเป็นที่ 1 นั่นคือที่มาของการประกาศนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้กับคนไทยทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป โดยอ้างว่าจะไม่มีการกู้เงินเพิ่มหนี้สาธารณะแต่อย่างใด ในเวลานั้นมีคนจำนวนมากตั้งข้อสงสัยว่า ถ้าไม่กู้จะเอามาจากไหน คำตอบที่ได้มาเป็นเรื่องสมมุติฐานที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลังต่างก็บอกว่าสมมุติฐานดังกล่าวนั้นไม่อาจจะเป็นจริงได้ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บภาษีได้เพิ่ม หรือการไปดึงเอามาจากงบประมาณที่จัดสรรไปแล้ว โดยจะไปชะลอการลงทุนบางโครงการออกไป แต่พรรคเพื่อไทยก็ยังยืนกรานที่จะทำ กกต.ก็ไฟเขียวว่าการหาเสียงด้วยนโยบายดังกล่าวทำได้

หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีเรื่องที่สมควรจะทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอยู่มากมายหลายเรื่อง แต่พรรคเพื่อไทยกลับให้ความสำคัญกับเรื่องการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทแก่คนไทยทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป ใครจะทักท้วงอย่างไร ให้เหตุให้ผลตามหลักวิชาการทางด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคยังไงก็ไม่ฟัง มิหนำซ้ำยังกล่าวหาว่าผู้เชี่ยวชาญผู้มีความหวังดีต่อไประเทศชาตินั้น คัดค้านนโยบายนี้แบบไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่การคัดค้านของท่านเหล่านั้น ชี้แจงเหตุผลเป็นข้อๆ ตามหลักวิชาการและประสบการณ์ในการทำงานของพวกท่านอย่างชัดเจน คนของพรรคเพื่อไทยที่พยายามออกมาชี้แจงแบบไม่สามารถหักล้างข้อท้วงติงของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ได้

คำพูดที่ออกมาจากนายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ สส.พรรคเพื่อไทยระดับแกนนำหลายๆ คนนั้น ไม่สามารถหักล้างข้อกังวลข้อห่วงใยของผู้เชี่ยวชาญได้ แต่พวกเขาก็ยังดันทุรังที่จะแจกให้ได้ นายกรัฐมนตรีก็พูดจาปลุกระดมคนที่อยากได้เงินหมื่นนี้ให้ออกมาส่งเสียงคัดค้าน การที่มีประชาชนบางกลุ่มออกมาถือป้ายแสดงความต้องการที่อยากได้รับการแจกเงินครั้งนี้ จะมีสักกี่คนที่เชื่อว่าเป็นการชุมนุมแบบ Organic ที่ไม่มีใครเป็นผู้วางแผนจัดให้มีขึ้น แล้วข้อความที่อยากได้เพราะจะเอาไป “ใช้หนี้” นั้น พวกคุณไม่ได้อธิบายให้ประชาชนเหล่านั้นได้เข้าใจหรือว่าเงินดิจิทัลที่คุณแจกให้นั้น เอาไปใช้หนี้ไม่ได้ เอาไปลงทุนทำธุรกิจก็ไม่ได้ ต้องเอาไปซื้อของที่จำเป็นเท่านั้น ในเวลานี้ได้เกิดข้อความที่แสดงความแตกแยกชัดๆ ว่า “คนค้านการแจกคือคนเห็นแก่ชาติ คนคอยให้แจกคือคนที่เห็นแก่ตัว” แสดงให้เห็นว่าได้เกิดความแตกแยกระหว่างคนที่ห่วงใยผลที่จะเกิดกับประเทศชาติ กับคนที่ต้องการได้รับการแจกในครั้งนี้แล้ว

นอกจากจะกล่าวหาว่าท่านเหล่านั้นคัดค้านอย่างไม่มีเหตุผล ยังพูดว่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นไม่เข้าใจคนจน ไม่เห็นใจคนจน ขัดขวางการทำงานของพรรคเพื่อไทยที่เข้ามาทำงานเพื่อประชาชน การพูดแบบนี้มันคือการสร้างความแตกแยกระหว่างคนที่อยากได้เงินหมื่นที่พรรคเพื่อไทยจะแจกแบบเหวี่ยงแห กับคนที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว ทั้งๆ ที่คนที่คัดค้านนั้นท่านไม่ได้ขวางการช่วยเหลือคนยากไร้ที่สมควรได้รับการดูแลจากรัฐบาล แต่เขาต่อต้านการแจกแบบเหวี่ยงแหที่จะก่อให้เกิดปัญหากับประเทศชาติด้านเสถียรภาพของเศรษฐกิจ

ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทแบบเหวี่ยงแห ไม่มีการเจาะจงกลุ่มนั้น มีคำถามให้พรรคเพื่อไทยตอบมากมายหลายข้อ ที่พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ตอบ หรือตอบไม่ได้

ทำไมจะต้องแจกเป็นเงินดิจิทัล ทำไมไม่แจกเป็นเงินสด จะต้องสร้างระบบขึ้นมาแปลงเงินสดเป็น Token และต้องเปลี่ยน Token เป็นเงินสดอีกในภายหลัง และการแปลงแบบนี้ต้องเสียค่าบริการมิใช่หรือ แล้วเราจะต้องเสียเงินไปสร้างระบบเป็นพันล้านหมื่นล้านไปทำไม รวมกับเงินที่แจก ค่าสร้างระบบ และค่าบริการในการแปลงเงินสดเป็น Token และแปลง Token เป็นเงินสด เบ็ดเสร็จแล้ว โครงการนี้ต้องมากกว่า 560,000 ล้านใช่หรือไม่

ทำไมต้องแจกแบบเหวี่ยงแห คนรวย คนชั้นกลาง คนค้าขาย คนรับราชการ ลูกจ้างที่มีเงินเดือนประจำ เขาก็มีเงินจับจ่ายใช้สอยตามความจำเป็นอยู่แล้ว ทำไมจะต้องไปแจกเงินให้เขาด้วย ถ้าหากอยากจะกระตุ้นเศรษฐกิจ มันจำเป็นจะต้องใช้วิธีการแจกเงินแบบเหวี่ยงแหแบบนี้ด้วยหรือ ถ้าจะแจกเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ ทำไมไม่แจกแบบเจาะจงเฉพาะกลุ่ม

จะเอาเงินที่ไหนมาแจกก็ยังตอบไม่ชัดเจน ที่ตอบมานั้นมันก็ไม่ใช่ เช่น เรื่องจะเก็บภาษีได้เพิ่ม มันก็เป็นแค่สมมุติฐาน บอกว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น GDP จะโต 5% ทางธนาคารแห่งประเทศไทยบอกปีนี้จะได้ 2.8% และปีหน้าได้ 3.4% พวกคุณคิดว่าคุณเก่งมาจากไหนจะทำให้เศรษฐกิจไทยโตได้ 5% อย่าลืมนะว่าเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก กำลังซื้อของต่างชาติไม่ได้มีพอที่จะทำให้การส่งออกขยายตัวได้มากมาย ส่วนที่บอกว่าจะไปรีดไขมันจากโครงการต่างๆ นั้น คุณคิดว่าจะรีดได้แค่ไหน แต่ถึงจะรีดได้มา ตามกฎหมายคุณก็ต้องโยกไปลงทุนในโครงการอื่นที่จำเป็นกว่า ไม่ใช่ไปชะลอโครงการด้านการลงทุนแล้วเอามาแจก ศึกษากฎหมายให้ดีก่อนที่จะทำผิดกฎหมายนะ

ถ้าจะให้ธนาคารออมสินเอาเงินออกมาแจกให้ก่อน แล้วตั้งงบประมาณคืนเงินให้ออมสิน ที่บอกว่าจะคืนภายใน 3 ปีนั้น ดูระเบียบของธนาคารออมสินแล้วหรือยังว่าเขาสามารถที่จะเอาเงินออกมาใช้แบบนี้ได้หรือไม่อย่างไร และเมื่อถึงเวลาที่จะใช้หนี้ออมสินจะมีเงินมาใช้หนี้ได้ตามเวลาที่กำหนดหรือไม่ ระวังจะเป็นแบบเอาเงิน ธ.ก.ส.มาใช้ในโครงการรับจำนำข้าว แล้วก็ไม่มีเงินมาใช้หนี้ ธ.ก.ส. เพราะขายข้าวไม่ได้ ขาดทุนหลายแสนแล้วค้างหนี้ ธ.ก.ส. ที่ตอนนี้ก็ยังใช้ไม่หมดเลย

ที่จะแจกแบบเหวี่ยงแหนี้ ถามจริงๆ เถอะ คนไทยที่ไปทำงานต่างประเทศได้รับแจกด้วยหรือไม่ คนติดคุกได้ด้วยหรือไม่ คนที่บวชเป็นพระได้ด้วยหรือไม่ คนไปทำงานต่างประเทศจะไปใช้เงินนี้ได้ที่ไหน คนติดคุกจะใช้เงินนี้อย่างไร พระก็ใช้เงินไม่ได้นะ ถ้าหากคนพวกนี้ได้รับแจก เพราะอายุ 16 ปี หรือมากกว่า ถ้าหากไม่สามารถใช้เงินได้ตามเงื่อนไข เงินส่วนนี้จะไปที่ไหน

ผลลัพธ์ในเชิงลบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของประเทศไทย ทั้งเรื่องดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เงินเฟ้อที่สูงขึ้น ค่าเงินบาทอ่อนลง ต่างชาติไม่มั่นใจที่จะมาลงทุน นักลงทุนเทขายหุ้น หอบเงินออกนอกประเทศ ความน่าเชื่อถือของประเทศลดลง การจัดอันดับความมั่นคงของประเทศลดลง เมื่อไปกู้เงินก็จะถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยสูงขึ้น ต้นทุนทางการเงินของประเทศก็จะเพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้มีทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์รองรับทั้งนั้น ทำไมคนของพรรคเพื่อไทยไม่ฟัง หรือคิดว่าพวกของตนนั้นมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคและการบริหารความมั่นคงทางการเงินการคลังของประเทศมากกว่าผู้เชี่ยวชาญที่มากกว่า 200 คนลงชื่อคัดค้านโครงการดังกล่าวนี้ พูดชัดเจนว่าเป็นนโยบายหาเสียงที่ขาดความรับผิดชอบ เป็นโครงการที่ได้ไม่คุ้มเสีย ยังดันทุรังจะแจก มีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือเปล่านะ...สงสัยค่ะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เกรงว่าคำอวยพรปีใหม่จะไม่จริง

เวลาที่เรากล่าวคำอวยพรให้ใครๆ เราก็จะพูดแต่เรื่องดีๆ และหวังว่าพรของเราจะเป็นจริง ถ้าหากเราจะเอาเรื่องอายุ วรรณะ สุขะ พละ มาอวยพร โดยเขียนเป็นโคลงกระทู้ได้ดังนี้

แด่...ไพบูลย์ วงษ์เทศ

ถึงแม้จะช้าไปบ้าง...แต่ยังไงๆ ก็คงต้องเขียนถึง สำหรับการลา-ละ-สละไปจากโลกใบนี้ของคุณพี่ ไพบูลย์ วงษ์เทศ นักเขียน นักกลอนและนักหนังสือพิมพ์อาวุโส

กร่าง...เกรี้ยวกราด...ฤากลัว

ใครบางคนตำแหน่งก็ไม่มี สมาชิกก็ไม่ใช่ แต่แสดงบทบาทยิ่งใหญ่กว่าใครๆ เหมือนจงใจจะสร้างตำแหน่งใหม่ที่คนไทยต้องยอมรับ และดูเหมือนเขาจะประสบความสำเร็จเอาเสียด้วย

คำอวยพรปีใหม่ 2568

ใกล้ถึงช่วงปีหน้า-ฟ้าใหม่ยิ่งเข้าไปทุกที...การตระเตรียมคำอำนวย-อวยพรให้กับใครต่อใครไว้ในช่วงวาระโอกาสเช่นนี้ อาจถือเป็น หน้าที่ อย่างหนึ่ง

ก้าวสู่ปีใหม่ 2568

สัปดาห์สุดท้ายปลายเดือนธันวาคม 2567 อีกไม่กี่วันก็จะก้าวเข้าสู่ปี 2568 "สวัสดีปีใหม่" ปีมะเส็ง งูเล็ก