ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดจากจีนสะท้อนว่าการฟื้นตัวอาจจะ “ใกล้เป้าหมาย” แม้ว่าจะยังมีอุปสรรคขัดขวางอยู่หลายอย่าง
ทางการจีนเพิ่งออกตัวเลขอัตราโตของไตรมาส 3 ซึ่งบอกว่าเศรษฐกิจของจีนขยายตัวร้อยละ 1.3 จากสามเดือนก่อนหน้า
แต่หากเปรียบเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อนก็จะมีอัตราโตร้อยละ 4.9
ซึ่งใกล้กับตัวเลขเป้าหมายอัตราโตเฉลี่ยปีละ 5%
ปัญหาเศรษฐกิจของจีนยังมีตัวถ่วงสำคัญที่สุดในขณะนี้คือตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังเป็นแรงกดดัน
และน่าจะเป็นเรื่องที่สร้างความปวดหัวให้กับรัฐบาลจีนมากที่สุดในขณะนี้
เพราะไม่เข้าอุ้มก็ไม่ได้ แต่ถ้าเข้าอุ้มก็อาจจะสร้างภาระหนักเกินไป
เราจึงเห็นอาการค่อยๆ ประคับประคองสถานการณ์ของทางการจีน
ไม่ได้ปฏิเสธปัญหา แต่ก็ไม่ต้องการให้กลายเป็นจุดตำหนิที่ถูกตอกย้ำมากเกินไป
สถิติทางการบอกว่าการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ลดลงร้อยละ 9.1 ในช่วงสามไตรมาสแรก
ในขณะที่ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบเป็นรายปี
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในไตรมาสที่สามโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 จากสามเดือนก่อนหน้า ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้มีการสนับสนุนนโยบายที่เพิ่มขึ้นเพื่อรักษาวิถีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การเติบโตในไตรมาสที่สามสูงกว่าการเติบโตตามลำดับที่ร้อยละ 0.8 ในไตรมาสที่สอง
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) เปิดเผยเมื่อวันพุธ (วันเดียวกับที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เปิดงานประชุมใหญ่ว่าด้วยโครงการ Obe Belt One Road อย่างอลังการ) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีนขยายตัวร้อยละ 4.9 เมื่อเทียบเป็นรายปี
สถาบันการเงินบางแห่งพยากรณ์ไว้ก่อนหน้านี้ไตรมาสสามน่าจะโตแค่ 4.5%
หนึ่งในสำนักสำรวจสถิตินั้นคือ Wind ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลของจีน
แต่ถ้าย้อนกลับไปไตรมาสสองของปีนี้ เศรษฐกิจของจีนขยายตัวร้อยละ 6.3 เมื่อเทียบเป็นรายปี
โดยมีสาเหตุหลักมาจากฐานที่ต่ำซึ่งเกิดจากการปิดตัวทางเศรษฐกิจเมื่อปีที่แล้ว ท่ามกลางมาตรการควบคุมโคโรนาไวรัสที่เข้มงวด
ปักกิ่งได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตประจำปีไว้ที่ประมาณร้อยละ 5 และเศรษฐกิจของจีนขยายตัวร้อยละ 5.2 ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี
“เราจะมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมอุปสงค์ภายในประเทศที่มีประสิทธิภาพ กระตุ้นหน่วยงานทางการตลาด และดำเนินนโยบายที่ออกมาแล้ว … เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจในปีนี้” เซิง ไหลหยุน รองผู้อำนวยการ NBS กล่าวเมื่อวันพุธ
เจ้าหน้าที่จีนยอมรับว่าเนื่องจากฐานการเปรียบเทียบที่ต่ำในปีที่แล้ว เศรษฐกิจของจีนจึงต้องเติบโตเพียงร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสที่สี่เท่านั้น
ก็บรรลุเป้าหมาย 5% ได้
ซึ่งน่าจะเป็นเป้าหมายที่รัฐบาลจีนคงจะเร่งทำให้ได้เพื่อรักษาความมั่นใจของคนจีนและตลาดโลกที่จับตาเฝ้าติดตามตัวเลขชุดนี้อย่างใจจดใจจ่อทีเดียว
หนีไม่พ้นว่านักสังเกตการณ์ส่วนใหญ่จะเฝ้าจับชีพจรของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาที่ยังคงฉุดรั้งเศรษฐกิจของจีน
เพราะการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 20 ถึง 30 ของการลงทุนทั้งหมด
เมื่อการลงทุนด้านนี้ลดลงร้อยละ 9.1 ในช่วงสามไตรมาสแรก เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งหดตัวเพิ่มเติมจากลดลงร้อยละ 8.8 ในช่วงแปดเดือนแรกของปี
ในด้านอื่นๆ การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรซึ่งเป็นกลไกการเติบโตที่สำคัญ ขยายตัวร้อยละ 3.1 ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ลดลงจากการเติบโตร้อยละ 3.2 ในช่วงแปดเดือนแรกของปี
ยอดค้าปลีกซึ่งเป็นมาตรวัดหลักสำหรับความเชื่อมั่นในการใช้จ่าย เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 ในเดือนกันยายน เทียบกับการเติบโตร้อยละ 4.6 ในเดือนสิงหาคม และสูงกว่าการเติบโตร้อยละ 4.9 ที่คาดการณ์โดย Wind
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 4.5 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกันยายน ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนสิงหาคม แต่ต่ำกว่าการเติบโต 4.6 เปอร์เซ็นต์ของลมที่คาดการณ์ไว้
การมุ่งเน้นของรัฐบาลและตลาดจะหันไปเกาะติดแนวโน้มการเติบโตในปีหน้า
อัตราการว่างงานในเขตเมืองโดยรวมที่สำรวจอยู่ที่ร้อยละ 5 ในเดือนกันยายน ลดลงจากร้อยละ 5.2 ในเดือนสิงหาคม
นักวิเคราะห์บอกว่าเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในเดือนกันยายน โดยได้รับแรงหนุนจากยอดค้าปลีกที่ดีเกินคาด
แต่จะคาดหวังไม่ได้ว่ารัฐบาลจะเปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้
เพราะเชื่อว่าสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตได้ระดับหนึ่งแล้ว
โดยเราจะเห็นการมุ่งเน้นของรัฐบาลและตลาดเปลี่ยนไปสู่แนวโน้มการเติบโตในปีหน้า
ประเด็นสำคัญคือเป้าหมายการเติบโตที่รัฐบาลจะตั้งไว้ และการผ่อนคลายทางการคลังจะเกิดขึ้นตามเป้าได้มากน้อยเพียงใด
ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งเปรียบเปรยว่า
เศรษฐกิจของจีนเป็นรถไฟขบวนที่ยาวเป็นพิเศษ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ แนวโน้มการชะลอตัวจึงเกิดขึ้น
จีนวันนี้แม้จะแผ่วลงบ้างแต่ก็ยังไม่ถึงกับป่วย
จีนยังไม่ถึงกับจาม แต่ประเทศเล็กๆ อย่างเราก็ควรจะต้องเตรียมสร้างภูมิคุ้มกันเอาไว้
เผื่อจะได้ไม่ติดหวัดถ้ามังกรยักษ์เกิดส่งเสียง “ฮัดเช้ย” ขึ้นมา!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ