ดูเหมือน “สงคราม” ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่ย่างเข้าสู่ปลายสัปดาห์ที่ 2 ยังส่งผลกระทบต่อไทยอย่างรุนแรงต่อเนื่อง โดย ล่าสุด “กาญจนา ภัทรโชค” อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 ราย รวมเป็น 30 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บ 16 คน และผู้ถูกจับ 17 คนไม่เปลี่ยนแปลง ยอดผู้ประสงค์กลับไทย 8,160 คน ไม่ขอกลับ 110 คน สำหรับสถิติคนไทยที่เดินทางถึงประเทศไทยแล้ว 7 เที่ยวบิน 926 คน และกลับเองจำนวนหนึ่ง ...๐
ในขณะที่ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ยังปฏิบัติภารกิจอยู่ที่แดนมังกรจีน แล้วเตรียมบินไปต่อที่ “ซาอุดีอาระเบีย” นั้น ก็ส่งเสียงข้ามประเทศในเรื่องดังกล่าวมาเช่นกัน โดยระบุว่า “อยากให้คนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ เร่งตัดสินใจว่าจะกลับหรือไม่กลับ เพราะความเสี่ยงอยู่ที่ตัวท่าน” แต่ที่เป็นประเด็นให้น่าสนใจอย่างยิ่งคือ การที่นายกฯ
บอกว่ามีความสับสนทางข้อมูล เพราะก่อนหน้านี้เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย แจ้งว่าสามารถอพยพคนไทยออกจากพื้นที่เสี่ยงได้ถึง 99% ซึ่งความจริงแล้วยังไม่ใช่ อ้าว ก็เรียกทูตมาพบพูดคุยกัน แต่กลับข้อมูลคาดเคลื่อน ที่สำคัญหลังพบนายกฯ ก็ออกมาแถลงเป็นวรรคเป็นเวร แล้วต่อไปใครจะเชื่อถือข้อมูลได้เล่า ...๐
ส่วนเรื่องบินข้ามโลกอ้อมไปรับคนไทยนั่น “โฆษก กต.” ก็ให้เหตุผลสวยหรูว่า “เราไม่ได้ขอ เพราะอยากให้มันเร็ว เราไม่อยากเสี่ยงเพราะความล่าช้า บางคนอาจบอกว่าประเทศอื่นยังบินได้ ก็แล้วแต่ บางประเทศก็มีความตกลงกัน และความจริงถ้าเราขออนุญาต ในห้วงภาวะสงคราม สถานการณ์มนุษยธรรม เราอาจจะได้ก็ได้ แต่เราไม่อยากเสี่ยง ไม่อยากรอ ดังนั้น นักบินบินอ้อม 3-4 ชั่วโมงไม่ได้เป็นประเด็น” ...๐
ใช่เลย ไม่ได้เป็นประเด็นในการบินอ้อมโลก แต่มันก็สะท้อนว่าการทูตของไทยในตะวันออกกลางนั้นน่าจะมีปัญหาหรือไม่อย่างไร เพราะ การบินอ้อมถึง 10 ประเทศ ได้แก่ ลาว, จีน, คาซัคสถาน, อุซเบกิสถาน, เติร์กเมนิสถาน, อาเซอร์ไบจาน, อาร์เมเนีย, ตุรกี, ไซปรัส และอิสราเอล ก็ไม่ใช่เรื่องใช่ไหม เพราะหากบินตรงได้ ระยะเวลาที่ทอดยาวออกไป 3-4 ชั่วโมงนั้น ก็อาจจะรับแรงงานไทยกลับมาเพิ่มได้ส่วนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นการรับคนไทยกลับกว่า 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาคงไม่อยู่แค่หลักร้อยแน่ๆ ...๐
น่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อ ขาร้องอย่าง “สนธิญา สวัสดี” ไปยื่นหนังสือถึงเศรษฐาผ่านศูนย์เรื่องราวร้องทุกข์ โดยเสนอให้นายกฯ แต่งตั้ง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อดีตนายกรัฐมนตรี ช่วยประสานประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อนำเครื่องบินผ่านน่านฟ้าในการเข้าไปบริการรับคนไทยที่อิสราเอลกลับไทย เพราะ “บิ๊กตู่” เป็นอดีตนายกฯ ที่ไปเปิดสัมพันธไมตรีกับซาอุฯ ได้ในรอบ 32 ปี และเมื่อ ช่วง เม.ย. รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้รับการอนุญาตจากซาอุฯ ให้เป็นจุดศูนย์กลางในการรับคนไทยกลับจากซูดานกว่า 200 คนมาแล้ว แหม! เชื่อหัวไอ้เรืองเถอะ แม้เป็นข้อเสนอที่ดีและมีความเป็นไปได้ รวมทั้งตัว “บิ๊กตู่” ที่เลือดทหารเข้มข้นก็น่าจะพร้อมมาช่วยชาติและประชาชน แต่ติดที่ “เศรษฐา” นี่แหละ ที่กลัวถูกเปรียบถูกเทียบว่าต้องไปใช้บริการ “ลุงตู่” โดย เชื่อว่า “นายกฯ นิด” คงหวังน้ำบ่อหน้าในการประชุมที่ซาอุฯ ที่จะเจรจาขอใช้น่านฟ้า ซึ่งก็ต้องตามไปลุ้นว่าจะออกหมู่หรือจ่า ...๐
ที่ไม่ใช้บริการ “ลุงตู่” ก็เหมือนกับแอปเป๋าตังนั่นแล ทั้งที่มีแอปของรัฐบาลเองแท้ๆ ก็ต้องไปออก “ซูเปอร์แอป” ที่ไม่รู้ว่าต้องใช้เงินกี่บาทในการแจกเงินดิจิทัลอีก ที่สำคัญ “เศรษฐา” เคยลองไปสอบถามร้านค้า โชห่วยบ้างหรือไม่ เพราะใครต่อใครก็ไม่อยากเข้าโครงการทั้งสิ้น เพราะต้องรอ 6 เดือนถึงจะแลกเป็นเงินสดได้ ไหนบอกว่าส่งเสริมร้านเล็กร้านน้อยกระจายความเจริญไปสู่ท้องถิ่น ตอนแรกก็กำหนดระยะ 4 กิโลเมตร แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว แต่ยังไม่รู้รูปแบบไหน แต่ที่แน่ๆ คงไม่มีร้านค้าไหนสายป่านยาวพอจะรอได้ 6 เดือนหรอกพ่อคุณ ...๐
งานนี้จึงไม่แปลกที่ “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม" หัวหน้าพรรคไทยภักดี ที่ไปยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อให้ส่งต่อไปยังศาลปกครองเพื่อให้ระงับเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตบอกนั่นแลว่า รัฐบาลอ้างคนจนบังหน้า แต่เป็นการช่วยคนรวยและเจ้าสัวทั้งเพ เพราะมันสะท้อนชัดอย่างมาก เพราะแจกเหมาไม่แยกคนรวยคนมีอันจะกินแล้ว ร้านค้ายังต้องมีเงินถุงถึงรออีก 6 เดือนได้ อยากรู้ว่าร้านกาแฟร้านตาสีตาสาที่ไหนจะทำได้บ้างเล่า ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
22 พ.ย. ลุ้น ผลการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะ “รับ-ไม่รับ” คำร้องของ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ให้ “ทักษิณ ชินวัตร” และ “พรรคเพื่อไทย” หยุดพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง จาก 6 กรณี ดังนี้ หนึ่ง “ทักษิณ” ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว
บันทึกหน้า 4
ต้องเรียกว่า “พุธพิพากษา” ของแท้ โดยเฉพาะศาลอาญาที่ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 และมารดาผู้เสียชีวิตร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง “สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์” หรือ “แอม ไซยาไนด์” อายุ 36 ปี
บันทึกหน้า 4
ควันหลงการหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ที่ นายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายก อบจ. สังกัดพรรคเพื่อไทย (พท.)
บันทึกหน้า 4
สมรภูมิเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ในวันที่ 24 พ.ย. ไม่เพียงแค่ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนในสนามท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการหยั่งกระแสของทั้งสองฝ่ายในเวทีใหญ่ทางการเมืองอีกด้วย โดยเฉพาะทัพแดงนั้นแพ้ไม่ได้
บันทึกหน้า 4
บันทึกในวันครึ้มฟ้าครึ้มฝนจากผลกระทบปลายๆแถวพายุหม่านยี่ เสียงฟ้าร้องฟ้าคะนองอาจจะไม่มี แต่เสียงอื้ออึง "ทักษิณ" กลับมาแล้ว
บันทึกหน้า 4
เสือกทุกเรื่อง! ตำแหน่งใหม่ที่ "นายใหญ่" เพื่อไทย ศาสดาเสื้อแดง ภูมิใจสถาปนาตัวเองกลางวงปราศรัยใหญ่เมืองอุดร หวังเฉไฉปัดข้อหาเจ้าของพรรคและครอบงำลูกสาว