บันทึกหน้า 4

"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด ซอยประชาชื่น 46" หลังเจอเสียงต้านจากแบงก์ชาติ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์กว่าร้อยคน ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน และวุฒิสภาสายขาประจำ ฯลฯ ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย ทำลูกหลานเป็นหนี้หัวโต ซ้ำร้ายอาจซ้ำรอยโครงการรับจำนำข้าวในอดีตที่ทำให้ประเทศเกิดความเสียหาย แถมยังมีคนต้องติดคุกและหนีคดีอยู่คนเดียวในต่างประเทศ   

เล่นเอา "เสี่ยนิด" เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง และคนในพรรคเพื่อไทย ออกมาปลุกคนเห็นชอบดันเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ให้ออกมาส่งเสียงและแสดงออก เพื่อเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็ก ให้รัฐบาลผลักดันเรื่องนี้ 

แม้จะมีเสียงเชียร์โครงการนี้อยู่บ้างก็ตาม แต่สิ่งที่สังคมอยากได้ยินมากกว่าที่นายกฯออกปลุกระดมและอ้างคนจน อาทิ จะนำเงินมาจากไหน กู้เท่าไหร่ และต้องเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะหรือไม่, ยังไม่แน่ชัดว่าจะแจกเงินถ้วนหน้า ที่ได้ทั้งเจ้าสัว คนร่ำรวย หรือเจาะจงเฉพาะกลุ่มเปราะบาง, ยังไม่แน่ว่ารัศมีการใช้จะเป็นอย่างไร และร้านค้าปลีกรายใหญ่จะได้ประโยชน์จากโครงการนี้ 

"จตุพร พรหมพันธุ์" วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวถึงการแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทว่า แม้นายกฯ ประกาศยังเดินหน้าทำต่อไปโดยไม่ฟังเสียงค้านก็ตาม แต่ ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน และศาล รธน. จะสามารถหยุดนโยบายนี้ได้ ดังนั้น การปลุกคนเป็นล้านให้ส่งเสียงสนับสนุนรัฐบาลย่อมไม่มีความหมายใดๆ

 “คุณเศรษฐาปลุกประชาชนให้ตายที่จะส่งเสียงสนับสนุนการแจกเงินดิจิทัล แต่องค์กรเหล่านี้ตั้งคณะกรรมการมาศึกษาย่อมใช้คนไม่กี่คน หรือมีแค่ 9 คน ก็จะจัดการกับคุณได้ คุณยังไม่เข็ดหลาบเหรอกับเรื่องเสียง สส. ดังนั้น การขอให้ประชาชนออกมาส่งเสียงคำรามใส่อีกฝ่ายหนึ่ง จึงไม่มีผลใดๆ เลย" 

อย่างไรก็ตาม คงต้องดูว่า "เศรษฐา" และ พรรคเพื่อไทย จะฝ่ากระแส โดยไม่ฟังเสียงต้าน เพื่อผลักดันนโยบายหาเสียง กู้วิกฤตความเชื่อมั่นหลังจับมือข้ามขั้ว หรือประนีประนอม ฟังเสียงเตือนจากผู้เกี่ยวข้อง จ่ายเฉพาะผู้เปราะบาง หรือมิให้ร้านค้าของนายทุนหรือเจ้าสัวได้ประโยชน์ ก็ยังพอรับได้ และอาจไม่ตกม้าตายอย่างโครงการจำนำข้าว ที่บัดนี้ยังเหลือหนี้กว่า 2 แสนล้านบาท ที่ยังตามล้างตามเช็ดไม่หมด ในทางกลับกัน หากเปลี่ยนเป็นเงินของ นายกฯ รมต.เพื่อไทย หรือนายใหญ่ชั้น 14  ไปแจก คงไม่มีใครคัดค้านแน่นอนใช่มั้ย

ต่อด้วยความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยอีกเช่นกัน ท่ามกลางเสียงไม่มีความจริงจัง ใช้แท็กติกซื้อเวลา เป็นเครื่องมือประคองรัฐบาลให้ทำงานตลอด 4 ปี หลัง "เสี่ยอ้วน" ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ขอเวลา 4 ปี ทำรัฐธรรมนูญเพื่อรองรับการเลือกตั้งครั้งหน้า 

โดยวันที่ 16 ต.ค. จะเซ็นคำสั่งนำรายชื่อคณะอนุกรรมการ 2 ชุด คือคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ นายนิกร จำนง อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นประธาน และคณะศึกษาแนวทางทำประชามติให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีนายวุฒิสาร ตันไชย อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นประธาน จากนั้นทั้งสองคณะจะแยกย้ายไปทำงาน ก่อนนำข้อสรุปการทำประชามติมาเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ภายในสิ้นปีนี้ ว่าจะทำประชามติกี่ครั้ง มี ส.ส.ร.หรือไม่อย่างไร โดยมีเป้าหมายจะทำประชามติครั้งแรกไตรมาสแรกของปี 

แต่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะสำเร็จหรือไม่ยังมีหลายด้าน โดยเฉพาะการตั้งคำถามว่าการทำประชามติครั้งนี้จะผ่านหรือไม่ หากไม่ผ่านอาจถือว่าต้องม้วนเสื่อกลับบ้านไปได้เลย และจะทำให้รัฐธรรมนูญ 60 มีความชอบธรรม           

รวมถึงคำถามต้องไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอีกด้วย เนื่องจากจะต้องมีนักร้องไปยื่นอยู่แล้ว อีกทั้งเนื้อหาการแก้ไขจะต้องผ่านด้าน สว. 1 ใน 3 หรือ 84 เสียงอีกด้วย ฉะนั้นการรอให้ สว.ชุดเก่าไปและชุดใหม่มาทำอาจจะง่ายกว่า 

แต่สุดท้ายแม้จะผ่านหรือไม่ผ่านตรงช่วงไหนก็ตาม ในส่วนของพรรคเพื่อไทย เอาเข้าจริงก็คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะอย่างน้อยก็ทำตามที่หาเสียงเอาไว้ เพราะเอาจริงๆ เพื่อไทยได้รัฐบาลก็มาจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ หากไม่ได้แก้ไขจริง ผู้ที่คาใจก็คือพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่. 

 

ช่างสงสัย 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

จาก "หนู" หนึ่งเดียว กลายเป็นสอง ก่อนหน้านี้ถามกันทุกวันถึง 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของภูมิใจไทย ในงานแถลงนโยบาย "พูดแล้วทำพลัส" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ชัดเจนว่า "อนุทิน ชาญวีรกูล" ฉายเดี่ยว โฆษกพรรคย้ำแล้วย้ำอีก

เข้าใจคนชายแดน

ถ้าเอ่ยชื่อ กวาง–ไตรศุลี ไตรสรณกุล นาทีนี้ หลายคนคงนึกถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรีหญิงของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ทำงานเงียบ สุขุม แต่เดินเกมเร็ว ไม่หวือหวา ทว่าจับงานอยู่หมัด

บันทึกหน้า 4

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงคุกรุ่นอยู่ต่อเนื่องอย่างไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ แม้วันที่ 24 ธ.ค.2568 จะเป็นวันแรกในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ จีบีซี ในวาระพิเศษ

บันทึกหน้า 4

การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ไทยยังเหนือกว่าทุกด้าน สมรภูมิตามแนวชายแดน ทหารกล้าของเราบุกยึดพื้นที่คืนกลับมาเกือบเบ็ดเสร็จ ในเวทีสากล นานาชาติก็เข้าใจสถานการณ์ดี

บันทึกหน้า 4

บรรยากาศการเมืองไทยเวลานี้ ถ้าใครยังคิดว่าเป็นช่วงพักหายใจ บอกเลยคิดผิด เพราะสนามจริงของการเลือกตั้งปี 2569 เปิดเกมกันแล้วแบบไม่ต้องรอเสียงนกหวีด ใครมีของก็เริ่มโชว์ ใครยังตั้งหลักไม่ทันก็เริ่มเห็นทรงชัดขึ้นทุกวัน พรรคใหญ่ พรรคเล็ก ต่างขยับกันคึก แต่พรรคที่ถูกสปอตไลต์ส่องแรงสุด นาทีนี้หนีไม่พ้น “เพื่อไทย”

บันทึกหน้า 4

บันทึกในวันที่การเมืองเรื่องศึกเลือกตั้งใหญ่ 8 ก.พ.2569 คึกคักๆ ไม่มีการกั๊กกันอีกต่อไป ...0