เกินกว่าจะแก้ไข-เยียวยา!!!

ถ้าบรรดาเราๆ-ทั่นๆ ดันต้องไปติดแหง็กอยู่แถวๆ ฉนวนกาซา ช่วงนี้...ยังนึกไม่ออก คิดไม่ออก ว่าอาจถึงขั้น กลั้นใจตาย ให้รู้แล้ว รู้แรด ไปซะที จะดี-ไม่ดีหรือไม่? ประการใด? หรือถ้าดันโผล่ไปอยู่แถวๆ งาน เทศกาลดนตรี ที่อิสราเอล ถูกกราดยิง ถูกจับแก้ผ้า มันจะทรมาน-ทรกรรม ยิ่งกว่าวิ่งหนีมือปืนอายุ 14 แถวๆ ห้างสยามพารากอนมาก-น้อยขนาดไหน???

หรือเอาแค่ต้องไปเกิดเป็น พลเมืองยูเครน ต้องอพยพ หลบหนีจากประเทศตัวเองกันเป็นสิบๆ ล้าน ไม่งั้นก็ต้องนอนรอจรวด กระสุนปืนใหญ่ จากกองทัพรัสเซีย แค่นี้...ก็น่าจะมีน้ำหนักพอที่อยากจะไป เกิดใหม่ ได้อย่างสมเหตุ สมผล ดีกว่าต้องมาเป็นมนุษย์มนา ในแบบผิดที่ ผิดทาง ผิดจังหวะ-เวลาอยู่แล้วแน่ๆ

เฮ้ออ์อ์อ์...ให้ตายเถิด โลกยุคนี้ สมัยนี้ อะไรมันจะช่างโหด-เลว-ดี น่าเกลียด น่าชัง น่าเบื่อ น่าหน่าย เท่านี้ ย่อมไม่มีอีกแล้ว

ด้วยเหตุนี้...ต้องถือเป็น โชคดี-โชคช่วย เป็นบุญวาสนา-บุญบังเอิญ อย่างมิอาจปฏิเสธ ที่มีโอกาสเกิดในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลาย ไม่ว่าจะ ประเทศ...กูมี กันในแบบไหน? อย่างไร? คือยังพออยู่รอด ปลอดภัย ได้อย่างไม่ต้องดิ้นรน ทรมาน-ทรกรรม มากมายเกินไปนัก แถมขนาดอยู่เฉยๆ ยังอาจถูกยัดเยียด ถูกแจกเงินรายละเป็นหมื่นๆ ไม่เว้นเศรษฐี-ยาจก อีกซะด้วยต่างหาก ดังนั้น...ถ้าลองหัด อยู่ให้เป็น-เย็นให้พอ-รอให้ได้ ไม่ซุกๆ ซนๆ ไม่สัปดนวันละมากมายจนเกินไป โอกาสเดือดเนื้อ ร้อนใจ ทุกข์ทรมาน มันคงไม่ถึงกับเกิดกันได้ง่ายๆ โดยเฉพาะถ้าไม่คิดดิ้นรน กระวนกระวาย หัดพึงพอใจอยู่กับความ เรียบๆ-ง่ายๆ อันถือเป็นความ ปกติ หรือถือเป็น ศีล ในรูปหนึ่ง-รูปใด ที่ควรยึดเอาไว้มากบ้าง-น้อยบ้างก็แล้วแต่โอกาส

คือโลกช่วงนี้...มันเป็นโลกในช่วง โชคดี...ที่ตายก่อน เอาจริงๆ นั่นแหละทั่น!!! หรือแทบไม่เหลืออะไรให้เป็นแก่น เป็นสาร เป็นแรงกระตุ้น แรงจูงใจ สำหรับการมีชีวิตอยู่มากมายซักเท่าไหร่ เป็นโลกในช่วง อวะสารภินี (Avasaripini) อย่างที่ ศาสนาเชน เขาว่าไว้ ช่วงแห่งการ หมุนลง อันนำมาซึ่ง ความเสื่อม ของแทบทุกสิ่งทุกอย่าง ส่วนจะนำไปสู่การ หมุนขึ้น หรือช่วง อุตะสารภินี (Utsarpini) ในตอนไหน? เมื่อไหร่? คงหนีไม่พ้นต้องอาศัยแรงผลัก แรงดัน จากการหมุนลงนั่นแหละ เป็นตัวช่วย ยกระดับ ความรู้สึก-นึกคิดและจิตใจ หรือจนกว่าโลกทั้งโลกมันจะเกิดอาการ เข็ดฟัน ดังที่อภิมหาพระท่าน พุทธทาสภิกขุฯ ท่านว่าไว้ขึ้นมาจริงๆ อันนั้นนั่นเอง...ที่อาจค่อยๆ นำมาซึ่งความก้าวหน้า ความเจริญเติบโตทางจิตใจ ส่งผลให้ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถอยู่ร่วมกันโดยสันติภาพ-สันติธรรม ได้อย่างแท้จริง

เหมือนอย่างฉากสถานการณ์ในยุค สัตถันดรกัป อะไรประมาณนั้น ยุคที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเล็งเห็นโดยวิสัยทัศน์ ปรีชาญาณใดๆ ก็แล้วแต่ ว่าบรรดามวลมนุษย์ทั้งหลายจะเห็นกันและกันว่าเป็น เนื้อ (มิคสัญญา) เลยหันมาอาศัย ศาสตราวุธอันคมกริบ ในมือของแต่ละคน สังหาร พล่าผลาญใครต่อใคร จนกลายเป็น มิคสัญญี ไปทั่วทุกพื้นที่ เว้นแต่เฉพาะ...“ครั้งนั้น-สัตว์เหล่านั้น มีบางพวก บางกลุ่ม ที่มีความคิดว่า เราอย่าฆ่าใครๆ และอย่าให้ใครๆ ฆ่าเรา อย่ากระนั้นเลย เราควรเข้าไปตามป่าหญ้า สุมทุมพุ่มไม้ ป่าดงพงชัฏ ระหว่างเกาะหรือซอกเขา ใช้เง่าไม้ผลไม้ป่ายังชีพเป็นอาหาร ครั้นเมื่อ 7 วัน (สัตถันดรกัป) ผ่านพ้นไปแล้ว เขาก็พากันออกมาจากสุมทุมพุ่มไม้ ป่าดงพงชัฏ ระหว่างเกาะและซอกเขา แล้วต่างร่าเริงยินดีที่รอดชีวิต ขับร้องอย่างดีใจเหลือเกิน และจักรำลึกความสิ้นญาติครั้งใหญ่ ว่าเป็นเพราะสมาทานในอกุศลธรรม อย่ากระนั้นเลย เราควรบำเพ็ญกุศลธรรม ละเว้นอกุศลกรรม เริ่มด้วยควรงดเว้นปาณาติบาตเป็นเบื้องแรก...”

คือถ้าหากมันยังไม่รู้สึก เข็ดฟัน มันก็คงยังไม่คิดจะ หมุนขึ้น นั่นแหละทั่น!!! ยังหมกมุ่น มัวเมาอยู่กับการเอาแพ้-เอาชนะยังสนุกสนาน เมามันซ์ซ์ซ์ อยู่กับการเป็น ติ่งโน้น-ติ่งนี้ ระดับเริ่มเห็นๆ ฝ่ายตรงข้าม มีลักษณะไม่ต่างไปจาก ก้อนเนื้อ หรือ มิคสัญญา ยิ่งเข้าไปทุกที เหมือนอย่างที่บรรดาพวก ด้อม ทั้งหลาย เขาแสดงออกถึงอารมณ์-ความรู้สึกไว้ในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอะไรต่อมิอะไรทำนองนั้น โอกาสที่จะไปชี้แนะ ชี้นำ ให้ลดๆ อาการโกรธ-เกลียด-เคียดแค้น-อาฆาต-พยาบาทและชิงชัง แทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย มีแต่ต้องรอให้แรงเหวี่ยง แรงสวิง มันไปของมันถึงขีดสุด ถึงอาจค่อยๆ เลื่อนไหลไปสู่การ หมุนขึ้น หรืออาจพอพูดจารู้เรื่องกันได้มั่ง

ด้วยเหตุนี้...การหันไปใช้ชีวิตอยู่ตามป่าหญ้า ตามสุมทุมพุ่มไม้ ป่าดงพงชัฏ ระหว่างเกาะและซอกเขา อาศัยผลไม้ป่ายังชีพ ฯลฯ ดังเช่นผู้คนบางกลุ่ม บางเหล่า ในยุค สัตถันดรกัป จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าดูหมิ่น ดูแคลน อะไรเอาเลยแม้แต่น้อย แต่อาจถือเป็นทางออก ทางไป หรือ ทางรอด ที่น่าคิด น่าสะกิดใจ เป็นอย่างยิ่ง ไม่ต่างไปจากการหันไปให้ความสำคัญกับความ เรียบๆ-ง่ายๆ ความ ปกติ ความมีศีล-มีธรรมเป็นตัวกำกับ ส่วนจะ ปลีกวิเวก ไปตามช่อง ตามทางของใคร-ของมันก็แล้วแต่จะว่ากันไป เพราะโดยความเป็นไปของโลก มันชักเป็นอะไรที่เกินไปกว่า ความพยายามของมนุษย์ ที่จะแก้ไขเยียวยาได้อีกต่อไปแล้ว มีแต่ต้องหันไปอาศัย กฎเหล็กแห่งธรรมชาติ ที่ถึงแม้จะพร้อมยอมมอบ เสรีภาพ ให้มวลมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม ในอันที่จะทำดีก็ได้-ทำชั่วก็ได้ เพียงแต่เขาเหล่านั้น...ย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้องรับ ผลแห่งการกระทำ นั้นๆ โดยไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่อณูเดียว!!!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้

เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ

เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!

เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม

จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!

ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก

ไม่สนใจใครจะต่อว่า เสียงนกเสียงกา...ข้าไม่สนใจ

ถ้าหากเราจะบอกว่านายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเสียงตำหนิ มีการนำเอาการพูดและการกระทำที่ไม่ถูกไม่ต้อง ไม่เหมาะไม่ควร

จาก 'น้ำตา' ถึง 'รอยยิ้ม' พระราชินี

ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา...ได้อ่านข่าวพระราชาและพระราชินีสเปน เสด็จฯ ทรงเยี่ยมเยียนผู้คนที่ประสบภัยน้ำท่วมในเมืองปอร์ตา แคว้นบาเลนเซีย