ที่ถามไม่ตอบ...ที่ตอบก็ไม่ใช่

ได้เห็นการโพสต์เป็น Banner บ้าง เป็น Infographic บ้างว่าเงินดิจิทัลแจกไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย แต่พรรคเพื่อไทยก็ยืนกรานว่าแจกได้ ไม่ผิดกฎหมาย ตกลงมันอย่างไรกันแน่ ใครควรจะเป็นผู้ตอบคำถามนี้ให้ประชาชนรู้ความจริงว่า เรื่องนี้มันยังไงกันแน่ พรรคเพื่อไทยไม่เพียงแต่บอกว่าแจกได้ไม่ผิดกฎหมาย ยังพูดย้ำชัดเจนว่า พวกเขา เดินมาถูกทางแล้ว ตอนนี้มีการรวบรวมรายชื่อให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาส่งเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ กางข้อกฎหมายคลัง และเห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 140 ประชาชนถามแล้ว เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องตอบแล้วนะ พรรคเพื่อไทยก็ต้องตอบให้ชัดๆ เช่นกัน แล้วประชาชนก็ต้องใช้วิจารณญาณในการตัดสินว่าจะเชื่อใครระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำหน้าที่กำกับการเงินการคลังของประเทศ หรือนักการเมือง

นักวิชาด้านเศรษฐศาสตร์ ทั้งอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งอดีตคณบดีและคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ในปัจจุบัน คณาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่างๆ ของรัฐที่เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลัง มากกว่าร้อยคนร่วมกันลงชื่อ แสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทแบบเหวี่ยงแหให้คนไทยที่อายุ 16 ปีขึ้นไป เสนอแนะนายกรัฐมนตรีให้ยกเลิกนโยบายดังกล่าว เพราะเป็นนโยบายที่ได้ไม่คุ้มเสีย ด้วยเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์ มีคำถามมากมายที่พรรคเพื่อไทยต้องตอบ เช่น ทำไมต้องแจกหมดทุกคนที่อายุเกิน 16 ปี ทำไมไม่แจกเฉพาะคนที่สมควรได้รับความช่วยเหลือ ทำไมต้องเป็นเงินดิจิทัล ทำไมไม่แจกเป็นเงินสด ทำไมไม่แจกเข้า app ที่มีอยู่แล้ว ทำไมต้องให้ใช้ในเวลา 6 เดือน ทำไมต้องจำกัดการใช้ในพื้นที่ 4 กิโลเมตร และที่สำคัญคือ ทำไมไม่ฟังคำเตือนของผู้ที่มีความรู้ทางด้านการเงินการคลัง หรือว่าคนของพรรคเพื่อไทยเก่งกว่านักวิชาการและผู้รู้ทั้งหลายที่ทำงานด้านการรักษาเสถียรภาพการเงินการคลังของประเทศ

นอกจากด้านการเงินการคลังที่จะมีผลกระทบกับเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจของประเทศแล้ว ทางด้านกฎหมายก็มีนักวิชาการด้านกฎหมาย อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ให้ความเห็นว่านโยบายนี้เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญตามมาตรา 140 กล่าวคือ "เงินแผ่นดิน" คือ เงินที่ประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของโดยส่วนรวม ฉะนั้น รัฐธรรมนูญทุกฉบับจึงต้องบัญญัติ "หลักเฉพาะ” ไว้ว่า จะนำเงินแผ่นดินไปจ่ายได้ ต้องมีกฎหมายอนุญาตไว้เป็นการเฉพาะเจาะจง ที่สำคัญคือ กฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรตามระบอบประชาธิปไตย เรื่องนี้ก็ต้องถามไปที่พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายว่า ถ้าหากพรรคเพื่อไทยเอาเรื่องนี้เข้าไปขอความเห็นในสภา พวกท่านก็จะเอากับเขาด้วยหรือ ตอบให้ประชาชนได้รับรู้จุดยืนของพวกท่านหน่อยได้ไหม

การที่พรรคเพื่อไทยบอกว่าการแจกเงินดิจิทัลครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการจ่ายเงินแผ่นดิน แต่เป็นการแจก "เงินดิจิทัล" แบบนี้อาจจะไม่ใช่ Fake News แต่อาจจะเป็น Fake Law แบบศรีธนญชัยหรือเปล่า เมื่อมีการถามว่าจะเอาเงินมากถึง 560,000 ล้านมาจากไหน ก็ตอบไม่ชัด ในที่สุดก็แบไต๋ออกมาว่าจะต้องขอยืมเงินจากรัฐวิสาหกิจ ที่อาจจะเป็นธนาคารออมสิน จะกู้หรือจะยืม มันก็คือหนี้ แล้วก็ต้องตั้งงบประมาณแผ่นดินมาใช้หนี้ใช่ไหมล่ะ มันก็หนีไม่พ้นทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยต้องใช้งบประมาณแผ่นดินที่เป็นเงินของประชาชน จะเป็นรายจ่ายที่ไม่อาจตัดได้ ก็จะเป็นผลให้งบประมาณรายจ่ายของแต่ละปีมีวงเงินงบประมาณเพิ่มมากขึ้น ขาดดุลงบประมาณมากขึ้น เพราะต้องกู้เพื่อการนี้มากขึ้น

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วการแจก "เงินดิจิทัล" จึงเป็นการขัดต่อวินัยทางเศรษฐศาสตร์การเงินและการคลัง ตามความเห็นของนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ และขัดต่อรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 มาตรา 140 การแจก "เงินดิจิทัล" จึงน่าจะเป็น "โมฆะ" นักเศรษฐศาสตร์เขาชี้แจงผลกระทบเชิงลบแล้ว นักกฎหมายเขาชี้ว่าขัดรัฐธรรมนูญแล้ว พรรคเพื่อไทยจะออกมาชี้แจงให้ประชาชนยอมรับหน่อยไม่ได้เหรอ ตอบประชาชนมาหน่อยเถอะว่าผลลบทางด้านเศรษฐศาสตร์มันจะไม่เป็นอย่างที่นักวิชาการทางด้านเศรษฐศาสตร์เขาบอก ต้องตอบด้วยข้อความที่มีตรรกะเป็นเหตุเป็นผล ไม่ตะแบงด้วยตรรกะที่บิดเบี้ยวนะ แล้วนักกฎหมายเก่งๆ ที่มีอยู่หลายคนในพรรคก็ออกมาชี้แจงเรื่องกฎหมายหน่อยก็ดีนะ แย้งด้วยเหตุด้วยผลชัดๆ ให้ประชาชนยอมรับคำชี้แจงให้ได้หน่อยเถอะ

นักเศรษฐศาสตร์ที่ลงชื่อคัดค้านนโยบายนี้ ต่างก็บอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวไปได้ดี ไม่จำเป็นต้องกระตุ้น แต่ควรรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท อัตราเงินเฟ้อ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ และระดับหนี้สาธารณะมากกว่า และพวกเขาเชื่อว่าโครงการเงินดิจิทัลไม่ได้ช่วยให้มีการใช้จ่ายแบบทวีคูณเป็น 4-6 เท่าอย่างที่พรรคเพื่อไทยกล่าวอ้าง จริงๆ แล้วอย่าว่าแต่ 4-6 รอบเลย รอบเดียวก็ไม่ได้ จะได้แค่ 0.4 รอบเท่านั้น ทั้งนี้เพราะคนจำนวนมากที่ได้รับแจกนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินที่ได้รับแจกจากโครงการนี้ไปจับจ่ายใช้สอย และในขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่เชื่อว่าการแจกเงินดิจิทัลจะทำให้เกิดการพัฒนาประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัลมากไปกว่าโครงการต่างๆ ที่ลุงตู่ทำมาก่อนหน้านี้แล้ว การแจกเงินดิจิทัลตามที่พรรคเพื่อไทยออกแบบวิธีการใช้ไว้นั้น น่าจะผิดกฎหมายเงินตรา และพระราชกำหนดดิจิทัล

พรรคเพื่อไทยควรจะออกมาตอบคำถามที่ว่า “แนวทางการออกเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทยจะตรงกับกฎหมายข้อใด” และตอบให้ชัดๆ ว่าทำไมไม่แจกเป็นเงินสด ทำไมต้องเป็น Digital Token มีใครได้ประโยชน์ตรงนี้หรือเปล่า ทำไมต้องไปเอาเงินสดมาแปลงเป็น Digital Token และการแปลงเงินสดเป็น Token นี้จะทำกับบริษัทเอกชนใช่หรือไม่ แล้วจะเป็นเอกชนรายใด กำหนดมาตรการในการคัดเลือกบริษัทเอกชนแล้วหรือยัง จะทำอย่างไรให้ประชาชนมั่นใจความโปร่งใส ไม่มีใครในรัฐบาลได้รับผลประโยชน์ทับซ้อน

ในขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลต้องพัฒนาระบบขึ้นมารองรับการแจกและการจับจ่าย Digital Token นี้ ใช่หรือไม่ ใช้เงินเป็นจำนวนเท่าไหร่ มันมีความจำเป็นต้องทำจริงๆ หรือ เมื่อนำเอาค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบมารวมกับเงินที่จะแจก 560,000 ล้านนั้น มันจะไม่ปาเข้าไปเป็น 700,000-800,000 ล้านหรือ ออกมาตอบเรื่องพวกนี้ชัดๆ หน่อยเถอะ มีคำถามมากมายที่พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ตอบให้ชัด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สับสนอลหม่าน แพทองธาร...พาลแพแตก

เราเคยทำนายไว้ว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีที่ชื่อเศรษฐาพ้นจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และได้แพทองธารมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31

โลกแห่งความเป็นจริงที่กำลังถูกกลืนกิน

ด้วยความก้าวหน้า-ก้าวไกลของเทคโนโลยีข้อมูล-ข่าวสาร ที่เตลิดเปิดเปิงไปถึงระดับ 5G-6G และไม่รู้จะอีกกี่ G ภายในอนาคตอันใกล้ แถมยังมีตัวเร่ง ตัวกระตุ้น

เก้าอี้ 'ผบ.ตร.' ชัด

อุ๊ย....อุ๊ย แม้ บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.จะปฏิเสธเสียงแข็งการเข้าพบ นายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เกี่ยวกับการทาบทาม

เลือกผู้แทนกันยังไง...เมืองไทยจึงเป็นเช่นนี้

หลังจากรู้ผลการเลือกตั้งในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 บ้านเมืองไทยก็ดูพิกลพิการ อยู่ในสภาพที่ไม่อาจจะเดินหน้าเพื่อการพัฒนาที่จะสร้างความเจริญก้าวหน้า

ว่าด้วยการ'ฟันธง'ของนักวิเคราะห์ทั้งหลาย

ถึงเคยคลุกคลีอยู่กับการ วิเคราะห์ การบ้าน-การเมือง มาร่วมกว่าๆ 2 ทศวรรษเห็นจะได้ แต่ด้วยอายุปูนนี้และด้วยสภาพแวดล้อมที่ทำให้ตัวเองใกล้ๆ