นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ยืนยันว่ายังไง ๆ ก็จะไม่เลิกนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิตัลวอลเล็ตไม่ว่านักวิชาการกี่คนจะออกมาคัดค้านก็ตาม
เพราะคุณเศรษฐาบอกว่าประชาชนหลายสิบล้านต้องการเงินแจก
“ประชาชนหลายพื้นที่แสดงเจตจำนงว่าอยากได้มาก”
ยืนยันว่าตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกฯ รัฐบาลและคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้รับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะ ข้อแนะนำทั้งหลายจากทุกหน่วยงาน รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย”
สำหรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้น ท่านบอกว่า
"เราน้อมรับไปพิจารณา เพื่อปรับปรุงแต่งเติมให้ทุกอย่างดูดีขึ้น แต่ไม่มีการยกเลิก”
และย้ำว่าไม่ใช่โครงการหาเสียง ไม่ใช่โครงการที่มาโปรยเงินให้ประชาชนเลือกตั้งให้เรากลับมาใหม่
“แต่เป็นโครงการที่เราตระหนักดีถึงความจำเป็นและความต้องการของประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม”
คุณเศรษฐาบอกว่าเรื่องการลดค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ประชาชนจะมีขวัญและกำลังใจทำมาหากิน
“เราได้ลดค่าไฟฟ้า ค่าพลังงานเชื้อเพลิงแล้ว และอาทิตย์ที่ผ่านมาก็มีการพักหนี้เกษตรกรแล้ว”
และบอกอีกว่าการที่ประชาชนมีรายจ่ายเยอะ มีภาระเยอะ จะไม่มีขวัญกำลังใจทำมาหากิน
ดังนั้นการลดค่าใช้จ่ายของเราก็เพื่อให้ประชาชนมีขวัญกำลังใจทำมาหากิน
“แต่ก็มีปัญหาอีกเมื่อมีขวัญกำลังใจแล้วเอาเงินทุนจากที่ไหน คนต่างจังหวัดไม่ได้มีเงินเยอะเหมือนคนที่อยู่บนฐานบนของสังคม ความเหลื่อมล้ำมีเยอะมากในสังคมไทย”
คุณเศรษฐาบอกด้วยว่างบประมาณ 5 แสนกว่าล้านสำหรับโครงการนี้ไม่ได้ทำทุกปี
“ขอทำความเข้าใจว่าทำแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่ตั้งใจเอามาเพื่อซื้อเสียง เราทำออกมาเพื่อให้โดนใจประชาชนและมีเงินทุนในการประกอบอาชีพอย่างมีเกียรติมีศักศรี”
พอถามย้ำเรื่องความเห็นค้านของคณะนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ 99 คนที่ออกมาให้เหตุผล 7 ข้อที่สรุปว่า “ได้ไม่คุ้มเสีย” นายกฯเศรษฐาก็ตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างหงุดหงิดว่า
“นักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์เยอะ ผมน้อมรับ แต่ท่านก็เป็นแค่หนึ่งเสียง พี่น้องประชาชนมีอีกหลายสิบล้านเสียงที่ต้องการเงินดิจิทัล...”
แต่ก็ยอมรับว่าน้อมรับฟังและนำไปปรับปรุงเพื่อให้ประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เสียภาษี ฝ่ายประชาชนที่มีความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจอย่างมากที่หมักหมมมานาน
คุณเศรษฐาบอกว่าเมื่อเดินหน้าโครงการนี้แล้ว ไม่เพียงแต่ประชาชนที่จะได้ประโยชน์ แต่ภาคอุตสาหกรรมก็จะได้
“สื่อลองคิดดูวันที่ดิจิทัลวอลเล็ตไปสู่กระเป่าเงินประชาชนทุกคนประมาณ 5 แสนกว่าล้านบาท ถ้าเป็นภาคอุตสาหกรรมจะผลิตสินค้ามารองรับหรือไม่ ก็จะมีการซื้อวัตถุดิบมีการจ้างงาน ห้างร้านก็จะมีกำไร มีการจ่ายภาษีเกิดขึ้น รัฐบาลไม่ใช่จ่ายอย่างเดียวเราก็มีรายรับกลับมา”
มีหลายประเด็นที่ควรจะต้องแย้งนายกฯ เพราะท่านสรุปแต่เพียงด้านบวกของโครงการนี้
แต่ไม่ตอบข้อสงสัยและความเห็นแย้งเป็นข้อ ๆ
ตัวอย่างท่านบอกว่าถามชาวบ้าน ๆ ส่วนใหญ่ก็บอกว่าอยากได้เงิน 10,000 บาท
พูดอย่างนี้ไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลต้องทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อ “ปั๊มหัวใจ” เศรษฐกิจ
เพราะงบประมาณมีจำกัด ต้องบริหารให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด และต้องประเมิน “ความคุ้มค่า” ของการใช้จ่ายในโครงกาต่าง ๆ
การบอกว่าชาวบ้านหลายสิบล้านคนกำลังรอเงินแจกก้อนนี้อยู่นั้นเป็นการพูดแบบ “กำปั้นทุบดิน”
เพราะถามใครใครก็อยากได้เงิน แต่เรามีรัฐบาลก็เพื่อบริหาร “ความอยากได้” ของคนให้ได้ประโยชน์สูงสุดภายใต้ภาษีที่เก็บได้ที่มีจำกัด
เพราะถ้ารัฐบาลถามประชาชนว่าถ้าแจก 20,000 บาทเอาไหม, คำตอบก็จะบอกว่า “เอา! เอา!” แน่นอน
แต่รัฐบาลไม่มีหน้าที่ทำตาม “ความอยากได้” ของประชาชน
ต้องบริหารให้ทุกคนได้ในสิ่งที่ควรจะได้ ภายใต้เงื่อนไขที่จำกัดในหลาย ๆ ด้าน
นายกฯบอกว่าแจกเงินก้อนนี้ครั้งเดียวเท่านั้น
แต่ขณะเดียวกันก็บอกว่าพอแจกปั๊บ อุตสาหกรรมก็จะเพิ่มการผลิต, สั่งซื้อวัตถุดิบ, จ้างคนงานเพิ่มทันที
ความเป็นจริงก็คือนักธุรกิจเขาไม่ได้เชื่ออะไรง่าย ๆ อย่างนั้น
พอบอกว่าเงินก้อนนี้จะจ่ายครั้งเดียว และมีระยะเวลาแค่ 6 เดือน ก็คงไม่มีเจ้าของโรงงานไหนที่จะรีบไปซื้อวัตถุดิบเพื่อเพิ่มการผลิต
คงไม่มีโรงงานไหนจ้างคนงานเพิ่ม...เพราะรู้ว่าเงินก้อนนี้กระตุ้นแค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น
จะซื้อวัตถุดิบเพิ่มหรือจ้างคนเพิ่มเพื่ออะไร?
เผลอ ๆ เขาก็เอาของค้างสต๊อกที่ขายไม่ออกเพราะเศรษฐกิจแย่ออกมาขายเท่านั้นเอง
ไม่มีเพิ่มการผลิต, ไม่ได้ทำให้ต้องซื้อวัตถุดิบเพิ่ม, ยิ่งเรื่องจ้างงานใหม่ก็ลืมไปได้
เพราะรัฐบาลคุณเศรษฐากำลังจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทในสิ้นปีนี้
เจ้าของโรงงานก็ต้องคิดหนักเรื่องจ้างคนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเรื่อง
ยิ่งนายกฯบอกว่าเงินแจกก้อนนี้จะเป็นช่วยเราลงทุน, ทำมาหากินอย่างมีขวัญกำลังใจก็ยิ่งแปลก
เพราะท่านบอกให้เราเอาไปซื้อของให้หมดใน 6 เดือน
ท่านต้องการจะกระตุ้นการใช้จ่าย แล้วจะให้เหลือมา “ลงทุน” ทำมาหากินอะไรได้?
ลองจินตนาการว่าเราได้เงินแจกจากรัฐบาลมา 10,000 บาท
ซึ่งเป็นเงินดิจิตัลที่ต้องใช้ให้หมดใน 6 เดือนและต้องใช้ภายในระยะ 4 กิโลเมตรจากบ้านในทำเบียนบ้าน
(เอาไว้ท่านตกลงกันก่อนว่าจะเปลี่ยนเป็นทั้งอำเภอหรือจังหวัดค่อยมาคุยกันใหม่)
พอได้เงินมาแล้ว เราก็คงจะต้องรีบหาที่ใช้เงินตามจุดประสงค์ของท่าน
เพราะท่านต้องการจะกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ตัวเลข GDP โตให้ได้ 5% โดยเฉลี่ยใน 4 ปีนี้
แน่นอนว่าพอฉีดเงินก้อนใหญ่อย่างนี้เข้าไปในระบบ ตัวเลข GDP ระยะสั้นก็จะโตขึ้นทันตาเห็น
ขอเน้นว่า “ระยะสั้น”
รัฐบาลวาดภาพว่าพอคนได้เงินก็รีบใช้จ่าย พอใช้จ่ายธุรกิจก็เริ่มเพิ่มการผลิต เริ่มจ้างงาน เริ่มซื้อวัตถุดิบ เศรษฐกิจก็คึกคัก
เกิดปรากฏการณ์ “พายุหมุน”
ทุกคนก็น่าจะต้องยินดีปรีดา มีความรักใคร่รัฐบาลมากขึ้นทันที
แต่อย่าเพิ่งถามให้เสียอารมณ์ตอนนี้ว่า “ท่านจะเอาเงินมาจากไหน”
เอาเฉพาะประเด็นว่า “พายุจะหมุน” จริงหรือเปล่าก่อน
เมื่อมีคนซื้อของมากขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ทุกคนรู้ว่า “เทศกาล” นี้จะยาวแค่ 6 เดือน ทุกอย่างก็จะคิดในกรอบแค่ระยะสั้นเฉพาะหน้า
หลังจาก 6 เดือนเป็นอย่างไรค่อยว่ากันใช่ไหม?
รัฐบาลบอกว่าคนที่วิจารณ์ไม่เข้าใจ
รัฐบาลเตรียมมาตรการเสริมอยู่แล้ว ก่อนจะพ้น 6 เดือนก็จะมีการมาตรการสร้างงาน, เพิ่มรายได้, และสร้างความแข็งแกร่งให้กับประชาชน
มาตรการเหล่านั้นคืออะไร, อยู่ที่ไหน, ใครเป็นคนทำ, มีรายละเอียดอย่างไร?
รัฐบาลบอกตอนนี้ยังไม่บอก กำลังทำรายละเอียด พร้อมเมื่อไหร่จะบอก!
นี่ไงครับที่ทำให้ผู้คนตะโกนถามดัง ๆ มาตลอดว่า
“ท่านครับ ประชาชนมีคำถามครับ”
ที่ผ่านมา รัฐบาลก็จะตะโกนกลับมาว่า
“ใจเย็น ๆ...เดี๋ยวจะตอบ”
งั้นจะโทษว่าคนตั้งคำถามไม่ได้
ต้องถามว่าทำไมจึงไม่ได้เตรียมคำตอบไว้ก่อนจะให้ “พายุหมุน”?
เพราะถ้าผิดจากเป้า มันอาจจะกลายเป็น “ลมบ้าหมู” ที่ทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้าก็ได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ