บันทึกหน้า 4

กระทรวงการต่างประเทศรายงาน สถานการณ์ความรุนแรงในอิสราเอล มีแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบตามที่สถานทูตกับฝ่ายแรงงานประจำสถานทูตประสานงานกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 คน รอการช่วยเหลือจากกองทัพ 3 คน เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลโซโลกา (soroka) 5 คน เสียชีวิต 1 คน และถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน ซึ่งสถานทูตพยายามติดต่อกับอิสราเอลเพื่อยืนยันข้อมูล แต่ฝ่ายอิสราเอลยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ จึงไม่สามารถยืนยันข้อมูลใดๆ อย่างเป็นทางการได้

ใครที่เคยสงสัยว่ากองทัพซื้อเครื่องบินทำไม จะได้คำตอบในเร็วๆ นี้ "พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล" ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) แจ้งว่า กองทัพอากาศได้จัดเตรียมความพร้อมเครื่องบินโดยสารพิสัยไกลแบบ Airbus A340 และเครื่องบินลำเลียงแบบ C-130 เพื่ออพยพคนไทยออกจากประเทศอิสราเอล รอเพียงรัฐบาลสั่งการมาเท่านั้น ส่วนแผนการจะลงจอดสนามบินใดของประเทศอิสราเอล ทางกองทัพอากาศจะประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อลงจอดยังสนามบินที่มีความปลอดภัยและตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้วางแผนไว้

เครื่องบินแบบ Airbus A340-500 และเครื่องบินแบบ​ C-130 ซึ่งเคยใช้ในการอพยพคนไทยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศตุรกีและเหตุการณ์ความไม่สงบในสาธารณรัฐซูดาน​มาแล้ว สำหรับการเดินทางไปยังประเทศอิสราเอลนั้น จะต้องผ่านน่านฟ้าถึง 9 ประเทศ โดยใช้เวลาการเดินทาง 8 ชั่วโมงครึ่งถึง 9 ชั่วโมง และจะต้องประสานไปยังประเทศปลายทางว่าได้เปิดน่านฟ้าให้ทางเครื่องได้ลงหรือไม่ หากไม่เปิดจะต้องไปลงที่ประเทศใกล้เคียงก่อนที่จะอพยพคนไทยกลับมา ก็รับทราบโดยทั่วกัน กองทัพเขาพร้อมทำหน้าที่แล้ว

ส่วนรัฐบาลโดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรี ก็พร้อมสั่งตลอด 24 ชั่วโมง แค่รอความชัดเจนจากอิสราเอล อนุญาตเมื่อไหร่ก็บินเมื่อนั้น งานนี้คนไทยต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่แบ่งพวกแบ่งข้าง ส่งกำลังใจไปยังพี่น้องผู้ใช้แรงงานในอิสราเอลที่ได้รับผลกระทบ ให้ทุกคนที่เหลือปลอดภัยกลับสู่มาตุภูมิอย่างราบรื่น ...๐

ว.5 ทราบแล้วเปลี่ยน...เริ่มจะเห็นอนาคตรำไรว่า นโยบายแจกเงินดิจิทัลหัวละ 1 หมื่นบาท ใช้งบประมาณแผ่นดิน 5.6 แสนล้านบาทของรัฐบาลเศรษฐา-เศรษฐีนั้น จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศซ้ำรอยโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หลักแสนล้านบาทเช่นกัน

มีคำเตือนมากมายแต่รัฐบาลเมินเฉย เดินหน้านโยบายประชานิยมนี้ให้ได้ ตัวนายกรัฐมนตรีเล่นบทซื่อตาใส รับฟังทุกข้อท้วงติง แต่เบื้่องลึกฟังหูซ้ายทะลุหูขวา แถมยังใช้ประชาชนเป็นเกราะกำบังตัวเอง ดังคำให้สัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาที่ร้อยเอ็ดว่า....

"....นักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์เยอะ ผมน้อมรับ แต่ท่านก็เป็นแค่หนึ่งเสียง พี่น้องประชาชนมีอีกหลายสิบล้านเสียงที่ต้องการเงินดิจิทัล เราน้อมรับฟังและนำไปปรับปรุงเพื่อให้ประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เสียภาษี ฝ่ายประชาชนที่มีความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจอย่างมากที่หมักหมมมานาน ผมขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลนี้จะไม่ลุด้วยอำนาจ และจะฟังความคิดเห็น แต่เหนือสิ่งอื่นใดความลำบากของประชาชน การที่ประชาชนขาดเงินทุนที่จะไปดำรงชีพเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญที่สุด ยืนยันจะไม่มียกเลิกเงินดิจิทัล...”

ในความหมายคือ นักวิชาการแค่ไม่กี่เสียงอย่าจุ้น เพราะประชาชนหลายสิบล้านเสียงต้องการเงิน 1 หมื่นบาท การแสดงทัศนะเช่นนี้ของนายกรัฐมนตรี สะท้อนให้เห็นถึงภาวะผู้นำประเทศว่าต่ำเตี้ยเสียเหลือเกิน การใช้ประชาชนเป็นตัวประกันเช่นนี้ ในทางการเมืองควรจะเลิกได้แล้ว เพราะเสียงเตือนเรื่องแจกเงินดิจิทัลไม่ได้มาจากโมหะ หรือความเกลียดชังใดๆ แต่มาจากหลักวิชาการที่รัฐบาลต้องฟัง

"สมชัย จิตสุชน" นักวิชาการจากทีดีอาร์ไอ เตือนซ้ำแล้วซ้ำอีก ล่าสุดเตือนอีกครั้งว่า หนึ่งใน ‘ข้อดี’ ของโครงการแจกเงินดิจิทัลที่รัฐบาลพยายามพร่ำบอกและโน้มน้าวให้คนเชื่อและสนับสนุนนโยบายนี้คือ ‘เงินจะหมุนได้หลายรอบ ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นหลายเท่าของเงินที่แจกไป’ โดยบางกระแสบอกว่าจะสูงถึง 4-6 เท่า

ผลการวิจัยของ ธปท. ที่ทำไว้หลายปีแล้ว (จึงไม่ควรโยงว่าเพื่อดิสเครดิตโครงการนี้) ว่าเงินโอนจะมีค่าตัวคูณทางการคลังเพียง 0.4 ไม่ใช่ 4-6 เท่าแต่อย่างใด แจกเงิน 100 บาทเศรษฐกิจโตแค่ 40 บาท คือหมุนไม่ถึงครึ่งรอบด้วยซ้ำ พูดง่ายๆ คือ ‘ได้ไม่เท่าเสีย’ แบบตรงไปตรงมา ยังไม่ต้องพูดถึง ‘ค่าเสียโอกาส’ ที่โครงการดีๆ จะถูกเบียดบังออกไปจากโครงการนี้ ...๐

 

นายชื่น ประชา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ดันทุรังต่อ! เคาะรับ "ฮั้วเลือก สว." คดีพิเศษ ฐานฟอกเงิน หลังถกรอบแรกสะดุดจากคำเตือนของคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจทำคดีนี้ ขืนลงมติอาจเจอมาตรา 157 เล่นเอากรรมการคคีพิเศษหลายคนสะดุ้ง ก่อนหาทางลงมาออกช่องนี้แทน ทั้งที่ฐานความผิดที่มุ่งประสงค์จะต้องให้บอร์ด

บันทึกหน้า 4

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ “นายกรัฐมนตรี” จากตระกูลเดียวกันหรือไม่ เลยทำให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” และ “แพทองธาร ชินวัตร” จึง มักมีอะไรแปลกๆ ในเรื่องคำพูดคำจาอยู่เสมอๆ โดยนายกฯ คนที่ 28 นั้นก็มักถูกนำมาล้อเลียนว่าด้วยการพูดผิดๆ

บันทึกหน้า 4

วันที่ 5 มีนาคม 2568 สัปดาห์ที่มีกิจกรรมไฮไลต์ในแวดวงการบินระดับนานาชาติ…แจ้งหมายกำหนดการวันที่ 7 มีนาคมนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการแสดงบินเนื่องในโอกาส “ครบรอบ 88 ปี กองทัพอากาศ

บันทึกหน้า 4

“อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ที่ไทย 3-8 มี.ค. เพราะบินไปปฏิบัติภารกิจที่เยอรมนี ส่งเสริมการขายการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเวทีใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนช่วงไม่อยู่ มี “ภูมิธรรม

บันทึกหน้า 4

บันทึกเริ่มต้นวันนี้ ต้องจับตาดู สภาความมั่นคงแห่งชาติ นัดแนะประชุมร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องปัญหาการ "ตัดไฟฟ้า" พื้นที่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ที่ต้องสงสัยว่าอาจเป็นฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ...เรียกว่ามาช้าดีกว่าไม่มา!!กระมัง

บันทึกหน้า 4

เปิดฉากยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล "แพทองธาร ชินวัตร" จัดหนักจัดเต็มรุมถล่มแค่นายกฯ อิ๊งค์คนเดียว "....ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์เอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบสังคม