โผ 'นายพล' ขยับ

ความสำคัญกับสถานีตำรวจ การสั่งช่วยราชการต้องมีความจำเป็นและเกิดประโยชน์ต่อทางราชการ 3. “สวัสดิการตำรวจ” ลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ตำรวจจบใหม่และตำรวจชั้นผู้น้อย ให้ผู้กำกับการหรือหัวหน้าสถานีตรวจสอบผู้หมดสิทธิ์พักอาศัยในอาคารบ้านพักอิสระและยังไม่ย้ายออก และให้รายงานภายใน 30 วัน  4. “ความเป็นธรรม ความสามัคคี" และ 5. "สร้างช่องทางการสื่อสารในองค์กร” สร้างระบบการสื่อสาร 2 Ways Communication ทั้งแบบ Online และ Offline ให้ข้าราชการตำรวจซึ่งอาจได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม แจ้งผ่านแอปพลิเคชันแทนใจ มีทีมงานของ ผบ.ตร.รับเรื่อง หรือร้องเรียนทางตู้ ปณ.191 รองเมือง 10330

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งขวัญกำลังใจ "ตำรวจ" การแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2566 ที่ระดับ "นายพล" ถูกขยับ ถูกเลื่อนมา 2 เดือน แว่วๆ ว่า "ผบ.ต่อ" ส่งสัญญาณให้จัดทำบัญชีผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น เพื่อแต่งตั้ง "นายพล" ล็อตแรก ระดับ รอง ผบ.ตร.และ จตร.-ผบช. วาระประจำปีแล้ว ระดับ ผบช.ขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. และผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้น รอง ผบ.ตร. อาจไม่ได้ถูกโฟกัสมาก เพราะตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ที่ใช้ในปัจจุบัน กำหนดให้ขึ้นเรียงตามลำดับอาวุโส สปอตไลต์เลยสาดส่องไปที่เก้าอี้ รอง ผบช.ขึ้น ผบช. ยึดอาวุโส 50% ความรู้ความสามารถ 50% ชั่วโมงนี้ฝุ่นเลยตลบ ยิ่งบัญชีแต่งตั้งยุค "ผบ.เด่น" ที่เคยทำเอาไว้แพลมๆ ออกมา ใครไม่มีชื่อ ใครไม่ได้ตำแหน่งที่ถูกใจก็ต้องขยับกันเพิ่มขึ้น ส่วนคนที่มีชื่ออยู่แล้วก็นิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไปอะไรก็ย่อมเปลี่ยนตาม โดยเฉพาะ "แต่งตั้งตำรวจ" ขนาด "ผบ.ต่อ" สะบัดปากกาให้ บิ๊กไก่-พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รอง ผบช.ก. ไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รอง ผบช.สกพ. และ บิ๊กโต้ง-พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.น. ไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รอง ผบช.สงป. ก็ถูกลือว่าไปจองขึ้นเก้าอี้ "กำลังพล" และ "งบประมาณ" ทั้งที่ทั้งคู่เป็น รอง ผบช.สายงานปราบปราม ต้องขึ้น บช.เกี่ยวกับปราบปราม จะไปขึ้น บช.เกี่ยวกับงานอำนวยการไม่ได้ เพราะ พ.ร.บ.ตำรวจใหม่กำหนดชัด

ได้รายชื่อเรียบร้อย คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) หลัง "วรพจน์ วิศรุตพิชญ์" ประธานศาลปกครองสูงสุด ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือก ก.พ.ค.ตร. ได้ลงนามประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการ ก.พ.ค.ตร.จำนวน 7 ราย ประกอบด้วย 1.นายธวัชชัย ไทยเขียว อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม 2.พล.ต.ท.ปัญญา เอ่งฉ้วน อดีต ผบช.กมค. 3.พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์ อดีต ผบช.สง.ก.ตร. 4.นายวันชาติ สันติกุญชร อดีตอธิบดีคณะกรรมการ กอ. 5.พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีต ผบ.ตร. 6.พล.ต.อ.อำนาจ อันอาตม์งาม อดีตที่ปรึกษา ตร. และ 7.นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ อดีตตุลาการศาลปกครองสูงสุด ซึ่งตามขั้นตอนทั้ง 7 ราย จะประชุมเลือกกันเองว่าใครจะได้เป็นประธาน กรรมการ และเลขานุการ โดย บิ๊กเอก-พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ มั่นใจว่า 7 อรหันต์ ก.พ.ค.ตร.ชุดนี้ จะทำหน้าที่ให้ความเป็นธรรมแก่ตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้ง หรือการเรียงลำดับอาวุโสได้อย่างดีที่สุด ตามสโลแกนที่ "บิ๊กเอก" ประกาศไว้ "กู้คืนศักดิ์ศรีตำรวจดีของประชาชน"

อีกหนึ่งข่าวดีที่ต้องแจ้งให้ "ตำรวจ" ทั่วประเทศรับทราบ ครม.ที่มีนายกฯ เศรษฐานั่งหัวโต๊ะเมื่ออังคารที่ผ่านมา อนุมัติหลักการให้ ตร. 2 โครงการใหญ่ คือ โครงการเช่ารถยนต์พร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน) เพื่อใช้ในภารกิจงานสืบสวนสะกดรอยติดตามจับกุมคนร้ายของข้าราชการตำรวจฝ่ายสืบสวนในสถานีตำรวจ 890 คัน วงเงิน 1,010,755,200 บาท และโครงการรถจักรยานยนต์งานสายตรวจ พร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน) ให้แก่ข้าราชการตำรวจงานสายตรวจในสถานีตำรวจทั่วประเทศ 14,442 คัน วงเงิน 1,845,687,600 บาท

การแถลงนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ 2567 ของ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่หอประชุมกองทัพเรือเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บางช่วงอึมครึม บางช่วงเรียกเสียงฮือฮา เพราะหลายประโยคซัดตรง พลเรือเอกแถวหนึ่ง แถวสอง จนเลือดซิบ โดยเฉพาะเรื่องการโยกย้ายที่จัดหนักคนวิ่งเต้น อ้างคอนเนกชัน คนที่เรียนดีแต่ขี้โกง ผู้บังคับบัญชาที่ไม่มีองค์ความรู้ ไม่กล้าตัดสินใจ ลังเล ทิ้งท้ายด้วยการส่งสัญญาณเตือนให้ตั้งใจทำงานในช่วง 1 ปี เพื่อเพิ่มคะแนนประเมิน “คนดี-คนเก่ง” ที่จะได้รับการโปรโมตขึ้นตำแหน่งสำคัญ พร้อมประกาศว่าปีนี้จะมีการฝึกกองทัพเรืออย่างจริงจัง โดยการยึดหลักว่าการตัดสินใจในเรื่องใด “นายพล” ต้องเข้าไปร่วมด้วย สอดรับกับยุทธศาตร์ที่มีการปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาค ซึ่ง พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือคนที่ผ่านมาได้วางไว้ โดยเฉพาะในด้านชายฝั่งอันดามัน โดยปีนี้จะมีการให้นักเรียนนายเรือไปฝึกแบบจัดเต็มหลายเดือน

แต่ที่เรียกเสียงปรบมือทั้งห้องประชุมคือ การไฟเขียวให้กำลังพลไม่ต้องเข็นรถจักรยาน หรือรถมอเตอร์ไซค์ผ่านเข้าประตู อีกทั้งไม่ต้องมาตรวจเครื่องหมายก่อนเข้าหน่วย ให้ ผบ.หน่วยไปตรวจเองตอนรวมแถว เรียกว่าได้ใจทหารชั้นผู้น้อย เพราะระดับ ผบ.ใส่ใจตั้งแต่เรื่อง “ไม่จิ้มฟัน ยันเรือรบ" ของจริง แม้จะไม่ได้มีการขยายความเรื่องเรือดำน้ำ หรือ การเสริมสร้างกำลังทางเรือ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ควรเปิดเผยมากนัก แต่ก็เป็นหัวข้อหนึ่งที่ “บิ๊กดุง” มองว่าทำให้ ทร.ตกเป็นข่าวไม่รู้จักจบสิ้น รวมถึงอีกหลายๆ ข่าวที่กระหน่ำซ้ำซัดมา 4-5 ปี จนส่งผลต่อภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อกองทัพเรือมาอย่างยาวนาน ต้องรอดูต่อไปว่าใน 1 ปี ที่ประกาศว่าเรื่องดังกล่าวต้องจบให้ได้นั้น จะปิดจ๊อบได้ประมาณเดือนไหน เพราะดูเหมือนว่าเรื่องร้อนๆ ที่ว่ารัฐบาลต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน จะตกลงปลงใจตามที่กองทัพเรือเสนอเลยคงไม่ได้ ที่สำคัญคือต้องดูการหารือระหว่างนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระหว่างเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในช่วงสัปดาห์หน้า จะมีข้อต่อรอง หรือข้อเสนออื่นที่ต้องมาผนวกเพิ่มเติมเป็นปัจจัยในการตัดสินใจเรื่องเครื่องยนต์จีนอีกหรือไม่

ทางด้าน “ผบ.ไก่” พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) คนใหม่ ร่วมกับกำลังพลจิตอาสา 904 บรรจุถุงยังชีพที่ฝูงบิน 601 ดอนเมือง เพื่อเตรียมแจกจ่ายให้ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ปีแรกเน้นภารกิจการช่วยเหลือประชาชนเป็นหลัก โดยเตรียมการพัฒนาเครื่องบินที่มีอยู่ ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมตอบรับภารกิจช่วยเหลือประชาชน  ในแผนคือการติดตั้งถังน้ำบนเครื่องบิน BT-67 จำนวน 4 เครื่อง เพื่อนำมาใช้ในการโปรยน้ำ ลดหมอกควันและดับไฟป่า ซึ่งเกิดขึ้นทุกปีโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ล่าสุดได้ใช้เครื่องบินไดมอนด์บินสำรวจเส้นทางน้ำลงสู่เจ้าพระยา หลังจากที่มีฝนตกหนักต่อเนื่องในประเทศช่วงที่ผ่านมา ส่วนโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีฝูงใหม่เพื่อทดแทนนั้น ชะลอไปก่อน 1 ปี แต่ในปี 2568 คงต้องเริ่มดำเนินการให้มีระยะเวลาเพียงพอในการหาเครื่องทดแทน F-16 ที่จะปลดประจำการทุกฝูงบินในปี 2575 เหลือเพียง Gripen 11 เครื่อง ซึ่งอัปเกรดขีดความสามารถไปครบหมดแล้วเท่านั้น.