หนุนเชื่อมโครงข่ายทางน้ำ

เมื่อพูดถึงโครงข่ายการเชื่อมโยงในการขนส่งทางน้ำ แน่นอนว่ากระทรวงคมนาคมในฐานะกำกับดูแลระบบขนส่งโดยรวมของประเทศ ได้มีนโยบายมุ่งมั่นพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งทั่วประเทศอย่างบูรณาการ ทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศ ให้มีความเชื่อมโยง ความสะดวกปลอดภัย รวมทั้งสร้างความสามารถในการแข่งขันให้ประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล

โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชน

กระทรวงคมนาคมได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านคมนาคมในเชิงรุก มุ่งเน้นการบูรณาการระหว่างรูปแบบการขนส่ง กำกับดูแลการพัฒนาระบบคมนาคมให้ครอบคลุมทุกพื้นที่

ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม พร้อมผู้บริหารกระทรวงคมนาคม รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลและสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในพื้นที่ จ.ชลบุรี เพื่อให้สามารถรองรับการขนส่งและการเดินทางต่อเนื่องหลายรูปแบบเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง (shift mode) จากถนนสู่เรือมากขึ้น จึงได้มอบให้กรมเจ้าท่า และการท่าเรือแห่งประเทศไทย เร่งพัฒนาโครงการสำคัญ

ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลและดำเนินการตามแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ในการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกให้เป็นประตูการค้าเชื่อมโยงพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก และตะวันตก ให้เชื่อมต่อและขนส่งสินค้าไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าจากภาคตะวันออกสู่ภาคใต้

ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมจึงได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ ซึ่งผลการศึกษาเบื้องต้น เห็นว่า ควรจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติใน 2 เส้นทาง ได้แก่ 1.การเดินเรือภายในประเทศ (Domestic Marine Line) เชื่อมโยงการเดินทางอ่าวไทย ซึ่งเป็นการร่วมมือกับภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และกระทรวงคมนาคมจะสนับสนุนเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและท่าเทียบเรือรองรับการดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งการพิจารณาอนุญาตเกี่ยวกับสายการเดินเรือ

ซึ่งปัจจุบันกรมเจ้าท่า ร่วมดำเนินการกับบริษัท ซีฮอร์สเฟอร์รี่ จำกัด ได้นำเรือ Ro-Ro Ferty "The Blue Dolyphin" เดินเรือเฟอร์รี่ข้ามอ่าวเส้นทางระหว่างจังหวัดชลบุรีกับจังหวัดสงขลา เปิดให้บริการเรือเส้นทางสัตหีบ-สงขลา ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้การพัฒนาสายการเดินเรือภายในประเทศ (Domestic Marine line) เพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์ทางน้ำของประเทศ โดยเริ่มทดลองให้บริการเดินเรือเมื่อเดือน พ.ย.2564 ที่ผ่านมา และมีแผนเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2565

โดยระยะแรกจะเปิดให้บริการเส้นทางท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ (จุกเสม็ด)-ท่าเรือสวัสดิ์ จังหวัดสงขลา ซึ่งจะลดปัญหาการจราจร ลดปริมาณรถในการขนส่งสินค้าประมาณ 90,000 คัน/ปี ที่จะลดลงไปเมื่อหันมาใช้การขนส่งทางน้ำ ลดอุบัติเหตุ และ 2.การเดินเรือในระดับ International แบ่งเป็นสายการเดินเรือฝั่งตะวันออก (East) ตั้งแต่กัมพูชา เวียดนาม เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น และฝั่งตะวันตก (West) ได้แก่ แอฟริกา และยุโรป หรือกลุ่ม BIMSTEC คาดแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565

สำหรับเรือ The Blue Dolyphin ได้รับการรับรองมาตรฐานจากกรมเจ้าท่า มีอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานสากล ให้บริการ 1 เที่ยวไปกลับต่อสัปดาห์ ในวันอังคาร และวันพุธ และจะขยายการให้บริการในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อรองรับการท่องเที่ยว ซึ่งการเปิดให้บริการเรือดังกล่าวจะทำให้ประชาชนและผู้ใช้บริการที่ต้องการเดินทางหรือขนส่งสินค้าระหว่างภาคตะวันออก-ภาคใต้ มีทางเลือกในการเดินทาง การขนส่งสินค้า และการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยลดปัญหาการจราจรทางบก ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุบนถนน ลดต้นทุนการบำรุงรักษาถนน เสริมศักยภาพสายการเดินเรือภายในประเทศ

แน่นอนว่ากระทรวงคมนาคมยังมีนโยบายพัฒนาการคมนาคมขนส่งทางน้ำที่สำคัญอีกหลายโครงการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบขนส่ง เป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยได้มุ่งมั่นพัฒนา เสริมสร้างประสิทธิภาพในภูมิภาค การบริหารจัดการท่าเรือโดยการนำระบบ Automation มาใช้ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งทางเรือ และพัฒนาท่าเรือในภูมิภาค เชื่อมโยงการเดินทางและการท่องเที่ยวให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทย ก่อให้เกิดรายได้และการพัฒนาด้านระบบคมนาคมที่ยั่งยืนต่อไป.

กัลยา ยืนยง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เร่งสปีดSMEไทยด้วยนวัตกรรม

เอสเอ็มอีไทยถือเป็นกำลังสำคัญของระบบเศรษฐกิจประเทศ แต่ในขณะเดียวกันกลับต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งต้นทุนที่สูงขึ้น การแข่งขันที่รุนแรง และข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ซึ่ง กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ

ผนึกพลังพัฒนากำลังคน

ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็ว และการแข่งขันด้านต้นทุนที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คำถามสำคัญของอุตสาหกรรมไทยไม่ใช่เพียง “จะผลิตอย่างไรให้ได้มากขึ้น” แต่คือ “จะสร้างคนและองค์ความรู้แบบใดให้ยืนระยะในเวทีสากลได้จริง”

ปีใหม่เป้าลดอุบัติเหตุ 5%

ช่วงเทศกาลปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ประชาชนจำนวนมากออกเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถใช้ถนนเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว และมักตามมาด้วยความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุทางถนน

เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่

ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน

องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน

ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)

แรงงานคืนถิ่น:ทางเลือกที่เป็นโอกาส

‘การเคลื่อนย้ายแรงงาน’ จากภูมิลำเนาเข้าสู่จังหวัดเศรษฐกิจเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นกำลังแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา อย่างไรก็ตาม