ครั้งที่ท่านองคมนตรี...อาจารย์ จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ยังคงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จำได้ว่า...ท่านเพียรพยายามออกเรี่ยว ออกแรง ลงทุน ลงแรง ทุ่มเทกับเรื่อง ความเป็นไทย อย่างชนิดเป็นเรื่อง-เป็นราว มิใช่น้อย โดยไม่ว่านิยาม ความหมาย ของถ้อยคำที่ว่า จะถูกตีความ แปลความ ไปต่างๆ นานา แต่ท่านก็ยังอุตส่าห์ก้มหน้า-ก้มตา หยิบเอาเรื่องราวดังกล่าว มาทำให้เป็นแก่น เป็นสาร ไม่ว่าใครจะเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วยก็ตามที
ซึ่งคงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...ส่วนดีๆ ที่มีอยู่ในนิยาม ความหมาย
ของสิ่งที่เรียกว่า ความเป็นไทย นั้น ย่อมมีอยู่เยอะแยะ มากมาย บานตะไท บานตะเกียง อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ไม่งั้นบรรดาฝรั่งมังค่า เจ๊ก มอญ ละว้า แขกดำ แขกขาว หรือไม่ว่าใครต่อใครก็แล้วแต่ คงไม่อยู่ดี-มีสุข แช่มชื่น ชื่นมื่น มิใช่น้อย ในการดำรงอยู่ การใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ผืนแผ่นดินไทย ใต้ร่มพระบารมีขององค์พระมหากษัตริย์ไทยในแต่ละยุค แต่ละสมัย คือมีทั้งความยืดหยุ่น ประนีประนอม มีทั้งความอดทน อดกลั้น ความพยายามเข้าอก-เข้าใจผู้อื่น แม้จะผิดแผก แตกต่างกันในเรื่องทัศนคติ ค่านิยม ความเชื่อ ไปจนถึงศาสนา ตลอดไปจนกระทั่งสีผิว เผ่าพันธุ์ เอาเลยก็ว่าได้
โดยจะด้วยสิ่งเหล่านี้หรือไม่? อย่างไร? ที่ทำให้ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา เป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคที่รอดพ้นปากเหยี่ยว-ปากกา รอดพ้นกรงเล็บของชาติมหาอำนาจในยุค ล่าอาณานิคม มาได้แบบหวีดหวิว ฉิวเฉียด แถมยังมีส่วนช่วยให้เกิดทางรอด ทางไป ในช่วงที่เกิด วิกฤตการณ์ แต่ละครั้งในหน้าประวัติศาสตร์ อันนั้น...คงต้องเก็บไปคิด ไปใคร่ครวญ พิจารณาเอาเองก็แล้วกัน แต่ยังไงๆ...ย่อมต้องมีส่วนที่เป็น ประโยชน์ ไม่ว่าต่อปัจเจกบุคคล สังคม ประเทศชาติ อยู่แล้วแน่ๆ เพียงแต่ว่า...สิ่งที่เป็น โทษ อันถือเป็นด้านตรงกันข้ามที่มีอยู่ในองค์ประกอบของทุกๆ สรรพสิ่ง แบบมีขาว-มีดำ มีมืด-มีสว่าง ฯลฯ อะไรทำนองนั้น ก็ดูจะเป็นสิ่งที่มิอาจปฏิเสธได้อีกเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นความเหยาะๆ แหยะๆ การลูบหน้าปะจมูก การอุปถัมภ์ค้ำชูกันในทางส่วนตัวโดยไม่จำเป็นต้องยึดมั่นในหลักการ หรือหลักธรรมใดๆ ไปจนกระทั่งการหันมากัดกันเอง งับกันเอง จนกว่าศึกเหนือ-เสือใต้ จะปรากฏให้เห็นกันชัดๆ ถึงพอจะรวมกันติด ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง ที่อาจถือเป็น ด้านตรงข้าม กับสิ่งดีๆ ที่รวมอยู่ใน ความเป็นไทย และก็แน่ล่ะว่า...สิ่งที่อาจารย์ จิรายุ ท่านเพียรพยายามทุ่มทุน ทุ่มเท ย่อมหนีไม่พ้นไปจากความปรารถนาและต้องการที่จะ ยกระดับ สิ่งที่เรียกว่า ความเป็นไทย ให้เป็นไปในด้านดีให้มากๆ เข้าไว้ พร้อมกับการขจัดกวาดล้างด้านตรงกันข้าม หรือด้านเลวๆ ให้ลดน้อยถอยลงไปตามลำดับ
บรรดาความเพียรพยายามเหล่านี้...จะบรรลุเป้าหมาย ประสบผลตามที่อาจารย์ จิรายุ ท่านตั้งเป้า ตั้งวัตถุประสงค์เอาไว้หรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องไป ถามหลังไมค์ กันดูอีกที แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ไม่ว่าบ้านเมืองของหมู่เฮาจะก้าวหน้า พัฒนา ไปในรูปไหน? แบบไหน? ก็แล้วแต่ สิ่งที่เรียกว่า ความเป็นไทย มันน่าจะดำรง คงอยู่ น่าจะยังสอดแทรกและซึมซ่านอยู่ในบรรดาองคาพยพต่างๆ ของประเทศไทย อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยแม้แต่น้อย ปัญหาก็เลยมีอยู่ว่า...เอาไป-เอามาแล้ว สิ่งที่ดำรง คงอยู่นั้น มันจะหนักไปทาง ด้านดี หรือ ด้านเลว กันแน่!!! อันนี้นี่แหละ...ที่ต้องถือเป็น เรื่องใหญ่ เผลอๆ อาจใหญ่เสียยิ่งกว่าเรื่องค้นบ้าน บิ๊กโจ๊ก ที่ท่านนายกฯ เศรษฐา ท่านถึงกับต้องตั้ง คณะกรรมการ ขึ้นมาสอบสวน ทวนความ อย่างที่ทราบๆ กันไปบ้างแล้ว
คือถ้าหากมันหนักไปทาง ด้านดี ก็ดีไป...โอกาสที่ประเทศไทยจะอยู่ยั้ง ยืนยง จะอยู่รอดปลอดภัย จากปากเหยี่ยว-ปากกา หรือจาก วิกฤตการณ์ ใดๆ ไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคตเบื้องหน้า ก็น่าจะยังมี ความเป็นไปได้ มิใช่น้อย แต่ถ้ามันดันหนักไปทาง ด้านเลว ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเหยาะๆ แหยะๆ การลูบหน้าปะจมูก การอุปถัมภ์ค้ำชูโดยไม่ได้คำนึงถึงหลักธรรม ถึงความยุติธรรมใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ชนิด กระบวนการยุติธรรม ทั้งขบวน ไม่ว่าจะต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ชักเป็นอะไรที่เชื่อใจ-วางใจไม่ค่อยจะได้ อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้โอกาสแห่งความ ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย ย่อมต้องมีสูงยิ่งขึ้นไปเท่านั้น
ยิ่งในช่วงจังหวะที่พวกเด็กเกิดใหม่ หรือพวก เด็กที่ชอบเล่นไม้ขีดไฟ มันช่างมีเยอะแยะ มากมาย เสียเหลือเกิน ถึงขั้นออกมาลงคะแนนเสียงในคูหาเลือกตั้งกันเป็นล้านๆ ระดับ 14 ล้าน 15 ล้าน แถมยินยอมพร้อมใจที่จะเลือก อาชญากร แบบเดียวกับพวกที่เคยเลือก เสาไฟฟ้า ของพรรคประชาธิปัตย์อะไรทำนองนั้น อันนี้...ยิ่งน่า หนักใจ เข้าไปใหญ่!!! เพราะสิ่งที่เรียกว่า ความเป็นไทย ในด้านตรงข้าม ที่ยังคงซึมซ่าน สอดแทรก อยู่ในองคาพยพต่างๆ มันคงแทบไม่ต่างอะไรไปจาก กองฟืนแห้งๆ ที่ถูกวางสุมไว้ในซอกมุมต่างๆ ของประเทศทั้งประเทศนั่นเอง โอกาสที่ทุกสิ่งทุกอย่าง...จะเถลือกไถลไปในแนว เตร๊งเตรง-เตร่งต๋อย-ไฟไหม้มูลฝอยดังพรึ่บบ์บ์บ์!!! ย่อมมีความเป็นได้สูงยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ด้วยเหตุนี้...บรรดาผู้ที่รักบ้าน-รักเมืองทั้งหลาย พึงต้องเร่งคิด เร่งอ่าน เร่งยกระดับ ความเป็นไทย ในด้านดีๆ ให้ทันท่วงที ไม่งั้น...อนาคตมันคงดูไม่จืด โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ยังไม่มีโอกาส โชคดี...ที่ตายก่อน ไปซะล่วงหน้า...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เกรงว่าคำอวยพรปีใหม่จะไม่จริง
เวลาที่เรากล่าวคำอวยพรให้ใครๆ เราก็จะพูดแต่เรื่องดีๆ และหวังว่าพรของเราจะเป็นจริง ถ้าหากเราจะเอาเรื่องอายุ วรรณะ สุขะ พละ มาอวยพร โดยเขียนเป็นโคลงกระทู้ได้ดังนี้
แด่...ไพบูลย์ วงษ์เทศ
ถึงแม้จะช้าไปบ้าง...แต่ยังไงๆ ก็คงต้องเขียนถึง สำหรับการลา-ละ-สละไปจากโลกใบนี้ของคุณพี่ ไพบูลย์ วงษ์เทศ นักเขียน นักกลอนและนักหนังสือพิมพ์อาวุโส
กร่าง...เกรี้ยวกราด...ฤากลัว
ใครบางคนตำแหน่งก็ไม่มี สมาชิกก็ไม่ใช่ แต่แสดงบทบาทยิ่งใหญ่กว่าใครๆ เหมือนจงใจจะสร้างตำแหน่งใหม่ที่คนไทยต้องยอมรับ และดูเหมือนเขาจะประสบความสำเร็จเอาเสียด้วย
คำอวยพรปีใหม่ 2568
ใกล้ถึงช่วงปีหน้า-ฟ้าใหม่ยิ่งเข้าไปทุกที...การตระเตรียมคำอำนวย-อวยพรให้กับใครต่อใครไว้ในช่วงวาระโอกาสเช่นนี้ อาจถือเป็น หน้าที่ อย่างหนึ่ง
ก้าวสู่ปีใหม่ 2568
สัปดาห์สุดท้ายปลายเดือนธันวาคม 2567 อีกไม่กี่วันก็จะก้าวเข้าสู่ปี 2568 "สวัสดีปีใหม่" ปีมะเส็ง งูเล็ก
ลัคนากุมภ์กับเค้าโครงชีวิตปี 2568
สรุป-แม้ทุกข์-กังวลจะยังอ้อยอิ่งอยู่ตลอดปีแต่ต้นปีเร่งสร้างฐานชีวิต ครั้นพฤษภาคมไปแล้ว