'ตำแหน่งมี' แต่ 'ตำรวจเมิน'

เมื่อวาน เป็น "โจ๊ก อัคนี"

แต่วันนี้ กลับเป็น "โจ๊ก วารี" เงียบฉี่-หายต๋อมซะงั้่น!?

ดีแล้วครับ

สถานการณ์อย่างนี้ พูดให้น้อยมากเท่าไหร่ ได้มากกว่าเสียเท่านั้น

ในศึกสงคราม สถานการณ์ "เป็นรอง" ใช่ว่าจะแพ้เสมอไป               

เพราะการศึกนั้น

ถ้าผู้นำทัพใด ยามได้ที ผยอง ลำพอง อวดเก่ง-อวดกล้า โดดขึ้นหลังคา ตีปีก โก่งคอขัน

เดี๋ยวมันก็พัง!

ทำนองเดียวกัน ผู้นำทัพ แม้เสียที แต่มีสติตั้งรับ เกาะกุมสถานการณ์ได้เยี่ยงขุนศึกชำนาญรบ ที่เจนจบในศาสตร์ "ถอยคือรุก-รุกคือถอย"

"อรุณรุ่ง" ยังจะมีในวัน "พรุ่งนี้" ให้สัมผัส!

สอง-สามวันที่ผ่านมา "บิ๊กโจ๊ก" ดูจะสติแตกจนเสียบุคลิกภาพนายตำรวจระดับหัวแถวไปเยอะ

การ "ระเบิดอารมณ์" ไปในหลายๆ เรื่องนั้น สะใจคนฟัง แต่วาจาที่พรั่งพรู นั้น จะพาตัวเองพังในภายหลัง ชนิดแก้ยาก

อย่างเช่นที่ให้สัมภาษณ์เป็นข่าวแพร่หลายว่า

"ผมจะไม่เอาคืน แต่ผมมีข้อมูลอยู่มาก ถ้าเปิดเผยเมื่อไหร่ก็ตายกันหมดทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

แต่ไม่ขอบอกว่า เป็นข้อมูลของใคร

ที่ผ่านมา ทำงานอย่างตรงไปตรงมาในทุกคดี คดีที่เกี่ยวกับเว็บพนันไปเกี่ยวพันกับหลายคนและเป็นเงินหลายร้อยล้านบาท ยืนยันว่าเงินที่อยู่ในบัญชีไม่มีเงินใคร แต่เป็นเงินของบ้านผมทั้งหมด"

ที่พูดเช่นนี้ ใครตาย?

หนึ่งในนั้น ที่แน่ๆ "บิ๊กโจ๊ก" นั่นแหละ "ตายก่อน" เพื่อน!

"ผมมีข้อมูลอยู่มาก......

ถ้าเปิดเผยเมื่อไหร่ก็ตายกันหมดทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ"

หมายความว่าไง?

ก็หมายความว่าทุกวันนี้ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ไม่ต่าง "สำนักงานโจรในเครื่องแบบตำรวจแห่งชาติ"

"บิ๊กโจ๊ก" เป็นรอง ผบ.ตร.

นั่นเท่ากับ "รองหัวหน้าสำนักงานโจรในเครื่องแบบ" ที่จ่อจะขึ้นเป็น "หัวหน้าโจร" ในวันใด-วันหนึ่งดีๆ นี่เอง

เพราะทั้งที่รู้ว่าตำรวจประพฤติตนเป็นโจรในเครื่องแบบมาตลอด แต่กลับปล่อยปละ

เช่นนี้ ไม่ส่งเสริมก็เหมือนส่งเสริม เพราะตัวเองเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ สตช.

นอกจากไม่จัดการใดๆ แล้ว ยัง "ปกปิดข้อมูล" เหล่าตำรวจโจรไว้อีกตะหาก ซึ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่า.....

นี่เข้าข่าย "ละเว้นการปฏิบัติและการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๑๕๗ หรือไม่!?"

เห็นมั้ย การรบด้วยอารมณ์ วาจาที่คิดว่าจะเชือดเฉือนเขา มันกลับเชือดคอตัวเราเองง่ายๆอย่างนี้แหละ!

ทุกวันนี้ พูดกันตรงๆ ทั้งประเทศ ต่อให้นอกประเทศด้วย ไม่มีใครเชื่อหรอกว่า

ตำรวจไม่คอร์รัปชัน ไม่ใช้กฎหมายในมือไปแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ

ทำไมโจรต่างชาติจึงแห่กันมาสุมหัวตั้งแก๊งเต็มในเมืองไทยทุกวันนี้ แถมท่องภาษาไทยมาประโยคเดียว พูดชัดในทันทีที่เหยียบประเทศไทย คือคำว่า

"เอาเท่าไหร่?"

คำตอบในประเด็นนี้ มันก็ชัดอยู่ในคำพูดของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ว่า

"ผมมีข้อมูลอยู่มาก ถ้าเปิดเผยเมื่อไหร่ก็ตายกันหมดทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ" นั่นแหละ

เพราะอย่างนี้ ผมจึงบอกว่า "ดีแล้ว" ที่บิ๊กโจ๊ก ไปนั่งหันหน้าเข้าฝา ตั้งสติ "สงบอารมณ์" และ "ปิดวาจา" เพื่อทบทวนตัวเองซัก ๒-๓ วัน

จากนั้น จะว่าไงต่อ ท่านก็ชำนาญด้าน "รู้ทางหนี-ทีไล่" อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้น จะสอบสวนต้อนโจรจนมุม จนลากคอเข้าคุกซะมากต่อมากมาได้อย่างไร จริงมั้ย?

ก็ใช้ "วิชาโจร" นั่นแหละ "จับโจร"

เหมือนถูกหนามตำ ผมไม่เคยเห็นใครใช้สากกะเบือทู่ๆ ไปบ่งหนามเลย เห็นแต่เอา "เข็มแหลม" ไปบ่ง "หนามแหลม" ออกจากเนื้อกันทั้งนั้น

เออ....

พูดกันมา ๓ วัน ๗ คืน สรุปแล้ว ขณะนี้ "บิ๊กโจ๊ก" สู้อยู่กับใคร?

กับ ผบ.ตร.ดำรงศักดิ์ก็ไม่ใช่ กับ ๔ รอง ผบ.ตร.ที่เข้าชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.ก็ไม่ชัด

กับ "พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล" ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ตร.ให้ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนที่ ๑๔ ต่อจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยิ่งไม่ใช่ใหญ่

เพราะหลังจากที่ประชุม ก.ตร.ประกาศให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็น ผบ.ตร. (๒๗ ก.ย.๖๖)

"บิ๊กโจ๊ก" ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า

"ก็ต้องแสดงความยินดีด้วย ส่วนตัวก็พร้อมที่จะทำงานร่วมกัน ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากัน"

แล้วจาก "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" ที่กลายเป็น "โจ๊ก อัคนี".....

"อัคนี" คือไฟที่เผาไหม้นี้.....

เชื้อมาจากไหน หรือจากถูกทลายห้าง ตัวเองก็ไม่กล้าพูดว่าคำสั่งมาจากใคร และมีเหตุให้เขาค้นจริงหรือไม่ ได้แต่ควันออกหู จนอัคนีลุกพรึ่บ เผาไหม้ตัวเอง?

พูดถึง ผบ.ตร.คนใหม่ "พล.ต.อ.ต่อศักดิ์" ดูเหมือนสังคมข่าวพยายามโหมกระแส โปรโมตให้ท่านเป็นคู่กรณีกับบิ๊กโจ๊ก

แต่ผมสังเกตมาตลอด ไม่ว่ามีข่าวด้านบวก-ด้านลบ

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะยึดเส้นทางพรหมวิหาร ๔ โดยเฉพาะบท "อุเบกขา" เป็นสรณะ

ใครสรรเสริญ ก็ยิ้มรับ ใครนินทา ก็ยิ้มรับ ใครสุมฟืน-ใส่ไฟ ท่านก็นิ่ง ใครเอาน้ำมาสาดไฟ ท่านก็นิ่งในร้อน-ในเย็น

กระทั่งได้รับเลือกเป็น ผบ.ตร.ด้วยเสียงซุบซิบผสมนินทา ท่านก็ใช้อุเบกขาตั้งรับ

ได้เป็น "ว่าที่ ผบ.ตร." ตอนบ่ายปุ๊บ

ตอนค่ำ ไปจับแก๊ง "ค้ายาเสพติดปั๊บ" ที่นครปฐม!

บิ๊กโจ๊ก เห็นมั้ย ใช้สไตล์สามพราน พลุ่งพล่านไป ก็เข้าตำรา "พูดไปก็สองไพเบี้ย"

ใช้ตำรา "รัฐศาสตร์" ตั้งรับอย่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ "นิ่งเสียตำลึงทอง"

"บางครั้ง-บางคน" บุญวาสนาเหนือกว่าอาวุโสมีให้เห็นเยอะแยะไป

และทั้งคำว่าอาวุโสและคำว่าบุญวาสนา มันก็ไม่ใช่คำตอบของคำว่า "ถูกต้อง" ที่ตรงความจริง

การรู้จักหน้าที่ ใครมีหน้าที่อย่างไร ทำงานในหน้าที่นั้นให้เต็มกำลังสติปัญญา ด้วยซื่อสัตย์-สุจริต

การทำหน้าที่ตามทำนองคลองธรรมนั้น เป็นความ "ถูกต้อง" ที่ตรงความจริง

และเมื่อถึงเวลา ความถูกต้องนั้น จะให้ผลสมบูรณ์ ยั่งยืน ชนิดที่ใครจะเบี่ยงเบน-กลั่นแกล้งให้เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย!

ไม่ต้องไปแข่งกันหรอก...ตำแหน่ง ผบ.ตร.นั่นน่ะ

เพราะตำแหน่ง ผบ.ตร.เป็นให้ชาวบ้านด่าแค่คนละปี-สองปี ก็เกษียณไป ไม่มีรอยอาลัยฝากไว้เป็นสัญลักษณ์นิรันดร์คู่สถาบันตำรวจ

งานในหน้าที่ตะหาก......

ไปแข่งกันกู้ภาพ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" กลับคืนจากความเป็น "สำนักงานโจรในเครื่องแบบตำรวจ" อย่างนั้นดีกว่า

เพราะทุกวันนี้ "ตำแหน่งสูงสุด" ของสถาบันตำรวจ ซึ่งเหนือกว่า-ยิ่งใหญ่กว่าตำแหน่ง ผบ.ตร.ยังว่างอยู่

ไม่ใช่เพิ่งว่าง หากแต่ว่างมานานนับหลายทศวรรษแล้ว

นั่นคือ ตำรวจผู้ "มีเกียรติ-มีศักดิ์ศรี" แท้จริง คู่ควรแก่การยกย่อง เป็น "นายแบบ"

ให้ปั้นรูป "ตำรวจอุ้มประชาชน" เป็นอนุสาวรีย์ ไว้หน้าที่หน้า "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ปทุมวัน แทนของเดิม

ของเดิม ท่านศาสตราจารย์ "ศิลป์ พีระศรี" อิตาเลียนผู้มีจิตวิญญาณไทย

อุทิศตัวเพื่อศาสตร์แห่งศิลป์ไว้กับประเทศไทย ด้วยรักประเทศไทยมากกว่าคนไทยอีกนับร้อย-นับล้านๆ คนด้วยซ้ำ

ท่านปั้นไว้ ที่หน้า "กรมตำรวจ" ปทุมวัน เมื่อปี ๒๔๙๖ ซึ่งถูกย้ายไปไว้ที่สามพรานนานแล้ว

รูปปั้นฝีมืออาจารย์ศิลป์นี้ เป็นรูปตำรวจยืนอุ้มคนเจ็บ มีเด็กญาติคนเจ็บเกาะขาตำรวจ เป็นภาพอยู่ในความจำคนไทย

แต่ไม่มี "ในความจริง" ทุกวันนี้!

คำว่า "ผู้พิทักษ์รับใช้ประชาชน" ที่ฐานอนุสาวรีย์ มันเป็นคำยกย่องหรือคำประจานตำรวจยุคนี้ สุดจะเอ่ย

ตัวเล็กๆ ของตัวหนังสือคำขวัญ แต่ดูเหมือนให้ความรู้สึกสะท้อนความยอกแสลงใจประชาชนที่ยิ่งใหญ่ในทุกวันนี้มาก!

เนี่ย....

ตำแหน่ง "ผู้พิทักษ์รับใช้ประชาชน" ยังว่าง

มาแย่งกันตรงนี้ดีกว่า เป็นตำแหน่ง "คงทน"

ส่วนตำแหน่ง ผบ.ตร.นั่นน่ะ มันมายา ใครมาก็รวยแลก "เสียงด่า" กลับไป แทบทุกราย!

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แบงก์ชาติ 'อย่านึกว่ารอด'!

ประเทศ "พ้นบ่วงมาร" ไปอีกบ่วง! เมื่อวาน (๒๔ ธ.ค.๖๗) ปลัดคลังแถลง กฤษฎีกาตีความทางกฎหมายและตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว