ที่ตั้ง "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" นี่
แต่เดิม ตรงนั้น เป็น "กรมอกแตก"!
คือฝั่งหนึ่งของ "ถนนพระราม ๑ เป็นตัวสำนักงาน "กรมตำรวจ" หรือที่เรียก "กรมปทุมวัน" ที่เป็น "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ปัจจุบัน
อีกฝั่งถนน คือฝั่งตรงข้าม ที่เป็น "ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์" ทุกวันนี้ แต่ก่อนเป็นหน่วยงานฝ่ายธุรการ-ธุรกิจตำรวจ
"อาถรรพณ์" มาแต่ไหนแต่ไร!
ความเป็น "กรมอกแตก" จึงไม่ว่ายุคไหน-สมัยไหน ไม่เคยว่างเว้นศึก "ชิงรัก-หักเก้าอี้"
"สันติ" สำหรับ "ราษฎร์" น่ะ พอมี
แต่ในพวก "ผู้พิทักษ์" กันเอง นอกจากไม่เคยมีแล้ว ยัง "แยกบ่าว-แยกนาย" ฝ่ายไหน "พลาดท่า-เสียที" เป็นต้อง "ตายให้กับอีกฝ่าย" เป็นอย่างนี้มาตลอด
ไปไล่ประวัติศาสตร์การเปลี่ยนถ่ายอำนาจในกรมปทุมวันดูได้เลย
เริ่มต้นจากยุคขุนพลเผ่า "พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์" ในปี ๒๕๐๐ เจ้าของสโลแกน "ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้" นั่นแหละ
นอกจากอาถรรพณ์แล้ว ตรงนั้น "เฮี้ยน" ด้วยวิญญาณคนตาย นับพันเผลอๆ เป็นหมื่นศพด้วยซ้ำ!
เพราะตรงหัวมุมสี่แยกราชประสงค์ เดิมเป็น "สถานที่เก็บศพ" ของโรงพยาบาลตำรวจ
คือทั้งเจ็บตาย ป่วยตาย แก่ตาย เป็นโรคตาย รวมทั้งถูกฆ่าตาย อุบัติเหตุตาย
รวมเรียกภาษาชาวบ้านว่า ทั้งที่ "ตายโหง" และทั้งที่ "ตายห่า" จะนำศพมาเก็บไว้ตรงอาคารหัวมุมสี่แยกนั้น
ผมนั่งรถเมล์บุญผ่อง ๕๐ สตางค์มาลงที่หน้าห้องเก็บศพทุกเช้า คือมาดูว่า วันนี้ มีใครดังๆ หรือไม่ดัง แต่ตายดังบ้าง เพื่อนำมาเป็นข่าว
ที่ผมพูดนี่ ร่วม ๖๐ ปีแล้วนะ ก็นับว่าเฮี้่ยนแล้ว แต่ต่อมา กรมปทุมวันเหลือ "ฝั่งเดียว" ในปัจจุบันก็จริง
แต่เกิดมี "รถไฟฟ้า BTS" ฝ่ากลางถนนพระราม ๑ เป็นเงาทับค้ำเหนือกรมปทุมวันขึ้นมาแทน!
กรมปทุมวันหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เลยหนีไม่พ้นอาถรรพณ์และวิญญาณตราสังร้อยแปด
ปีๆ ไม่เคยได้ยินว่ากรมตำรวจเขาทำบุญ-ทำทาน อุทิศบุญกุศลให้เจ้าที่-เจ้าทาง เจ้ากรรม-นายเวร รวมทั้งสรรพวิญญาณตรงนั้นเลยซักครั้ง
ตำรวจบอก "อยู่สุขเถิดปวงประชา ตัวข้าจะคุ้มภัย"
จะคุ้มได้ไง?
ในเมื่อ "ภัย" ประชา ส่วนใหญ่มาจาก "ตำรวจ" แทบทั้งนั้น!
กรรมเก่า นอกจากไม่เคยสำนึกและชดใช้แล้ว ตำรวจยังสร้างกรรมใหม่ไม่เว้นวาง
ในเมื่อประชาชน "ฆ่าตำรวจ" ไม่ได้ (แต่กำนันฆ่าได้)
ด้วยอาถรรพณ์-วิญญาณเฮี้่ยน จึงสิงจิตให้ตำรวจต้องฆ่าตำรวจด้วยกัน เป็น "กงเกวียน-กำเกวียน" แบบนี้ไป ไม่สิ้นสุด!
"ใครใหญ่-ใครอยู่" ไม่จริงเสมอไปกับวงการตำรวจ
"ใครรับใช้-ใครอยู่" นี่จริงและใช้ได้ กับวงการตำรวจ!
เมื่อวาน (๒๗ ก.ย.๖๖) ตอนบ่ายแก่ๆ เห็นเขาว่า "โลกหยุดหมุน" ตรงกรมปทุมวัน
ช่วงนายกฯ เศรษฐานั่งเป็นประธานแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่ แทน "พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์" ที่จะเกษียณ ๓๐ ก.ย.นี้
รอง ผบ.ตร. ๔ นาย ไล่ตามอาวุโส ที่เข้าสู่การพิจารณาคัดเลือก ก็มี
-พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์
-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ และ
-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล
ก็ทราบกันไปแล้วว่า ที่ประชุม ก.ตร.เห็นชอบให้ "พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล" ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนที่ ๑๔
"ศักดิ์-ต่อศักดิ์"
คือจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ต่อด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ต้องขอแสดงความยินดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กับตำแหน่ง ผบ.ตร.ด้วย!
"เบื้องหลัง-เบื้องลึก" สู่การแต่งตั้ง ผมไม่มีญาณหยั่งรู้ ใครอยากรู้ โปรดหาฟังจากบรรดากูรูข่าวตามสื่อต่างๆ ที่ท่วมจอ
มาดูกันดีกว่า ที่ว่าในที่ประชุม ก.ตร.มีมติ ๙ ต่อ ๒ เสียง เห็นชอบให้ "พล.ต.อ.ต่อศักดิ์" ซึ่งมีอายุราชการเหลือ ๑ ปี เป็น ผบ.ตร.นั้น
ก.ตร.เหล่านั้น ประกอบด้วยใครบ้าง?
ที่แน่ๆ นายกฯ เศรษฐา ประธานต้องยืนหนึ่ง เพราะต้องเป็นคนเสนอชื่อ ผู้จะเป็น ผบ.ตร.ให้ที่ประชุมพิจารณาลงมติ
ผบ.ตร. "ดำรงศักดิ์" เป็นรองประธาน
กรรมการก็ประกอบด้วย......
เลขาธิการ ก.พ., เลขาธิการ ก.พ.ร., รอง ผบ.ตร. ตามลำดับอาวุโส ๕ นาย, จเรตำรวจ
ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท ก. ๓ นาย คือ
-พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก อดีตรอง ผบ.ตร.
-พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ อดีตรอง ผบ.ตร.
-พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรอง ผบ.ตร.
ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท ข. ๓ นาย คือ
-นายฉัตรชัย พรหมเลิศ
-รองศาสตราจารย์ประทิต สันติประภพ
-ศาสตราจารย์ศุภชัย ยาวะประภาษ
สรุป คณะกรรมการ ก.ตร.ทั้งหมดมี ๑๖ คน แต่ที่มีสิทธิออกเสียงเห็นชอบให้ใครเป็น ผบ.ตร.มี ๑๒ คน
ในจำนวน ๑๒ คน ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งประเภทก. ประเภท ข. รวม ๖ คน ต้องยืนโรง
ก่อนลงมติ "ผู้มีส่วนได้-ส่วนเสีย" ต้องออกนอกห้องประชุม คือ ๔ รอง ผบ.ตร.ที่เข้าชิงตำแหน่ง
แต่ที่น่าสังเกต "บิ๊กโจ๊ก" ๑ ในตัวเต็ง "ลาประชุม"!
ก็เป็นที่เข้าใจได้ เพราะรู้ตัว "หลุด" โดยปริยาย จากกรณี "ส่วยตัดส่วย"
แต่ถึงยังไง บิ๊กโจ๊กบอก....ผมรอได้ เพราะตายกันหมดทั้งกรม ผมก็ยังไม่เกษียณ!
เรื่องนี้ ลงท้ายแล้ว "ใครซวย" หรือ "ซวยทั้งคู่" ไม่ใช่มวย ๓ ยก อย่าง ONE ลุมพินี ของบอสชาตรี
แต่รายการ "อาถรรพณ์" กรมปทุมวัน มันต้องดูกันยาวเป็นศึก ๕ ยก อย่างเวทีราชดำเนินนั่น!
ในขณะจอตุงไป-ตุงมาที่ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ห่างไปอีกนิดที่ "โรงพยาบาลตำรวจ"
เมื่อนายกฯ เศรษฐา เสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ให้ ๑๒ ก.ตร.พิจารณา และ ๙ ต่อ ๒ เสียงเห็นชอบตามนั้น
มีคนนอนยิ้มแฉ่ง.....
เตรียมไหว้พระจันทร์ จากชั้น ๑๔ ที่จะส่องหล้าในคืนพรุ่งนี้ แฮปปี้..แฮปปี้ full moon.
ทีนี้ มีแง่มุมที่ผมอยากฝากให้ท่านนายกฯ เตรียมรับมือ เผลอๆ มติแต่งตั้ง ผบ.ตร.วันนี้ อาจ "ย้อนศร" เล่นงาน ก.ตร.ทั้งคณะก็เป็นได้
คือ ๒๖ ก.ย. นายกฯ ตั้งคณะกรรมการ ๓ นายให้สอบสวนกรณีตำรวจไซเบอร์ค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก และให้รายงานผลภายใน ๓๐ วันใช่มั้ย?
๒ ใน ๓ นั้น มี พล.ต.อ.วินัย ทองสอง กับนายฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นคณะกรรมการ
แต่ทั้งนายฉัตรชัยและ พล.ต.อ.วินัยนั้น เป็นก.ตร.
และในการประชุมพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร.เมื่อวาน ทั้ง ๒ ท่าน ก็อยู่ในจำนวน ๙ ต่อ ๒ ที่ให้ความเห็นชอบ!
เพื่อไทย เต็มไปด้วย "ขุนพลกฎหมาย" ไม่มีใครบอกท่านนายกฯ หรือว่า....
นั่น อาจเข้าข่ายผิดตาม "พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.๒๕๓๙" ในหมวดที่ ๒ "คำสั่งทางปกครอง"
ส่วนที่ ๑ ว่าด้วย "เจ้าหน้าที่" ตั้งแต่ มาตรา ๑๓-๑๖
มาตรา ๑๖ บอกว่า..........
"ในกรณีมีเหตุอื่นใด นอกจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๓ เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ หรือกรรมการในคณะกรรมการที่มีอำนาจพิจารณาทางปกครอง
ซึ่งมีสภาพร้ายแรงอันอาจทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลาง
เจ้าหน้าที่หรือกรรมการผู้นั้น จะทำการพิจารณาทางปกครองในเรื่องนั้นไม่ได้
ในกรณีตามวรรคหนึ่ง ให้ดำเนินการ ดังนี้
(๑) ถ้าผู้นั้นเห็นเองว่าตนมีกรณีดังกล่าว ให้ผู้นั้นหยุดการพิจารณาเรื่องไว้ก่อน และแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาเหนือตนขึ้นไปชั้นหนึ่งหรือประธานกรรมการทราบ แล้วแต่กรณี
(๒) ถ้ามีคู่กรณีคัดค้านว่า ผู้นั้นมีเหตุดังกล่าว หากผู้นั้นเห็นว่าตนไม่มีเหตุตามที่คัดค้านนั้น ผู้นั้นจะทำการพิจารณาเรื่องต่อไปก็ได้
แต่ต้องแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาเหนือตนขึ้นไปชั้นหนึ่ง หรือประธานกรรมการทราบ แล้วแต่กรณี
(๓) ให้ผู้บังคับบัญชาของผู้นั้น หรือคณะกรรมการที่มีอำนาจพิจารณาทางปกครอง ซึ่งผู้นั้นเป็นกรรมการอยู่
มีคำสั่งหรือมีมติโดยไม่ชักช้า แล้วแต่กรณีว่า ผู้นั้นมีอำนาจในการพิจารณาทางปกครองในเรื่องนั้นหรือไม่
ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๑๔ วรรคสอง และมาตรา ๑๕ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
นี่แหละ...ท่านนายกฯ
ระวังนะ จะตายน้ำตื้นเอาง่ายๆ บิ๊กโจ๊กตอนนี้ เล่นบท "พลีชีพ" ตายต้องตายด้วยกัน เพราะ "ปากมัน" เหมือนกันหมดทั้ง สตช.
เห็นตั้งทีมทนายทั้ง "สาวไส้" ทั้ง "กะซวกไส้" ทั้งเลือด-ทั้งศพ ไม่ว่าใคร-เป็นใคร ไม่เว้นกระทั่งสื่อ คงได้กองพะเนินแน่!
นายฉัตรชัยกับ พล.ต.อ.วินัย ที่นายกฯ ตั้งเป็นกรรมการสอบ ถือเป็นผู้ "มีส่วนได้-ส่วนเสีย"
มาตรา ๑๖ ไม่ให้มาทำหน้าที่พิจารณาทางการปกครองในเรื่่องนั้น เพราะจะไม่เป็นกลาง
ถ้าบิ๊กโจ๊ก "ร้องคัดค้าน" ละก็....ไม่จอดหรอก
แต่ "เจ๊งเลย" ท่านนายกฯ!?
นี่แค่ประเด็นเดียวที่มองเห็นโดยไม่ต้องสวมแว่นนะ อย่าลืม "โจ๊กหมู โจ๊กปลา โจ๊กเป๋าฮื้อ" กินคล่องคอ
แต่เมื่อคิดจะกิน "โจ๊กเม่น"
ก็ต้องเตรียมหมอ เพราะ "หนามเม่น" ตำคอแน่!
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แม่หมอ..มองทะลุ ปี 68 เปลี่ยนนายกฯ ..ยุบสภา-ลาออก!!.. I อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร
อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568
เอาซะทีเถอะน่า...กกต.!
หมาน่ะ .... จุ๊ๆ ปาก มันยังหยุด เอียงคอ ตาจ้อง หูตั้ง และฟัง แต่ที่ "นายอิทธิพร บุญประคอง" ประธาน กกต. กระแอมถึงนายทักษิณ ผู้ช่วยหาเสียง "ผู้สมัครนายก อบจ." พรรคเพื่อไทย
ใคร 'เจ้าภาพบ้านเมือง'?
ดูคลิปและฟังคำที่.... "ทักษิณ" ทอล์กกับบรรดา "หมาในคอก" ของเขาวันก่อนแล้ว
ไอ้เสือถอย 'รอล้มล้าง'
ขบวนการ "ล้มล้างรัฐธรรมนูญ" ถอยซะแล้ว! "ประธานวันนอร์" แถลงหลังประชุมวิป ๓ ฝ่าย เมื่อวาน (๘ ม.ค.๖๘)
คนพันธุ์ 'ปากเปราะ'
ผมหายไปวัน... ไปร่วมยก "หลวงพ่อทวดครึ่งบน" ส่วนเศียร ขึ้นประกอบกับ "ส่วนล่าง" ที่ร่วมกันหล่อถวาย พร้อมสร้างอาคารฐานสถิต ที่วัดทรายขาว ทุ่งหวัง สงขลา
มันเอาแน่ 'แก้เพื่อล้มล้าง'
มี 'เรื่องใหญ่' ที่ผมต้องเกริ่นให้คนไทยทุกคนตื่นรู้ บัดนี้...ประเทศไทย....