ต้องบอกว่าผิดคาดอย่างยิ่ง เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งมี “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม ได้ลงมติ 10 ต่อ 1 เลือก
“พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” รอง ผบ.ตร. อาวุโสอันดับ 4 ขึ้นเป็น ผบ.ตร. คนที่ 14 ครองนามเรียกขาน “พิทักษ์ 1” แทนเก้าอี้ของ “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์” ผบ.ตร.ที่จะเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 ก.ย.2566 ...๐
โดยในช่วงแรกของการประชุม ก.ตร. ได้ มีข่าวสะพัดว่า “เศรษฐา” สั่งเลื่อนการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ยาวออกไปถึงเดือนตุลาคม โดยแต่งตั้งให้ “พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์” รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับที่ 1 รักษาการ ผบ.ตร.ไปพลางๆ ก่อน เหมือนรัฐบาลยุค “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่ตั้ง “พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ” ขึ้นเป็นรักษาการ ผบ.ตร.อย่างยาวนาน ...๐
ปัจจัยหลักที่ทำให้ “เศรษฐา” เดินหน้าไม่ยื้อไปเดือน ต.ค.เหมือนข่าวที่ลอดออกมาก่อนหน้า ก็คงเพราะมีกฎหมายตำรวจค้ำคออยู่นั่นเอง แม้ล่าสุดยังมีปม แมว 9 ชีวิตอย่าง “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” หรือบิ๊กโจ๊ก ที่ยามนี้ไม่ค่อยหวานเจี๊ยบเท่าใด ยังยักแย่ยักยันอยู่ แต่ดูลูกน้องคนสนิททั้งหลายแหล่ที่มีอยู่ใน 8 รายชื่อเกี่ยวกับพนันออนไลน์นั้นก็ถูกสังเวยแล้ว เมื่อ “บิ๊กเด่น” มีคำสั่งเลขที่ 543/2566 ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการและรักษาการไว้ก่อน ...๐
การประชุม ก.ตร.ที่ “เศรษฐา” นั่งหัวโต๊ะ แม้จะมีกฎหมายขีดเส้นไว้ อีกประเด็นหนึ่งอาจเป็นเพราะต้องการลบข้อครหาความไม่ทันเกมในวันแรกที่เกิดกรณีบุกค้นบ้านเช่าบิ๊กโจ๊กก็ว่าได้ เพราะตอนนั้นเห็นได้ชัดว่า “นายกฯ” มือใหม่หัดขับพอมีเรื่องฉุกละหุกที่ไม่เกี่ยวกับที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ก็ออกมาแปร่งปร่าเสียเหลือเกิน ซ้ำร้ายวันรุ่งขึ้นเซ็นคำสั่งแต่งตั้ง 3 อรหันต์เพื่อมาสืบเสาะขุดคุ้ยเรื่องดังกล่าวยังตอบผิดๆ ถูกๆ ทั้งที่เป็นคนลงนามแต่งตั้งด้วยตัวเองแท้ๆ ...๐ ส่วนจะไปหวังพึ่งโฆษกรัฐบาลอย่าง “ชัย วัชรงค์” ก็เรียกว่าออกอาการมึนงงเช่นกัน เพราะวันที่เกิดเหตุ 25 ก.ย.นั้น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็เงียบหูฉี่ แต่พอวันรุ่งขึ้นก็มานั่งอ่านคำสั่งแต่งตั้ง 3 อรหันต์ของนายกฯ ซ้ำอีกรอบ ที่สำคัญยังไม่มีการแก้ไขข่าวให้สัมภาษณ์ที่นายกฯ โม้จนผิดวันเวลาที่บอกว่าให้สรุปเรื่องดังกล่าวใน 15 วัน ทั้งที่คำสั่งบอกให้สรุปใน 30 วัน และต่อเวลาได้อีก โดยให้รายงานความคืบหน้าทุก 10 วัน ...๐
เรียกว่ายังโชคดีที่รัฐบาลไหวตัวทัน มีการแต่งตั้ง “คารม พลพรกลาง” จากโควตาของพรรคภูมิใจไทยเข้ามาดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เพิ่มอีก 1 คน โดยยังเหลืออีก 2 ตำแหน่ง ก็อยากจะบอกรัฐนาวาเสี่ยนิดให้รีบตั้งขึ้นมาในเร็ววันจะดีกว่า เพราะหากยังดึงดันจะให้ “สัตวแพทย์ชัย” ทำหน้าที่แบกหามคนเดียว เหมือนที่นายกฯ พยายามทำตัวเป็น “ซูเปอร์แมน” หรือคนช่างแบกอยากได้ทุกตำแหน่งหน้าที่ ทั้งเรื่องความมั่นคง การเงินการคลัง และนายกฯ ด้วยแล้วระวังจะหัวทิ่มหัวตำเหมือนกรณีที่เกิดกับ “บิ๊กโจ๊ก” ก็เป็นได้ ...๐
ต้องถือว่า “เศรษฐา” ดวงดี เพราะ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” วางมือวางไม้ในการตามราวี โดยจะใช้ช่วงบั้นปลายชีวิตในการดูแลรักษามะเร็ง จึงทำให้เรื่องดังกล่าวไม่โกโซบิ๊กมากไป เราจึงได้เห็นแค่ตัวละครไม้ประดับอย่าง “สันธนะ ประยูรรัตน์” ที่โผล่ออกมาแบบแป๊บๆ เท่านั้น ที่สำคัญ “รัฐบาล” เองก็มีกูรูคนสำคัญและคร่ำหวอดอย่างดีในแวดวงสีกากีอย่าง “ดร.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ผู้อ่านกฎหมายรู้ดูกฎหมายเป็น หากมีเวลาว่าง “เศรษฐา” ก็ควรหยิบไวน์ซักลังสองลังแล้วไปปรึกษาคาถาการดูแลกำกับตำรวจกับ “ดร.เหลิม” ที่บ้านริมคลองก็น่าจะดี ...๐
หรือถ้าเสียดายไวน์ก็ควรหอบหิ้วกระเช้าผลไม้ใหญ่ๆ ขึ้นไปชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจปรึกษา “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ในเรื่องนี้ดูก็ได้ เพราะมีประสบการณ์อย่างมาก ทั้ง เรื่องดันพี่ชายเป็นผู้นำสูงสุดของเหล่าทัพ และดันพี่เมียข้ามห้วยเป็นผู้นำสูงสุดของกรมปทุมวันมาแล้ว ประสบการณ์ของ “ทักษิณและเฉลิม” ในแวดวงสีกากีนั้น ต้องเรียกว่าเบียดกันแซงเบียดกันนำเลยทีเดียว และต่อไปจะได้ไม่ออกอาการเหวอเมื่อเจอเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ...๐
หันมาเรื่อง “ก้าวไกลทัวร์เมืองลอดช่อง” กันบ้าง เพราะ “ปดิพัทธ์ สันติภาดา” ได้รายงานตัวเรียบร้อย ที่สำคัญยังสำทับเหมือนเป็นบุญคุณกับแผ่นดินอีกต่างหาก เพราะ บอกว่าใช้งบประมาณต่ำกว่าที่โครงการกำหนดไว้เหยียบ 5 แสนบาท พิโธ่! ก็มีคนกลับก่อนกำหนดยังไงเล่า แล้วที่สังคมเขามึนงงกันอย่างมากที่จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบ นั่นคือการไปดูงานอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าเอย การพบปะแรงงานไทยในสิงคโปร์เอย มันใช่งานของรองประธานสภาฯ หรืองานฝ่ายบริหารกันแน่ แต่ เชื่อหัวไอ้เรืองเถอะว่า เดี๋ยวก็ถูไถอ้างโน่นอ้างนี่ไปได้ตลอด เพราะเป็นพรรคแห่งการผูกขาดความถูกต้องอยู่แล้ว จึงไม่แปลกหากในอนาคตอันใกล้แล้ว “รองอ๋อง” จะถูกขับออกจากพรรค โดยหวังจะได้ทั้งเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านในสภาและรองประธานสภาฯ ซึ่งก็มีเหตุผลสารพัดในการฟอกขาวเรื่องดังกล่าว และที่สำคัญก็จะต้องโทษรัฐธรรมนูญที่บิดเบี้ยว แหม! ก็ในเมื่อรู้ว่ากติกาบิดเบี้ยวแล้วคุณมาลงสนามทำไม ไม่รอจนกติกาถูกต้องตรงเป๊ะเล่า ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
"นายหัวชวน" ออกโรงตวัดใบมีดโกนกรีดปาก "นายใหญ่" เจ้าของตำแหน่ง สทร. "คุณทักษิณบอกว่าเขาคือนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่ผมเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ไม่โกง ไม่ซื้อเสียง
บันทึกหน้า 4
ต้องยกนิ้วให้ “โทนี่ วู้ดซัม” เสียจริงๆ เพราะขยับปากแต่ละทีนอกจากสร้างความฮือฮาให้สังคมแล้ว ยัง สร้างภาระให้กับลูกสาวอย่าง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีอีกด้วย โดยล่าสุดก็ในการไปหาเสียงให้ “สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช” ศรีภรรยา “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ที่จะลงชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 ม.ค.นั่นแล ...๐
บันทึกหน้า 4
เมื่อวันอังคารมีการประชุม ครม.ครั้งแรกในปี 2568 หลังจากผ่านวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องมาแก้ตัวแทน พ่อนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร
บันทึกหน้า 4
” นึกว่าจะอยู่ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง อบจ.เชียงราย แต่ที่ไหนได้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมาในฐานะเป็นเจ้าของรัฐบาล โชว์บทบาทกำหนดทิศทางการทำงานของประเทศ การปรับ ครม. แถมยังด่ากราดคนเห็นต่างในหลายประเด็น
บันทึกหน้า 4
เปิดบันทึกด้วยความตะลึงตึงตึงกับตำแหน่ง "ที่สุด" อีกครั้งของนายกฯ หญิงอายุน้อยที่สุด แพทองธาร ชินวัตร เพราะมีทรัพย์สินอยู่ถึง 13,846 ล้านบาท และตัวเลขที่ออกนี้ วิเคราะห์วิจารณ์กันยกใหญ่ว่า อาจจะเป็นนายกฯ ที่มั่งคั่งที่สุดในโลกนะเออ!! ...0
บันทึกหน้า 4
หลังกลับเข้าสู่โหมดการทำงาน-การใช้ชีวิตประจำวันแบบปกติ ตามปฏิทินประจำปี 2568 กันแล้ว ตลอดปี 2568 ที่เป็นปีมะเส็ง นักวิเคราะห์การเมืองหลายสำนักก็ยังมองว่า การเมืองไทยปีหน้า ก็ยังมีหลายเรื่องให้น่าติดตาม เช่น การเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ ในวันที่ 1 ก.พ.2568