เล่นเอาวุ่นวาย ว้าวุ่นไปตามๆ กันเลย ในช่วงเช้า วันแถลงนโยบายของรัฐบาลเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา
เมื่องานนี้ ผู้ประสบภัยจากที่จอดรถมากจนมืดฟ้ามัวดิน ทั้งเหล่าข้าราชการ พนักงาน ผู้สื่อข่าว รวมถึงผู้ที่มาใช้อาคารรัฐสภา เพราะเกิดปัญหารถติดภายในอาคารรัฐสภายาวไปถึงสี่แยกเกียกกาย ไม่มีที่จอดรถยนต์ภายในอาคารทั้งชั้น B1 และ B2 และต้องวนหาที่จอดรถยนต์นานถึง 1 ชั่วโมง รวมทั้งบางรายก็ย้ายไปจอดที่วัดแก้วจุฬามณี
งานนี้ สื่อทั้งหลายเลยพากันไปส่องให้เห็นจะจะในบริเวณช่องจอดรถยนต์ชั้น B2 ในโซนกลางที่มีการล็อกช่องจอดรถยนต์นั้น พบว่าไม่มีรถยนต์ของ สส.มาจอดจนเต็มช่องจอดที่ล็อกไว้แต่อย่างใด มีเพียงรถยนต์ สส.บางคันที่เข้ามาจอดเท่านั้น ส่วนที่จอดรถยนต์ชั้น B1 ก็มีรถยนต์จอดเป็นจำนวนมาก และมีการจอดรถยนต์ซ้อนคันด้วย
หลังเจอดรามาเข้าอย่างจัง พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ที่จอดรถบริเวณชั้น B2 เป็นการบริหารจัดการของสภาผู้แทนราษฎร เรามีปัญหาที่จอดรถ เวลาประชุมวันพุธและวันพฤหัสบดี สส.หลายคนไม่มีที่จอดรถ ไม่ทราบว่าใครมาจอดเต็มไปหมด ต้องจัดให้เป็นระเบียบ”
“สภาเป็นที่ประชุมของผู้แทนราษฎร การอำนวยความสะดวกต้องมาก่อน การติดสติกเกอร์หมายเลข สส. ใช้ในวันประชุม เป็นการแก้ปัญหา สส.ไม่มีที่จอดรถ ที่อาจส่งผลให้โหวต และประชุมไม่ทันตามวาระสำคัญ”
งานนี้เลยลามไปปมเรื่องการใช้เอกสิทธิ์ สส. ซึ่งอาจกระทบกับเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการในสภา
พิเชษฐ์ รับหน้าเสื่อว่า “เป็นการบริหารจัดการที่จอดรถของ สส. 500 คน ในการประชุมสภาเพียงแค่วันพุธและวันพฤหัสบดี ที่เหลือก็เป็นที่จอดรถของทุกคนที่มาใช้ที่นี่”
“แค่ 500 ที่ ที่จอดรถ ในสามารถจอดรถได้ 2,000 กว่าคัน มีร้องเรียนเข้ามา สส.หลายคนมาประชุม และมาโหวตไม่ทัน เพราะวนกี่รอบๆ ก็ไม่มีที่จอด เป็นปัญหาที่เราต้องแก้ ส่วนวันอื่นๆ ทุกคนสามารถจอดได้อยู่แล้ว จอดตรงไหนก็ได้หมด สงวนไว้แค่ 500 ที่ จาก 2,000 ที่ในวันประชุม”
แหม่ๆ เอาจริง เรื่องนี้ทุกฝ่ายได้รับผลกระทบหมด เพราะทุกคนก็ต่างมาทำงานทำหน้าที่ของตัวเอง แต่การที่ต้องวนรถหาที่จอดในตอนเช้า แล้วมองเห็นที่จอดรถไม่มีรถจอดก็จะรู้สึกอะไรอยู่ แต่ก็เป็นดรามาที่สังคมต่างแยกเสียงกัน บ้างก็สมควรแล้วที่ล็อกไว้ บ้างก็บอกว่าทุกคนควรมีสิทธิ์เท่ากัน แต่ก็ไม่รู้ว่ามีวิธีไหนที่จะสามารถประนีประนอมได้ เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ เน้อ.
เจ้าพระพาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ออร่าจับมาก
ในบรรดาเสนาบดีหน้าใหม่ หรือทายาททางการเมืองที่โดดเด่น นาทีนี้หลายคนยกให้ รมต.ดีดา-ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลูกสาวในไส้ ชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย
“ไม่ต้องรอมติพรรค”
“ คนท้องถิ่น...คนศรีสะเกษ... “คนบ้านเดียวกัน” ถือสโลแกนหาเสียงของ “นายกฯส้มเกลี้ยง” วิชิต ไตรสรณกุล ผู้สมัครนายก อบจ.ศรีสะเกษ ในนามกลุ่ม “คนท้องถิ่น” และยังเป็นคุณพ่อของ “เลขาฯกวาง” ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ทันเกมทักษิณ
โบราณว่า “ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน” จริงที่สุด ดูการเมืองเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน
“เดี๋ยวก็หายไปแล้ว”
ช่วงนี้คนกรุงเทพฯ ตื่นเต้นเป็นพิเศษ อากาศตอนเช้าอุณหภูมิประมาณ 20 องศา ถือว่าเป็นอากาศเย็นสบายๆ
หัวหน้าแก๊งเด็ก
พร้อมลุยงานกันต่อในปี 2568 สำหรับทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ต้อนรับปีใหม่ด้วยการตีปี๊บข่าวสารด้านต่างๆของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องเช่นเดิม โดยเฉพาะ “รองฯโบ๊ต” อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากค่ายกล้าธรรม (กธ.) ที่ล่าสุดรีบแจ้งข่าวสารถึงเกษตรกรไทย
ไร้บอดี้การ์ด
ต้อนรับปีใหม่ปีงู 2568 แล้ว แต่ภารกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยังคงเข้มข้นเช่นเดิม หลังเห็นรีวิวส่งท้ายปีของ รทสช. ที่บอกว่า พร้อมพังทุกอุปสรรค เพื่อประโยชน์ชาติ ทั้งพัง..การผูกขาด, พัง..ระบบที่เน่าเฟะ และพัง..การโกงกินทุกรูปแบบ พร้อมผลิตเสื้อพรรคสีน้ำเงิน สกรีนข้อความ “พัง! เพื่อประโยชน์ชาติ” ให้ได้เห็นกัน