การทูตเชิงรุกของรัฐบาลเศรษฐา: Thailand is back!

หนึ่งในประเด็นที่จับตาของคนไทยและนานาชาติคือทิศทางนโยบายต่างประเทศของรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” ที่มีมือขวาด้านนี้คือรองนายกฯและรัฐมนตรีต่างประเทศ ปานปรีย์ พหิทธานุกร

ในจังหวะที่คำว่า “นโยบายต่างประเทศ” มีความสำคัญเพราะเชื่อมโยงกับเรื่องความมั่นคง, เศรษฐกิจ, สังคมและ soft power อย่างปฏิเสธไม่ได้

และในขณะที่มีเสียงเรียกร้องให้ประเทศไทยยกระดับสถานภาพของเราให้เป็น Middle Power หรือ “ประเทศที่มีอิทธิพลระดับกลาง”

ไม่ใช่ “มหาอำนาจ” แต่ก็ไม่ใช่ “ประเทศกำลังพัฒนา” อีกต่อไป

เพราะมีข้อวิพากษ์มาหลายปีแล้วว่าประเทศไทยได้หล่นไปจาก “เรดาร์ของโลก” เพราะบทบาทในเวทีสากลหดหายและเพื่อนบ้านหลายประเทศในอาเซียนกลับมีบทบาทโดดเด่นในเวทีระหว่างประเทศมากกว่าไทย

ทำให้ profile หรือสถานภาพของไทยกลายเป็นประเทศแถวหลัง ประเทศมหาอำนาจไม่ให้ความสำคัญกับเรามากเท่ากับอีกหลายประเทศในแถบนี้

เพราะเขาทำตัวให้มีความสำคัญในสายตาของค่ายต่าง ๆ ในภาวะการแข่งขันด้านภูมิรัฐศาสตร์อย่างสม่ำต้นเสมอปลาย

ปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐประหารเมื่อ 9 ปีก่อนโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีส่วนทำให้ฐานะของไทยถดถอยในสายตาของโลกตะวันตก

และแม้ว่าประเทศจีนจะคบเราใกล้ชิด แม้รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ คสช. จะขยับเข้าใกล้ปักกิ่งเพราะถูกวอชิงตันแสดงความรังเกียจ แต่ในท้ายที่สุดเราก็ตระหนักว่าการถูกมองว่าเราอยู่ใต้เงาของยักษ์ใดยักษ์หนึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศแน่นอน

ดังนั้น รัฐบาลเศรษฐา จึงมีความจำเป็นต้องฟื้นฟูสถานภาพของไทยในเวทีระหว่างประเทศอย่างเร่งรีบ

และการทำงานของกระทรวงต่างประเทศในยุค disruption นั้นต้องปรับและเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ

เพราะการที่เราจะแก้ปัญหาของไทยในเวทีสากลนั้นจะต้องมียุทธศาสตร์ที่เป็นเอกภาพซึ่งหมายถึงการรวมเอาบทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหลายมาเป็นทิศทางเดียวกัน

ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงกลาโหม, เกษตรฯ, ท่องเที่ยว, คมนาคม, อุตสาหกรรม, วัฒนธรรม, พาณิชย์ และอื่น ๆ

อีกทั้งยังต้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับภาคเอกชนและนักวิชาการในอันที่จะผลักดันนโยบายร่วมในการประสาน, ต่อรองและร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ ทั้งหลาย

คุณปรานปรีย์ มีประสบการณ์ด้านการทูตและการค้าระหว่างประเทศขณะที่ คุณเศรษฐา มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจระหว่างประเทศ

ยิ่งหากสามารถปลุกเร้าให้ทีมงานในกระทรวงต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่มีความสามารถในด้านการทูตระหว่างประเทศอยู่แล้ว ก็จะสามารถสร้างพลังแห่งความเป็นประเทศไทยในเวทีสากลได้อย่างดีเยี่ยม

ทั้งคุณเศรษฐาและคุณปานปรีย์ รวมถึงรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศคุณจักรพงษ์ แสงมณี จะต้องหลีกเลี่ยงการเอาคนของตัวเองเข้าไปยุ่มย่ามกับการทำงานของ “นักการทูตมืออาชีพ” ของกระทรวงอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต

เรื่องที่ทำให้เกิดความสับสนและทำลายขวัญและกำลังใจของคนในกระทรวง คือ การที่รัฐมนตรีเอาคนของตนเข้ามาในตำแหน่งที่มาข่มเหงหรือข้ามหัวมืออาชีพของกระทรวง

นอกเหนือจะทำให้เกิดความแตกแยกในกระทรวงแล้วก็ยังทำให้เกิดอาการ “เกียร์ว่าง” ของเจ้าหน้าที่ที่ไม่ต้องการจะ “มีเรื่อง” กับระดับสูง

ส่วนคนที่มีความรู้ความสามารถที่แท้จริงก็จะถูกกันออกจากหน้าที่งานการ ทำให้ประสิทธิภาพของกระทรวงเสื่อมทรุด

แทนที่จะมีการผลักดันนโยบายสำคัญ ๆ เพื่อประโยชน์ของประเทศ กลับทำให้เกิดเป็นการแก๊งเป็นก๊วนขึ้นมาในกระทรวง

คุณปานปรีย์ เริ่มทำงานเป็นข้าราชการที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำหน้าที่วิเคราะห์นโยบาย และเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานในห้องประชุมคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ และพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ

ในปี 2539 ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศในรัฐบาลของพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ

และในปี 2545 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา

ในปี 2546 เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างปี 2546–2548 ได้รับมอบหน้าที่ให้เป็นหัวหน้าคณะเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรี (ประเทศอินเดีย และกลุ่มประเทศ BIMST-EC)

 และในปี 2547 เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรม มีบทบาทสำคัญในการวางแผน แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ เพื่ออุตสาหกรรมใน Eastern Seaboard

ปี 2548 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนการค้าไทย และได้รับมอบให้ทำหน้าที่ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุนและการค้าภายใต้กรอบความตกลงเขตการค้าเสรี และประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า

ปี 2551 เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (อันดับ 1) รับผิดชอบในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และเป็นกรรมการยุทธศาสตร์พรรค

 

ปี 2556 ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

คุณปานปรีย์สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทด้านรัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย และปริญญาเอกด้านการบริหารจัดการภาครัฐจาก Claremont Graduate University

ซึ่งเป็นสถาบันเดียวกันที่คุณเศรษฐาจบปริญญาโท สาขาการเงินมาเช่นกัน

ความท้าทายของรัฐบาลเศรษฐา เรื่องระหว่างประเทศคือการทำให้เวทีโลกได้ยิน “สุ้มเสียง” ของประเทศไทยในประเด็นสำคัญ ๆ อย่างชัดเจน

ขณะที่ประเทศไทยเคยมีชื่อเสียงด้าน “การทูตลู่ตามลม” วันนี้เราต้องแสดงจุดยืนในเรื่องที่ทั้งโลกคาดหวังว่าเราจะมี “จุดยืน” ในเรื่องสำคัญ

แม้เราจะเชื่อว่าการทูตไทยควรจะเป็นแบบ quiet diplomacy หรือ “การทูตเชิงเงียบ” แต่ในหลาย ๆ กรณีเราก็ “เงียบเกินไป” จนทำให้ “สุ้มเสียง” ของเราไร้ความหมาย

โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านของเราเช่นอินโดนีเซีย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, เวียดนาม หรือแม้แต่กัมพูชาในการเล่นบท pro-active diplomacy หรือ “การทูตเชิงรุก” ในหลาย ๆ เวทีที่มีความสำคัญต่อผลประโยชน์ของชาติ

พรุ่งนี้จะได้พูดถึงเวทีระหว่างประเทศำคัญ  ๆ ที่นายกฯและรัฐมนตรีต่างประเทศไทยควรจะต้องแสดงวิสัยทัศน์ให้โดดเด่น

สมกับที่นายกฯเศรษฐาเคยบอก (ก่อนการเลือกตั้ง) ว่าถ้าได้เป็นผู้นำประเทศจะเดินทางไปทั่วโลกเพื่อประกาศว่า

Thailand is back!

ประเทศไทยจะกลับมาอย่างเต็มภาคภูมิในเวทีโลกได้จริงต้องทำอะไรมากกว่าที่ทำมาหลายเรื่องทีเดียวครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ