ไม่ทราบว่าอารมณ์คนทั่วไป หลังข่าวช็อกเมื่อสัปดาห์ก่อนยังแรงอยู่หรือไม่ครับ?
ไม่ว่าคุณจะใส่เสื้อสีอะไร รักสถาบันหรือไม่ ข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วต้องทำให้คุณมีอารมณ์ไปทางใดทางหนึ่ง จะโกรธ จะเซ็ง จะท้อ จะฉลอง จะดีใจ ไปทางไหนก็แล้วแต่ มันต้องเกิดอารมณ์ และความเป็นคนไทยในยุคนี้ที่สวดคาถาขึ้นใจว่า “คนของกูถูกเสมอ คุณที่กูเกลียดผิดทุกเรื่อง” ออกมาชื่นชมและยกย่องคนที่ตนชอบ และด่าคนที่ตนเกลียด
ก็ว่ากันไปครับ เอาที่สบายใจ เหตุสัปดาห์ก่อนสามารถสรุปประเด็นที่ผมเขียนมาสองสัปดาห์ติดกัน คือเรื่องความจริงแปลกและมหัศจรรย์กว่าเรื่องนิยาย
ขอสวมหมวกฟุดฟิดฟอไฟสักนิดหนึ่งครับ ความรู้สึกเรื่องข่าวคราวสัปดาห์ก่อน (ถึงแม้หลายคนจะอ้างว่า “รู้อยู่แล้ว” …ตอนภายหลังก็ตาม) เข้าข่ายความรู้สึก Blind Sided ความรู้สึก Blind Sided มาจากคำว่า Blind Side ที่แปลว่า ช่องบอด หรือด้านบอด เหมือนเวลาเราขับรถและมองกระจกข้าง ถ้าเราไม่หันไปข้างหลัง และอาศัยดูแต่กระจกข้างๆ อย่างเดียว มันจะมีช่องบอดใช่ไหมครับ? อันนั้นล่ะคือ Blind Side (หรือ Blind Spot ในกรณีเรื่องขับรถ) แต่ถ้าเป็น Blind Sided อันนั้นหมายความว่า เราถูกโจมตี ถูกตบ ถูกตี หรือถูกเตะ มาจากไหนไม่รู้ เหมือนว่าเราไม่ตั้งท่าอะไรและโดนเต็มๆ
ทำให้นึกถึงประเด็นข่าวเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนจากหนัง The Blind Side พอจำเรื่องนี้ได้ไหมครับ? นางเอก (Sandra Bullock) ได้รางวัล Oscar เล่นบทเป็นผู้หญิงใจบุญ รับเลี้ยงและดูแลเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ขาดแคลนความอบอุ่นและยากจน ปั้นให้เป็นดาวอเมริกันฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัย และในที่สุด NFL (National Football League)
ก่อนเข้าเรื่อง ผมขออธิบายอเมริกันฟุตบอลแบบห้วนๆ ครับ (เนื่องจาก Season เริ่มสัปดาห์นี้)
อเมริกันฟุตบอลแบ่งเป็นสองฝั่ง มีฝ่ายรุก เรียกว่า Offence ทำหน้าที่ควบคุมลูกบอล และอีกฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายรับ เรียกว่า Defense ทำหน้าที่รับมือฝ่ายรุก พยายามไม่ให้ฝ่ายรุกเดินหน้าได้ ทีมไหนจะชนะหรือแพ้ หัวใจของการต่อสู้อยู่ในตำแหน่งที่เรียกกันว่า Offensive Line กับ Defensive Line หรือเรียกรวมกันว่า Line of Scrimmage ทีมไหนไม่แข็งในสองจุดนี้ อย่าหวังจะประสบความสำเร็จ
หน้าที่ของ Defensive Line คือจะต้องปั่นป่วนไม่ให้ฝ่าย Offense ทำอะไรได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะขว้างลูก ไม่ว่าจะวิ่ง ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ ส่วนหน้าที่ของ Offensive Line ทำหน้าที่ควบคุมฝ่ายตรงข้าม และปกป้อง ป้องกันทุกคนฝั่ง Offence เพื่อรักษาลูกให้นานที่สุด กินเวลาให้นานที่สุด และคุมเกมให้ดีที่สุด เนื่องจากฝ่าย Offence เป็นฝ่ายรุก
คนเราส่วนใหญ่จะถนัดขวาใช่ไหมครับ? ดังนั้น คำศัพท์ของอเมริกันฟุตบอล เวลาพูดถึง Offensive กับ Defensive Line คือคำว่า Strong Side กับ Weak Side ถ้าเป็น Strong Side ของด้านไหนก็ตาม (สมมุติว่าเป็นฝั่ง Defense) อันนั้นคือด้านขวาของเขา จะชนกับด้าน Weak Side ของฝั่ง Offense เพราะจะเป็นด้านซ้ายของฝั่ง Offense
เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นฝั่ง Offense ด้าน Strong Side ของเขาคือข้างขวา จัดชนกับ Weak Side ของฝั่ง Defense (พอเห็นภาพไหมครับ?)
ดังนั้นตามยุทธศาสตร์ Defense มักจะเอาผู้เล่นแข็งๆ เก่งๆ ที่จะบุกและปั่นป่วนได้ดีมาอยู่ด้านขวาของเขา ทำให้ฝั่ง Offence ต้องเอามือรับดีๆ และมีฝีมือที่สุดให้อยู่ด้านซ้ายของตัวเอง เพื่อรับฝั่งตรงข้ามให้ดี คนที่ทำหน้าที่ฝั่ง Offence ตรงนี้มีบทบาทและหน้าที่สำคัญอย่างยิ่ง นอกจากจะรับการบุกและป่วนจากฝั่งตรงข้ามแล้ว คนคนนี้ต้องทำหน้าที่ปกป้องและป้องกัน Blind Side ของตำแหน่งสำคัญที่สุดในทีม นั่นคือตำแหน่ง Quarterback
อย่างที่บอกครับ คนเราส่วนใหญ่ถนัดขวา บรรดา Quarterback ส่วนใหญ่ถนัดขวาเช่นเดียวกัน ดังนั้นเวลาเขาจะขว้างลูก เขาจะหันหลังให้กับด้านซ้ายของ Offensive Line (หรือ Weak Side) ของตัวเอง ซึ่งก็คือด้านขวาของฝั่ง Defense (หรือ Strong Side) ในการหันหลังให้ อันนั้นถือว่าเป็น Blind Side
สำหรับใครที่อยู่ในตำแหน่งด้านซ้ายของ Offensive Line จะต้องรับความไว้วางใจและความเชื่อใจจาก Quarterback และบรรดาโค้ชของทีม เพราะ Quarterback จะต้องทำหน้าที่ของตนเอง โดยไม่ต้องกังวลและผวาฝ่ายตรงข้ามจะมาทำลายเขาจากจุดบอด ถ้า Quarterback ต้องเหลียวแลมองข้างหลังตลอดเวลา เขาไม่สามารถทำอะไรเลย และทีมนั้นๆ จะแพ้มากกว่าชนะ
ส่วนใหญ่ผู้ทำหน้าที่ในตำแหน่ง Offensive Line จะเป็นผู้ “ปิดทองหลังพระจริง” แท้ๆ เพราะถ้าไม่มีพวกเขา ทั้งทีมเดินหน้าไม่ได้เลยครับ Quarterback ขว้างลูกก็ไม่ได้ Running Back วิ่งไปไหนไม่ได้ Wide Receiver รับลูกอะไรไม่ได้ เพราะ Quarterback ไม่มีเวลาพอจะขว้างลูกให้
The Blind Side เป็นหนังดี เป็นหนังประเภท “Feel Good” ให้คนดูปรบมือเชียร์คนดีที่ให้โอกาส คนไร้โอกาส และปรบมือเชียร์ให้กับมนุษย์ไร้โอกาสที่ชนะอุปสรรค เพราะความดีและความสามารถของตน ตั้งแต่หนังเรื่องนี้ออกมาใหม่ๆ คนเข้าใจว่าเป็นเรื่องจริง แต่ปรากฏว่าจากเรื่องหนังมันกลับกลายเป็นเรื่อง “จริง” เสียแล้ว เลยไม่รู้ว่า ตกลงเรื่องนี้มันจริงเท็จมากแค่ไหน เอาเป็นว่าสัปดาห์หน้า ผมขอคุยเรื่องนี้ต่อ เพราะเป็นเรื่องน่าสนใจ และไม่รู้ว่าเรื่องนิยายแปลกกว่าความจริง หรือความจริงแปลกกว่านิยายกันแน่ เพราะสำหรับเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ว่า อะไรคือจริง อะไรคือเท็จ และอะไรคือนิยาย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'BRO!!!!!'
เกือบ 2 สัปดาห์กับผลการเลือกตั้งในสหรัฐ ที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั่วไป เว้นบรรดานักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมา พวกนี้ยังพูดเต็มปากเต็มคำว่า
“ถ้าไม่เลือกเรา...เขามาแน่”...ทำให้เขาชนะขาดลอย
ผมไม่แน่ใจว่ากว่าแฟนคอลัมน์จะได้อ่านบทความนี้ เรื่องที่ผมจะเขียนนั้นมันแห้งเกินไปหรือเปล่า เพราะกว่าจะถึงวันที่ได้อ่านบทความนี้ เรื่องนี้อาจจะเก่าไปแล้วก็ได้
ผมจะไม่แปลกใจถ้าTrumpชนะ….แต่ผมจะแปลกใจถ้าHarrisแพ้
อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะได้รู้กันว่าใครจะเป็นผู้นำ “The Free World” ระหว่างอดีตประธานาธิบดี กับอดีตรองประธานาธิบดี
Thank you, Fernando
โค้งสุดท้ายในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐมาถึงแล้ว ผมขอประกาศตัวว่า ผมไม่ใช่นักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมาครับ บ้านเมืองเราเต็มไปด้วยนักวิเคราะห์ที่จะฟันธงและวิเคราะห์อย่างหนึ่ง….
28 ยังแจ๋ว!!!!
ผมขออนุญาตเขียนเรื่องเบาๆ อีกสักครั้งหนึ่งครับ ไม่เขียนวันนี้ผมไม่รู้จะเขียนตอนไหน และเอาเข้าจริงผมอยากพาแฟนๆ ทั้งหลายออกจากโลกข่าวดิไอคอนกรุ๊ปครับ
8ปีที่แล้ว….ที่ไม่มีวันลืม
ในชีวิตทุกคนมักจะมีอยู่ไม่กี่เหตุการณ์ที่ทำให้เราจำบรรยากาศ จำบริบท จำความรู้สึก และจำทุกรายละเอียด เมื่อเรารำลึกถึง หรือนึกถึงอีกที