ระหว่างเรื่อง 'น้ำพริก' กับความเป็นไปของบ้านเมือง

พอเป็นที่ เข้าใจได้ ...ว่าเหตุใด? ในบางช่วง บางขณะ ปรมาจารย์ด้านการคิดๆ-ขีดๆ-เขียนๆ แถมยังต้องถือเป็นอภิมหานักการเมือง ที่มีเสียง สส.อยู่แค่ 16 เสียงภายในมือ แต่ก็ยังสามารถผงาดขึ้นมาเป็น นายกรัฐมนตรี ประเทศไทยจนได้ อย่างหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ท่านถึงต้องใช้เนื้อที่ พื้นที่ ในคอลัมน์ส่วนตัวของหนังสือพิมพ์ สยามรัฐ รายวันเมื่อครั้งอดีต หันไปถ่ายทอด รจนา เรื่องราวของ น้ำพริก ชนิดยาวอีเหลนเป๋น แทบไม่ต่างอะไรไปจากมหากาพย์รามายณะของอินตะระเดีย แทนที่จะใช้เนื้อที่ เวทีดังกล่าว แสดงความคิด-ความเห็น ในเรื่อง การบ้าน-การเมือง อันเต็มไปด้วยปมปริศนาคาอก-คาใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยในช่วงระหว่างนั้น

คือในบางครั้ง-บางครา บางช่วง-บางขณะ...การแสดงออกเพื่อไม่ให้ใครต่อใครล่วงรู้และเข้าใจว่า ตัวเรา กำลังคิดอะไร? เห็นอะไร? มันอาจเป็นสิ่ง จำเป็น ระดับไม่น้อยไปกว่าการแสดงออกถึงความคิด-ความเห็น ในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ กรณี อย่างที่บรรดาพวกนักจิ้มๆ ทิ่มๆ อยู่ในจอคอมพิวเตอร์ ในโลกโซเชียล มีเดียทั้งหลาย เขาต่างขยันขันแข็งเสียเหลือเกิน ในการโพสต์โน่น โพสต์นี่ เพื่อให้ใครต่อใครเอาไปกดไลก์ กดแชร์ จนบางครั้ง-บางครา เลยแทบไม่ต่างไปจากการ ระบาย อารมณ์-ความรู้สึก แบบคล้ายๆ การเบ่งถ่าย ของเสีย ออกจากร่างกาย ชนิดแทบไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงการคิด การใคร่ครวญ พิจารณาสิ่งต่างๆ อย่างรอบรู้และรอบด้าน เอาเลยแม้แต่น้อย

ดังนั้น...การปรับเปลี่ยนกรรมวิธีในการแสดงออก จากเรื่องของการบ้าน-การเมือง มาเป็นเรื่องราวของ น้ำพริก กันแทนที่ จึงเป็นอะไรที่ไม่เพียงแต่เหมาะสม สอดคล้อง กับฉากสถานการณ์นั้นๆ แต่ยังเป็นสิ่งที่เหมาะสม สอดคล้อง กับการกำหนด ระยะห่าง-ระยะเคียง ระหว่าง ตัวตนของตน กับ ความเป็นไปของสังคม ที่ยังหาทางออก-ทางไปไม่ค่อยจะเจอ หรือยังเต็มไปด้วยปมปริศนาคาใจ อันอาจต้องอาศัยช่วงจังหวะ เวลาและโอกาส ค่อยๆ คลี่ ค่อยๆ คลาย แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ไปตามสภาพ หรือตามความเป็นไปของ กฎเหล็กแห่งธรรมชาติ อันว่าด้วย... ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป นั่นแล

เพราะอย่างใครต่อใครพูดๆ มาโดยตลอดนั่นแหละว่า ความพยายามเป็นของมนุษย์-แต่ความสำเร็จเป็นของฟ้า อันถือเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอน ความผันผวน ปรวนแปร ของสรรพสิ่งทั้งหลาย ที่ยากจะกำหนด กฎเกณฑ์ ให้เป็นไปตามความปรารถนา-ต้องการ หรือตามความคิด-ความเห็น ของใครคนใดคนหนึ่ง ได้ง่ายๆ แม้ว่าคนผู้นั้น...จะเป็นถึงปรมาจารย์ เป็นนักคิด นักปฏิบัติ เป็นผู้ชาญฉลาด รอบรู้ในแทบทุกเรื่อง ทุกๆ กรณี ก็ตามที เพราะขนาดผู้ที่รู้แจ้ง แทงตลอด รู้ไปถึงโลกนั้น โลกนี้และโลกหน้า รู้ถึงขั้น สัพพัญญู อย่าง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือบรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย ยังหนีไม่พ้นที่ต้องสรุปไว้แต่เพียงคร่าวๆ โดยอาศัยกฎเหล็กแห่งธรรมชาติ กฎอิทัปปัจยตา-ปฏิจจสมุปบาทเป็นพื้นฐานนั่นแหละว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง...ล้วนแล้วแต่เป็น อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง ล้วนแล้วแต่มี ความไม่แน่นอน ความที่มิอาจควบคุม บังคับ ให้เป็นไปตามที่ตัวเองปรารถนาและต้องการ ที่จะดำรง คงอยู่ ไปโดยตลอด

การชี้แนะ ชี้นำ ทางออก-ทางไป หรือทางรอดของสังคมทั้งสังคม...จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ด้วยเหตุเพราะ องค์ประกอบ ต่างๆ มันมีอยู่เยอะแยะ มากมาย และหลากหลายเสียเหลือเกิน ต่างไปจากทางออก-ทางไป-ทางรอด ของตัวบุคคล ปัจเจกบุคคลที่ยังพอสามารถควบคุม บังคับ ยังสามารถกำหนดจิต กำหนดใจ ไม่ให้หันเห รวนเร ไม่ให้ต้องไปมีปฏิสัมพัทธ์-ปฏิสัมพันธ์กับแต่ละสิ่งแต่ละอย่าง ที่ทะลักหลั่งไหล เข้ามา ปรุงแต่ง อารมณ์-ความรู้สึกของตัวเอง ได้มากบ้าง-น้อยบ้างไปตามสภาพ และหนึ่งในนั้นก็คือการ วางเฉย หรือการ เฉยมอง ไม่ใช่ เฉยเมิน การหันมาอาศัย อุเบกขาธรรม เป็นตัวประคับประคองไม่ให้ถึงกับต้อง สติแตก หรือต้องนอตหลุด นอตหลวม เอาง่ายๆ

จนกว่าจะเห็นช่อง เห็นจังหวะ เห็นโอกาส...ที่จะให้ความเป็นไปของสิ่งนั้น-สิ่งนั้น นำมาซึ่งสิ่งที่ตัวเองปรารถนาและต้องการได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง อันนั้น...ก็ถึงค่อย เกกันแบบหมดหน้าตัก หรือ เกแบบสุดหลอด หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่ถ้ามันยังไม่ถึงขั้นที่จะเป็นไปเช่นนั้น ยังไม่มี เหตุปัจจัย ที่จะนำไปสู่ความสุกงอมของสถานการณ์ในแต่ละขั้น แต่ละตอน การหันไปหยิบเอาความรอบรู้เรื่อง น้ำพริก มาใช้เป็นตัวแสดงออก แทนที่จะไปแกว่งตีนหาเสี้ยน หรือไป ระบาย ของเสียออกจากร่างกายไปวันๆ อย่างพวกเฟซบุ๊ก พวกทวิตเตอร์ทั้งหลาย ย่อมน่าจะก่อให้เกิด ความอยู่เป็น หรืออยู่-เย็น-เป็นสุข ไม่ว่าต่อตัวเองหรือสังคมทั้งสังคม ได้ไม่ยากส์ส์ส์...

ก็เอาเป็นว่า...ในช่วงระหว่างนี้ คงต้องหมั่นหันไปยึดมั่น หันไปหา อุเบกขาธรรม นั่นแหละดีที่สุด ยึดเอาธรรมะ ยึดครรลองคลองธรรมเป็นที่ตั้ง แม้จะต้องเผชิญกับบรรดาตัวบุคคล ที่เต็มไปด้วยบทบาท อำนาจ อันหลากหลาย ประกอบไปด้วยแง่มุมในแต่ละแง่ แบบชนิดหลายแฉก หลายมุม เสียเหลือเกิน เพราะสุดท้าย...ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะเป็นไปตามพุทธพจน์ พุทธภาษิต ท่านว่าไว้นั่นแหละว่า ธัมโม หะเว รักขติ ธัมมะจาริง หรือ ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม อันจะเป็นตัวโน้มนำไปสู่ทางออก-ทางไป และ ทางรอด จนได้...

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พระผู้เป็นเจ้า'กับ'กรรมดี-กรรมชั่ว'

ถ้าหากยังไม่ถึง จังหวะ และ โอกาส ที่เหมาะ-ที่ควร...ในอันที่จะทำให้ เพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป ความพยายามที่จะเคี่ยวเข็ญ-บังคับ-ขับไส

สีกากีไม่มีแผ่ว

วลี "สีกากีไม่มีแผ่ว" ดูจะไม่เกินจริงนัก ศึก "นายพล" ยังคงคุกรุ่นพร้อมจะลุกโชนตลอดเวลา "นายพัน-นายร้อย" ก็ไม่น้อยหน้า คำสั่งเด้งเข้ากรุแทบจะออกมาเป็นรายวัน

ทำไม่ดีก็ยังไม่ได้...ผลที่ได้เลยยังไม่ดี

การเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่ถูกอกถูกใจคนจำนวนมาก เริ่มต้นตั้งแต่การกำหนดวิธีเลือกที่หลายคนติดตามแล้วรู้สึกสับสน เข้าใจยาก

การปะทะทางอารยธรรมที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้

ด้วยเหตุเพราะ อ่านหนังสือหมดบ้าน จนแทบไม่เหลืออะไรให้อ่านอีกต่อไปแล้ว!!!...เลยต้องหันไปคว้าเอา พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ที่ท่านทูตวัฒนธรรมอิหร่าน

รักในอาชีพตำรวจ

หลังนายกฯ เศรษฐา สะบัดปากกาส่ง บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กลับคืน "กรมปทุมวัน" ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะ