ก็น่าจะพอได้เบาๆ โล่งๆ ขึ้นมาซักกะหน่อย...แม้ยังอาจเป็นเพียงแค่ ความรู้สึก ก็ตาม สำหรับการปรากฏตัวของท่านเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ ที่เรียกๆกันว่าโอไมครอน โอมิครอน อะไรทำนองนั้น เพราะแม้ยังไม่ถึงกับมี ข้อมูล เพียงพอ หรือมิอาจด่วนสรุปเร็วเกินไป แต่ไม่ว่าจะเป็น WHO ของสหประชาชาติ หรือ CDC ของอเมริกา ดูจะเห็นพ้องไปในแนวเดียวกัน ว่าแม้จะติดง่าย ติดเร็ว แต่ก็ไม่ถึงกับ แรง มากมายซักเท่าไหร่...
------------------------------------------
คือแค่ไอค็อกๆ แค็กๆ ไอกระด๊อกกระแด๊ก คัดจมูก น้ำมูกไหล อ่อนเพลียละเหี่ยใจในบางช่วง บางระยะ แต่เดี๋ยวใจก็ลุกจากเตียง เดินปร๋อกลับไปฮอดบ้านได้ตามปกติ ไม่ถึงกับปาก ลิ้น ปุ่มรับรสไม่ทำงาน หายใจทางปาก ทางเหงือก ก็ยังไม่พอ
ต้องท่อออกซิเจน เพื่อช่วยให้ปอดที่ถูกกัดกิน กัดกร่อน จนแทบไม่เหลือแรงสูบ แรงอัด พอได้ฮื้ดๆ ฮ้าดๆ ขึ้นมาได้มั่ง ฯลฯ เหมือนอย่างที่ท่านเชื้อไวรัสโควิด สายพันธุ์เดลตา ท่านเคยแสดงให้เห็นถึงอานุภาพ ศักยภาพ ภายในตัวผู้ติดเชื้อทั้งหลายไปเมื่อก่อนหน้านี้ หรือถ้าพูดตามสำนวน หมอ-ยง ก็อาจไม่ถึงขั้นต้องอาศัย ไม้เขี่ย ขณะอยู่ห่างกันเป็นวาๆ แต่ยังดันเกิดอาการกระเหี้ยนกระหือรือ อยากจะกุ๊กๆ กิ๊กๆ อะไรต่อมิอะไรทำนองนั้น...
-----------------------------------------
อย่างไรก็ตาม...ถึงแม้จะไม่ แรง มากมายซักเท่าไหร่ แต่ด้วยเหตุเพราะติดง่าย ติดเร็ว นี่สิ!!! ที่ยังทำให้ท่านเชื้อไวรัสโควิด โอมิครอน ยังคงเป็นอะไรที่น่าเกลียด น่ากลัว ไม่น้อยไปกว่ากันแต่อย่างใด เพราะจำนวนตัวเลขการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสในอเมริกา ในยุโรป โดยเฉพาะเมืองผู้ดีอังกฤษช่วงนี้ เห็นว่า...เล่นเอางอมๆแงมๆ ติดกันระเนระนาด ระดับปาเข้าไปถึง 120,000 คนต่อวันไปแล้ว สำหรับคุณพ่ออเมริกา ส่วนผู้ดีอังกฤษที่ชอบแหกปากตะโกนเชียร์ ผีแดง-แมนฯ ยูฯ หรือ หงส์แดง-ลิเวอร์พรุน ก็แล้วแต่ เห็นว่าจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งพรวดๆ พราดๆ ไปถึงระดับ 50,000 คนต่อวันไปแล้วในทุกวันนี้ ชนิดต้องเตรียมงัด แผนสำรอง หรือ แปลน-บี ออกมาควบคุม บังคับผู้คนกันอีกเที่ยว ไม่ว่าการหวนกลับไปทำงานที่บ้าน การสวมหน้ากากในที่สาธารณะ การที่ต้องมีบัตรผ่านวัคซีนติดตัวไว้รับประกันการันตี การติดเชื้อ-ไม่ติดเชื้อ ฯลฯ เป็นต้น...
-----------------------------------
ขณะที่บ้านเรา...จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อในแต่ละวัน ก็ยังคงลดลงๆ ไปตามลำดับ ช่วงนี้เห็นว่าเหลือประมาณ 3 พัน 4 พันคนไม่ปาเข้าไประดับหมื่น-สองหมื่น เหมือนแต่ก่อน ดังนั้น...การเปิดประเทศ เปิดบ้าน เปิดเมือง เพื่อป้องกันมิให้ต้อง อดตาย ไปซะก่อนล่วงหน้า มันจึงไม่น่าจะก่อให้เกิด ผลกระทบ มากมายซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะถ้าหากยังเปิดกันแบบแง้มๆ งับๆ ไม่ถึงกับคิดจะอ้าซ่า แบรับ กันลูกเดียว รวมทั้งถ้าหากผู้คนยังคงระมัดระวังตัวเอาไว้มั่ง ยังพร้อมที่จะยกการ์ด สวมการ์ด สวมหน้ากาก 2 ชั้น 3 ชั้น ล้างมือ ล้างไม้ เว้นช่อง เว้นระยะห่างกันพอประมาณ ไม่คิดจะพ่นละอองเรณูเกสรใส่กันและกันแบบโดยอิสระและเสรี โอกาสที่พอจะ อยู่ๆ กันไปได้ ไม่ถึงกับต้อง ป่วยตาย หรือ อดตาย ย่อมต้องมีความเป็นไปได้ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
-------------------------------------
ส่วนประเภทที่คิดจะไปรวมหัว รวมตัว พ่นละอองเรณูเกสรใส่รัฐบาล หรือใส่มาตรา 112 อะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ อันนั้น...คงต้องปล่อยให้เป็นไปตาม กรรม ของใคร-ของมันก็แล้วกัน คือจะไปฉุด ไปรั้ง ไปดุด่า ว่ากล่าว คงน่าจะ เอาไม่อยู่ ไปด้วยกันทั้งสิ้น เพราะขนาดเชื้อโควิด เชื้อเดลตา โอมิครอน มันยังไม่คิดจะกลัว ไม่คิดจะเกรง เลยเหลืออยู่แต่เฉพาะเชื้อ กัปตันคุก หรือ คุก...คุก...คุก รายเดียวเท่านั้น ที่อาจพอช่วยให้รู้สึก รู้สา ขึ้นมามั่ง แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าจะรวมหัว รวมตัว กันในลักษณะใดก็ตาม โดย เงื่อนไข และ เหตุปัจจัย ช่วงนี้ มันคงออกจะยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ ที่จะจุดปั๊บ-ติดปุ๊บ ขึ้นมาง่ายๆ คืออย่างน้อย...ก็คงต้องรอกันอีกเป็นปีๆ กว่าที่ คลื่นสึนามิทางเศรษฐกิจ มันจะออกฤทธิ์ ออกเดช จะโหมกระหน่ำเข้ามาจริงๆ อีกทั้งยังต้องอาศัย ความชอบธรรม หรือศีลธรรม-คุณธรรม ในหมู่กลุ่มก้อนตัวเอง ว่ายังคงหลงเหลือติดปลายนวมอยู่อีกซักเท่าไหร่ มันถึงจะพอก่อรูป ก่อร่าง ให้เป็นระบบเป็นกิจการและเป็นกระบวนการ ไม่ใช่เป็นไปแต่เฉพาะกลุ่มเดิมๆ หน้าเดิมๆ แต่เพียงเท่านั้น...
--------------------------------
ดังนั้น...สรุปเอาเป็นว่า ภายใต้บรรยากาศทำนองนี้ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา ก็น่าจะ อยู่ยาวว์ว์ว์ ไปได้อีกเป็นปีๆ โอกาสที่ใครคิดจะไปหัก ไปโค่น น่าจะยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ ยกเว้นแต่ ผู้กองแป้ง ว่าคิดจะล้างแค้น-เอาคืน แบบชนิด เสือล้างสิงห์เจอลิงล้างก้น หรือไม่ ประการใด แนวโน้มของการหัก การโค่น การแซะ การเสี้ยม มันจึงไหลกลับเข้าไปสู่ เวทีรัฐสภา อย่างเห็นได้ค่อนข้างชัดเจน คือหนักไปทางการเคลื่อนไหว เคลื่อนที่ การขยับปีก ขยับหาง ของบรรดาพวก นักการเมือง ทั้งหลายเขานั่นแหละ ที่ชักออกอาการ มันจุกอก ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ชนิดไม่ว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หรือเลือกตั้ง ส.ส. ที่ยังอาจต้องใช้เวลาเกือบเป็นปีๆ แต่ก็ยังทำให้เกิดอาการพล่านน์น์น์ อาการซ่านน์น์น์ ของบรรดานักการเมืองในแต่ละกลุ่ม แต่ละราย ไปได้ถึงปานนี้...
-------------------------
ส่วนบรรดาประชาชน ปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆ-ทั่นๆ ก็อย่าถึงกับไปพล่านน์น์น์ ไปซ่านน์น์น์ให้ต้องเสียเวลาทำมาหากินโดยใช่เหตุ เพราะแค่การตั้ง สติ ตั้ง สมาธิ ในการรับมือกับการ ป่วยตาย หรือ อดตาย จากภาวการณ์แพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิดมาร่วม 2 ปีเข้าไปแล้ว ก็ออกจะเป็นอะไรที่ เหนื่อยฉิบหาย และคงหนีไม่พ้นต้องเหนื่อยต่อไปอีกซักพักใหญ่ๆ ถึงทุกสิ่งทุกอย่างจะหวนกลับมาสู่สภาพเดิมๆ ดังนั้น...ในช่วงระหว่างนี้ก็คงต้องอาศัย ขันติธรรม หรือความอดทน อดกลั้น ให้มากๆ เข้าไว้นั่นแหละเป็นดี...
------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Anon (อีกครั้ง)... “Patience is the virtue most needed just when we run out of it. - ขันติธรรม ความอดทน อดกลั้น เป็นคุณสมบัติที่เรามักขาด โดยเฉพาะในยามที่เราต้องการมันที่สุด...”.
---------------------------------------------------------
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่าถึงกับต้องไปถือสาหาความ
ถือซะว่า...ท่านอาจ หาเสียง มาซะจนเคย!!! คือการประกาศจะสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาก่อนล่วงหน้า 2 ปีเนี่ย ย่อมมิใช่น้อยๆ
ต้องเริ่มต้นด้วยการทำลาย 'ความเกลียด'
นับตั้งแต่คุณน้า ชัชชาติ บุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี ท่านแลนด์สไลด์ แอฝะล้านช์ หิมะถล่ม ดินทลาย ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!
เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย
ว่าด้วย...ชัยชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
อืมม์ม์ม์...ต้องเรียกว่าทั้ง แลนด์ ทั้ง สไลด์ เอาเลยทีเดียวเจียว สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
จาก กทม.ถึงความเป็นชาติ เป็นสังคมไทย
ขณะกำลังปั่นต้นฉบับชิ้นนี้...ก็ยังไม่มีโอกาสรับรู้ได้เลยว่า ตกลงใครเป็นหมู่ เป็นจ่า เป็นสารวัตรกันแน่!!!
ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”
หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น