ปรองดองของจริง...ต้องระวังวาจา

ในการออกมาแถลงการณ์แต่ละครั้ง พรรคเพื่อไทยยังคงขึ้น banner เป็นฉากหลังของการนั่งแถลงข่าวว่า "มุ่งมั่นแก้วิกฤตการณ์ประเทศ" ชึ่งถ้าหากจะตีความจากถ้อยคำที่ใช้ เราจะได้กลิ่นอายของการด้อยค่ารัฐบาลลุงตู่ว่าตลอด 8 ปีที่รัฐบาลลุงตู่บริหารประเทศนั้น ได้นำพาประเทศเข้าสู่วิกฤต ซึ่งไม่เป็นความจริง รัฐบาลลุงตู่แก่ปัญหา พัฒนาประเทศ และนำพาประเทศพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดของโวรัสโควิด-19 จนได้อันดับต้นของโลก องค์การอนามัยโลกยกย่อง และรัฐบาลลุงตู่แก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจที่ทั่วโลกต้องเผชิญ เพราะปัญหาโควิด-19 การตกต่ำของเศรษฐกิจทั่วโลก และความขัดแย้งของประเทศต่างๆ ด้วยการใช้การท่องเที่ยวเป็นเฟือง

เศรษฐกิจ และใช้ EEC ในการดึงการลงทุนจากต่างประเทศ เรามีวิกฤตทางด้านสาธารณสุข เรามีวิกฤตเศรษฐกิจในยามที่มีโควิด แต่ลุงตู่ได้ดึงเราให้พ้นวิกฤตแล้ว ตอนนี้คือการเดินหน้าพัฒนาในรูปแบบของการสานต่อ โดยไม่ต้องไปนับหนึ่งใหม่

ตอนนี้พรรคที่ร่วมรัฐบาลกับลุงตู่ก็มาทำงานกับเพื่อไทยแล้ว คนของพรรคเพื่อไทยหยุดด้อยค่ากันไม่ได้เลยหรือไร ยังจะใช้วาทกรรมที่ตีความหรืออ่านระหว่างบรรทัดแล้วรู้สึกว่าเป็นการด้อยค่ารัฐบาลลุงตู่ไปอีกนานเท่าไหร่ แทนที่จะใช้ข้อความว่า “แก้วิกฤต” จะเปลี่ยนมาใช้ใช้ถ้อยคำว่า "มุ่งมั่นพัฒนาประเทศ" หรือ "มุ่งมั่นสร้างความเจริญก้าวหน้าให้ประเทศ" หรือ "มุ่งมั่นสร้างความผาสุกให้ประชาชน" ไม่ได้หรือ ถือว่าเป็นการให้เกียรติการร่วมรัฐบาลด้วยกันเถอะนะ พรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทย พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ก็ไม่คิดจะทักท้วงหรือพูดคุยขอร้องเพื่อไทยบ้างเลยหรือ แม้ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่ได้มีเสียงมากมายอะไร ก็ต้องเป็นการร่วมอย่างมีศักดิ์ศรี หรือจะต้องเกรงใจกันในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเชิญให้ร่วมรัฐบาล จนกระทั่งไม่คิดจะรักษาศักดิ์ศรีเอาไว้บ้างเลยหรือ จะยอมให้คนของพรรคเพื่อไทยพูดจาด้อยค่าแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน

ที่พูดอย่างนี้ ไม่ได้ต้องการตอกย้ำความขัดแย้งนะ เพราะเป็นคนหนึ่งที่พอใจกับรัฐบาลสูตร Choc Mint ที่เป็นการสลายขั้วความขัดแย้ง หมดเวลาแบ่งข้าง แบ่งฝ่าย เป็นคนพูดเองว่าต่อไปนี้จะไม่ด่าทอต่อว่าใคร จะขอติดตามการทำงานของรัฐบาลสูตร Choc Mint อะไรดีก็จะชม อะไรไม่ดีก็จะขอท้วงติง ส่วนใครทำผิดกฎหมายไว้ ก็ให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม แต่ในความตั้งใจของเราเช่นนี้ เราในฐานะเป็นคนที่เรียนทางด้านการสื่อสารมา รู้เรื่องการตีความการสื่อสารทั้งข้อความที่เป็น “วัจนภาษา” และกิริยาท่าทาง สีหน้า แววตาที่เป็น “อวัจนภาษา” เห็นการใช้ “คำ” ของคนในพรรคเพื่อไทยเวลาแถลงข่าวแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เพราะมันตีความได้ว่าคนของพรรคเพื่อไทยยังคงด้อยค่าการทำงานของรัฐบาลลุงตู่อยู่เหมือนเดิม

พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลาย จำบทเรียนไม่ได้หรือ ในตอนเป็นรัฐบาลช่วง 62-66 โดนคนของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล สื่อที่แนวร่วมของสองพรรคนี้ และนักวิชาการที่เป็นแนวร่วมของสองพรรคนี้ สร้างวาทกรรมด้อยค่าการทำงานของรัฐบาลมาตลอด โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลที่ใช้  social media โพสต์วาทกรรมที่เป็นความเท็จและบิดเบือนความจริง ฟาดฟันด้อยค่ารัฐบาลลุงตู่อย่างเข้มข้นมาตลอด ทั้งคนของพรรคเพื่อไทยและคนของพรรคก้าวไกลจะรุมด้อยค่ารัฐบาลลุงตู่ว่า 8 ปีไม่มีผลงานบ้าง ประเทศไทยอยู่ในหุบเหวบ้าง ประชาชนทุกข์ทรมานมา 8 ปีบ้าง แล้วยังแบ่งขั้วว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ส่วนพรรคที่ร่วมรัฐบาลกับลุงตู่เป็นฝ่ายเผด็จการ สืบทอดอำนาจ ทั้งๆ ที่มาจากการเลือกตั้งเหมือนกัน ในตอนนั้นพรรคร่วมรัฐบาลกับลุงตู่ก็ปล่อยให้เขาสร้างวาทกรรมด้อยค่าไปเรื่อยๆ ไม่ชี้แจง ไม่ตอบโต้ ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ใช้ social media ให้มีความเข้มข้นในระดับเดียวกับฝ่ายค้าน ปล่อยสองพรรคที่เป็นฝ่ายค้าน ตลอดจนสื่อแนวร่วมและนักวิชาการแนวร่วม และด้อมส้มเผยแพร่ชุดข้อมูลใส่หัวประชาชนเป็นปีๆ จนประชาชนเชื่อว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง พวกเขาจึงเลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล มากกว่าพรรคร่วมรัฐบาลกับลุงตู่

ผลงานในการพัฒนาประเทศมีมากมาย แต่สื่อสารไม่มากเท่าฝ่ายตรงกันข้ามที่สื่อสารด้วยวาทกรรมด้อยค่ารัฐบาล จึงพ่ายยับอย่างที่เห็น เมื่อคนของพรรคเพื่อไทยยังเลือกใช้คำที่ด้อยค่าผลงานของรัฐบาลลุงตู่เช่นนี้ พรรคร่วมทั้งหลายอย่าวางเฉยกับการใช้วาทกรรม "เดินหน้าแก้วิกฤตการณ์ของประเทศ" เลยนะคะ พูดคุยขอร้องกันดีๆ ให้คนของพรรคเพื่อไทยหยุดด้อยค่าผลงานของรัฐบาลลุงตู่กันหน่อยเถอะ เพราะในความเป็นจริงนั้น ผลงานลุงตู่มีมากมาย ทั้งการแก้ปัญหาที่หมักหมมมานาน และการพัฒนาประเทศด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน Logistics และด้านเทคโนโลยีดิจิทัลกับโทรคมนาคม ทำให้ประเทศไทยติดอันดับต้นๆ ของการพัฒนาด้วยเป้าหมายของการดำรงความยั่งยืน มีเงินคงคลังสูง มีเงินทุนสำรองสูง มีทองสำรองประกันค่าเงินสูง มีการลงทุนจากต่างประเทศสูง มีการท่องเที่ยวที่เฟื่องฟูอันดับต้นๆ ของโลก ฝ่าวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลนำหน้าประเทศอื่นๆ ในโลก ไหนๆ ก็มาร่วมงานกันแล้ว ให้เกียรติกันหน่อยน่าจะดีกว่าใช้ถ้อยคำที่ด้อยค่ากันไม่เลิกนะ

อยากถามพรรคร่วมว่าเห็นวาทกรรมด้อยค่าอย่างที่เพื่อไทยใช้อยู่ในตอนนี้ พวกท่านไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ หรือ เป็นเพราะท่านเป็นสุภาพบุรุษ หรือเกรงใจพรรคเพื่อไทยจนไม่กล้าที่จะพูดอะไรเลย หรือว่าถือสุภาษิตไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ หรือเป็นจริงอย่างที่เขาว่า เลยไม่คิดจะพูดจาขอร้องอะไรเขาเลย แม้ว่า FC ของพรรคร่วมพร้อมที่จะทำใจให้มีรัฐบาล Choc Mint แต่ก็ไม่อยากเห็นว่าเป็นการร่วมอย่างไร้ศักดิ์ศรี ไม่กล้าแม้แต่จะขอร้องให้พรรคเพื่อไทยหยุดด้อยค่าผลงานของรัฐบาลลุงตู่ เมื่อสลายขั้วแล้วก็ควรหยุดด้อยค่ากันนะ

เรื่องการท่องเที่ยวที่ประเทศไทยเราอยู่ระดับแนวหน้าของโลก ท่านนายกฯ เศรษฐาและสมาชิกเพื่อไทย ถ้าหากท่านยังเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยวในฐานะเป็นเฟืองสำคัญของพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ กรุณาพูดว่า "เราจะเดินหน้าต่อยอดส่งเสริมการท่องเที่ยว" เถอะนะ อย่าใช้คำว่า "จะพลิกฟื้น" การท่องเที่ยว เพราะฟังแล้วมันเหมือนการท่องเที่ยวของเรากำลังตกต่ำ ย่ำแย่ ซึ่งมันไม่ใช่ การท่องเที่ยวเราเติบโตเฟื่องฟุ้งอย่างมาก เมื่อมาร่วมกันเป็นรัฐบาลแล้ว ควรระวังการใช้คำกริยา คำคุณศัพท์หน่อยนะ คำทุกคำเป็น loaded words หมายความว่าคำทุกคำมันเป็นคำที่แฝงทัศนะ แฝงท่าทีความรู้สึกและความคิดเห็นของผู้พูด ดังนั้นต้องหยุดการเลือกใช้คำที่ด้อยค่าผลงานของพรรครัฐบาลลุงตู่ เพราะตอนนี้พรรคร่วมของรัฐบาลลุงตู่ก็มาร่วมกับพรรคเพื่อไทยแล้ว อย่าใช้คำที่มันด้อยค่าผลงานของพรรคร่วมเลยนะ การด้อยค่ากันในช่วงหาเสียงพอเข้าใจได้ แต่ตอนนี้หมดเวลาหาเสียง ก็ต้องเลิกด้อยค่ากันนะคะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สับสนอลหม่าน แพทองธาร...พาลแพแตก

เราเคยทำนายไว้ว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีที่ชื่อเศรษฐาพ้นจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และได้แพทองธารมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31

โลกแห่งความเป็นจริงที่กำลังถูกกลืนกิน

ด้วยความก้าวหน้า-ก้าวไกลของเทคโนโลยีข้อมูล-ข่าวสาร ที่เตลิดเปิดเปิงไปถึงระดับ 5G-6G และไม่รู้จะอีกกี่ G ภายในอนาคตอันใกล้ แถมยังมีตัวเร่ง ตัวกระตุ้น

เก้าอี้ 'ผบ.ตร.' ชัด

อุ๊ย....อุ๊ย แม้ บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.จะปฏิเสธเสียงแข็งการเข้าพบ นายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เกี่ยวกับการทาบทาม

เลือกผู้แทนกันยังไง...เมืองไทยจึงเป็นเช่นนี้

หลังจากรู้ผลการเลือกตั้งในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 บ้านเมืองไทยก็ดูพิกลพิการ อยู่ในสภาพที่ไม่อาจจะเดินหน้าเพื่อการพัฒนาที่จะสร้างความเจริญก้าวหน้า

ว่าด้วยการ'ฟันธง'ของนักวิเคราะห์ทั้งหลาย

ถึงเคยคลุกคลีอยู่กับการ วิเคราะห์ การบ้าน-การเมือง มาร่วมกว่าๆ 2 ทศวรรษเห็นจะได้ แต่ด้วยอายุปูนนี้และด้วยสภาพแวดล้อมที่ทำให้ตัวเองใกล้ๆ